นับเป็นรัฐบาลชุดแรกที่มีการปรับครม.ต่อเนื่องติด ๆ กันสองครั้งในห้วงเวลาเดียวกัน จาก เศรษฐา 1/1 สู่เศรษฐา 1/2 โดยที่การปรับครั้งแรกกระบวนการยังไม่เสร็จสิ้น รัฐมนตรีที่เข้าใหม่กับที่ถูกโยกสลับเก้าอี้ ยังไม่ทันได้เริ่มทำงาน ก็ต้องปรับใหม่อีกรอบ
รัฐมนตรีที่ได้รับโปรดเกล้าฯ ต้องรอไปเข้าเฝ้าถวายสัตย์ฯ พร้อมกันทั้งเศรษฐา 1/1 และ 1/2
วางปัญหาเรื่อง ‘อุบัติเหตุ’ ทางการเมืองที่นำไปสู่ความไม่ลงตัวในการปรับครม.เอาไว้ก่อน ไม่ว่าจะเกิดจากเทคนิคการสื่อสารภายใน ตามที่ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ออกปากขอโทษไปแล้ว หรือเป็นอารมณ์สะสม ไม่ลงรอยกันภายในจนนำไปสู่คำที่ว่า ‘พี่ตั้ง-น้องปลด’ อย่างที่มีการร่ำลือก็ว่ากันไป
แต่ประมวลจากความเห็นรอบทิศแล้ว ปรับครม.เที่ยวนี้ พรรคเพื่อไทย ‘ติดลบ’ ไปเต็ม ๆ ชนิดที่ไม่ต้องรอการทำโพลจากสำนักไหน
ไล่ไปตั้งแต่ ‘นายใหญ่’ ที่เสื่อมมนต์ลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อมีการตอบโต้หนักหน่วงรุนแรงจากคนในพรรคเพื่อไทยหลากหลายรูปแบบ ชนิดที่ไม่มีคำว่า ‘เกรงใจ’ กันอีกต่อไป ทำให้ถูก **‘ลบเหลี่ยม’**สูญเสียความเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณไปเยอะ
ส่วนนายกฯ เศรษฐา ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะปกติก็มีคำถามเรื่องหลายนายกฯ อยู่แล้ว พอมาเจอเรื่องนี้เข้า ยิ่งทำให้น้ำหนักคำพูดใครต่อใครที่ย้ำอยู่เสมอว่า อำนาจอยู่ที่นายกฯ นั้น ตกลงเป็นนายกฯ คนไหน?
เที่ยวนี้จึงทำให้ความเป็นผู้นำตัวจริงของนายกฯ เศรษฐา หายไปอีกเป็นกอง
ถัดมาเรื่องการวางตัวรัฐมนตรี ที่จงใจเปิดพื้นที่ว่างในกระทรวงเกษตรฯ ไม่มีคนของพรรคเพื่อไทยแม้แต่คนเดียว ในทางการเมืองแม้จะเป็นที่ทราบกันดีว่า ‘ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า’ ที่เป็นรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงอยู่เวลานี้ ก็คือคนของเพื่อไทยในอนาคตก็ตาม
แต่ปัจจุบันของจริงคือ กระทรวงเกษตรฯ ถูกคนของ ‘พลังประชารัฐ’ ยึดเอาไว้เบ็ดเสร็จเพียงพรรคเดียว ดังนั้นจึงมีนักวิชาการบางคนใช้คำว่า พรรคเพื่อไทย ทิ้งเกษตรกร ทั้ง ๆ ที่ในช่วงหาเสียงมีนโยบายที่เกี่ยวกับชีวิตเกษตรกรมากมาย แต่พอมาเป็นรัฐบาลกลับปล่อยให้พรรคร่วมรัฐบาลฮุบกระทรวงนี้ไปบริหารแทน
ต่อให้ถึงวันเลือกตั้งเที่ยวหน้า ผู้กองธรรมนัส จะยกก๊วนไปอยู่พรรคเพื่อไทยก็ตาม แต่เพื่อไทย ก็ไม่มีผลงานใดในกระทรวงเกษตรฯ ไป ‘อวด’ ชาวบ้านได้ว่าเป็นของตัวเองที่ทำไว้ เพราะนั่นคือ ผลงานของพรรคพลังประชารัฐ
สุดท้ายความพยายามที่จะรีแบรนด์พรรคเพื่อไทย ดึงคนใหม่ ๆ เข้ามาเสริมทัพสู้ศึกเลือกตั้งเที่ยวหน้า ก็น่าจะไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะจากการปรับ ครม.แบบ ‘เสร็จนาฆ่าโค’ หนนี้ คงทำให้หลายคนขยาด ที่แม้แต่มวลชนคนเสื้อแดงด้วยกันเองยังรับไม่ได้
การปรับครม.เที่ยวนี้ เพื่อไทย จึงเจอทั้งขึ้นทั้งล่อง มีทั้งเสียหน้า ‘สูญเสีย’ ภาวะการนำ สร้างความ‘ร้าวฉาน’ ขึ้นภายในพรรค ไม่นับเสนาบดีใหม่ที่เข้ามาบางคนยัง ‘เฉดสีเทาๆ’ อีกต่างหาก
อย่างนี้จะไม่ให้เรียกว่าเพื่อไทยปรับ ครม.แล้วติดลบได้อย่างไร
