สถานการณ์ไฟไหม้โรงงานเก็บของกลางที่เป็นสารเคมี จำนวน 4,000 ตัน ที่ อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (1 พ.ค.) ยังคงส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง แม้ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จะควบคุมเพลิงได้แล้ว แต่เนื่องจากพื้นที่โดยรอบเป็นพื้นที่ใกล้ชุมชน จึงทำให้พื้นที่โดยรอบโรงงานยังเป็นพื้นที่อันตรายอยู่
โดยเช้านี้ ( 2 พ.ค.) ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สั่งการทุกหน่วยสนับสนุนการดับไฟและบรรเทาสถานการณ์ไฟไหม้โกดังดังกล่าว อย่างเต็มที่ รวมทั้งตรวจสอบสารเคมีตกค้าง และอพยพประชาชนบริเวณใกล้เคียง พร้อมสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นหัวหน้าทีมและช่วยเหลือดูแลประชาชน
นอกจากนี้ นายกฯ ยังกำชับให้วางแผนการทำงาน แบ่งทีมการทำงานแก้ไขสถานการณ์ ดับไฟ ฉีดน้ำซับสารเคมี ตรวจสอบการเคมีตกค้าง และให้ความช่วยเหลือประชาชนบริเวณใกล้เคียง รวมทั้งขอให้ทีมช่วยเหลือจากจังหวัดใกล้เคียง แสตนบายช่วยเหลือหากได้รับการร้องขอ
รวมทั้ง ประชาสัมพันธ์ประชาชน ใส่หน้ากากอนามัย และไม่ออกมาอยู่บริเวณที่โล่ง พร้อมระดมแพทย์เข้าดูแลด้วย
ขณะที่ โรงพยาบาลภาชี ออกประกาศปิดโรงพยาบาลชั่วคราวทุกแผนก และขอให้ติดต่อรับบริการได้ที่
โรงพยาบาลสนาม วัดโคกม่วง แทน พร้อมระบุว่า เนื่องจากเกิดเหตุไฟไหม้โกดังเก็บสารเคมี หมู่ที่ 2 ตำบลภาชี อยู่ใกล้โรงพยาบาลภาชี ในระยะ 600 เมตร ทำให้โรงพยาบาลได้รับผลกระทบ ขอปิดการให้บริการชั่วคราวทุกแผนก หากเจ็บป่วยฉุกเฉินให้ไปรับบริการที่โรงพยาบาลใกล้เคียง เจ็บป่วยทั่วไป ให้ไปรับบริการที่รพ.สต.ใกล้บ้าน หรือโรงพยาบาล สนามวัดโคกม่วง หากสถานการณ์ปกติและพร้อมให้บริการจะประชาสัมพันธ์ให้ทราบต่อไป
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าทีมผจญเพลิงที่เข้าไปควบคุมเหตุไฟไหม้ภายในโกดัง พบว่าน้ำที่อยู่ในที่เกิดเหตุ มีสภาพเป็นกรดกัดกร่อนรุนแรง โดยเจ้าหน้าที่บางคนได้ถูกน้ำที่มีสภาพเป็นกรดกัดกร่อนรองเท้าจนได้รับความเสียหาย
