หลังจาก เพจเฟซบุ๊ก นิวส์ชลบุรี-ระยอง ออนไลน์ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า บริษัทCARS 24 บริษัทขายรถแลกเปลี่ยนรถชื่อดัง ประกาศปิดกิจการทุกสาขาทั่วประเทศในวันที่ 25 เมษายน 2567 ขาดทุนหลักพันล้าน พนักงานตกงานทันทีหลายชีวิต มีการชดเชยให้พนักงงาน
บริษัท CARS 24 บริษัทขายรถแลกเปลี่ยนรถชื่อดัง มีขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ขนาดใหญ่ระดับประเทศ คาดการณ์ว่า ด้วยราคารถมือสองร่วงหนัก และรถถูกยึดเข้าลานประมูลจนล้นลาน ระบายออกยาก ราคาตกหนัก จนผู้บริหาร (บริษัทสัญชาติอินเดีย) เห็นการเดินหน้าของกิจการสุ่มเสียงจะขาดทุนหนักไปกว่าเดิมจึงตัดสินใจประกาศปิดกิจการแบบฟ้าผ่า
ส่วนในกรณีลูกค้าได้ออกรถกับทางบริษัทไปก่อนหน้านี้ก็ผ่อนกับไฟแนนซ์ ตามปกติ และจะมีการเร่งระบายรถที่คงค้างอยู่ในบริษัท ออกให้หมดอย่างเร่งด่วน อาจจะมีการลดราคารถลงอีกต้องรอติดตามกันอีกที ใครที่สนใจรถมือสองคุณภาพดี ลองเข้าไปเช็คราคา ในแอปของทาง Cars 24 หรือที่เวปไซต์ได้
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า บริษัท CARS24 ได้จดทะเบียนบริษัท เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2564 มีทุนจดทะเบียน 920 ล้านบาท โดยผู้บริหารเคยได้ให้ข้อมูลถึงการรุกตลาดรถยนต์มือสองในไทยไว้ว่า ประเทศไทยได้ชื่อว่าศูนย์กลางผลิตยานยนต์สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นตลาดใหญ่สำหรับคนที่มีรถยนต์เป็นของตัวเอง (เฉลี่ยต่อหัวสูงกว่าหลายประเทศในอาเซียน) และมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างมาก จะเห็นได้จากยอดขายรถยนต์มือสองในเมืองไทยที่แซงหน้ายอดขายรถยนต์ใหม่และเมื่อดูกระแสการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ ก็พบว่า ผู้บริโภคชาวไทยโดยเฉลี่ยส่วนใหญ่ใช้เวลาเกือบ 4 ชั่วโมงต่อวันบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่นเดียวกับการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซในเมืองไทยที่สูงขึ้น
CARS24 มีวิสัยทัศน์ คือ การมอบประสบการณ์ใหม่บนช่องทางออนไลน์ที่สมบูรณ์แบบ และทำให้เราเป็นแบรนด์ที่ผู้ใช้นึกถึง
สุรศักดิ์ จรินทร์ทอง นายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และจักรยานยนต์ไทย ได้ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวถึงการปิดกิจการของ CARS24 ประเด็นหลัก คือ เรื่องของสินเชื่อ เนื่องจากตัวเลขหนี้ครัวเรือนสูงขึ้น ทำให้ความเสี่ยงในส่วนของการขอสินเชื่อ สถาบันการเงินมีความกังวลในเรื่องของการผ่อนชำระ นอกจากนี้ยังมองว่า CARS24 มีสต็อกรถยนต์มีจำนวนมาก แล้วปล่อยรถยนต์ไม่ได้ตามที่ต้องการ รวมถึงดอกเบี้ยจากไฟแนนซ์แพง จนทำให้เกิดภาวะผ่อนไม่ไหว เพราะคนส่วนใหญ่ที่ซื้อรถยนต์มือสองจะไม่ซื้อเงินสด ซื้อเงินผ่อน
ส่วนกระแสรถยนต์ไฟฟ้าที่ตอนนี้กำลังกลายเป็นที่นิยม มองว่ายังไม่เป็นปัจจัยหลัก เพราะหากมองถึงความต้องการของกลุ่มคนที่ชื่นชอบรถยนต์ไฟฟ้า เป็นคนละกลุ่มกัน นอกจากนี้ในส่วนของราคารถยนต์ไฟฟ้า แม้ว่าจะมีบางรุ่นที่ราคาต่ำกว่าล้าน แต่หากเทียบกับราคารถยนต์มือสองที่คนส่วนใหญ่ซื้อ จะเลือกซื้อที่ราคาต่ำกว่า 7แสนบาทมากกว่า
