5 ประเด็นเศรษฐกิจไทย ที่คนพูดถึงมากสุดปี 2565 สะท้อนอะไร?

  • แบงก์ชาติ สะท้อนปัญหาเศรษฐกิจไทย 5 ด้าน ตลอดปี 2565 ที่คนพูดถึงมากสุด
  • ส่งสัญญาณ ‘ปัญหายังไม่จบ’ ต้องระวังต่อในปี 2566
Share with trust
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ รวบรวม 5 เรื่องเศรษฐกิจไทย ที่คนพูดถึงมากที่สุดในปี 2565 หลังกลายเป็นผลกระทบมาอย่างยาวนาน และคาดว่า จะยังไม่จบง่ายๆ 
 

เรื่องแรก : ปัญหา ‘เงินเฟ้อ’ 

เงินเฟ้อไทยปี 2565 เกิดจากปัจจัยด้านอุปทาน (cost-push) ตามราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งเป็นปัจจัยภายนอกที่การขึ้นดอกเบี้ยนโยบายไม่สามารถจัดการได้โดยตรง แต่หากเงินเฟ้อยังสูงต่อเนื่องเป็นเวลานาน จะทำให้คนเริ่มคาดว่า เงินเฟ้อจะสูงต่อไปเรื่อย ๆ ยากที่จะลดลง กลายเป็นผลกระทบกับลูกจ้าง ที่จะขอขึ้นค่าแรงเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ธุรกิจปรับขึ้นราคาสินค้าและบริการต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจในทางอ้อม 
 
แบงก์ชาติจึงปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อช่วยดูแลเงินเฟ้อในภาวะเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวชัดเจนขึ้นจากโควิดแล้ว ซึ่งการขึ้นดอกเบี้ยจะทำแบบค่อยเป็นค่อยไป 
 

เรื่องที่ 2 : เงินสำรองระหว่างประเทศ 

มีไว้เพื่อเป็นกันชนรองรับความเสี่ยงด้านต่างประเทศ เช่น กรณีเงินทุนไหลออกจำนวนมาก หรือตลาดการเงินขาดสภาพคล่องเงินตราต่างประเทศเฉียบพลัน หากประเทศมีเงินสำรองเพียงพอ จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน 
 
โดยฐานะของเงินสำรองของไทยยังแข็งแกร่ง และอยู่ในระดับสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานสากล เช่น มูลค่าเงินสำรอง เทียบกับหนี้ต่างประเทศระยะสั้น หรือมูลค่าการนำเข้าสินค้า  
 

เรื่องที่ 3 : CBDC  

CBDC หรือคือ ‘เงินสกุลดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง’ ซึ่งต่างจากคริปโตเคอร์เรนซีที่ออกโดยภาคเอกชน เช่น บิตคอยน์ ซึ่งมักมีมูลค่าผันผวน และความเสี่ยงขึ้นกับผู้ออกเหรียญ แบงก์ชาติได้พัฒนารูปแบบการโอนเงินแบบเครือข่ายหลายประเทศภายใต้โครงการ CBDC ระหว่างสถาบันการเงิน (mBridge) ร่วมกับธนาคารกลางจีน ฮ่องกง และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอยู่ระหว่างการเตรียมทดสอบการใช้งาน CBDC จริงกับรายย่อย (Retail CBDC) ในวงจำกัดร่วมกับภาคเอกชน เพื่อประเมินประโยชน์ ความเสี่ยง และความเหมาะสมของเทคโนโลยีต่อไป 
 

เรื่องที่ 4 : ค่าเงินบาท 

ปี 2565 นี้ ค่าเงินบาทและสกุลเงินอื่นในเอเชียเคลื่อนไหวผันผวนภายใต้ความไม่แน่นอนในตลาดการเงินโลกที่สูงจากโควิด การปรับทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารทั่วโลก และแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ผ่านมา เงินบาทและสกุลภูมิภาคมีแนวโน้มอ่อนค่า จากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ  
 
โดยแบงก์ชาติได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด อีกทั้งภาคเอกชนควรบริหารความเสี่ยงด้านค่าเงินอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงิน 
 

เรื่องที่ 5 : มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ 

จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ยืดเยื้อ แบงก์ชาติได้ออกมาตรการทางการเงินเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย และธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งช่วยแก้หนี้เดิม และเพิ่มเงินใหม่ ซึ่งได้ปรับมาตรการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และตรงกับปัญหาลูกหนี้แต่ละกลุ่ม และได้ร่วมมือกับกระทรวงการคลังจัดงาน “มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ : มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางที่รายได้ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ สมัครเข้าร่วมได้จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2566 ฟรี ! ไม่มีค่าใช้จ่าย 
 
อย่างไรก็ตาม จากปัญหาข้างต้นที่คนพูดถึงมากที่สุดนี้ ยังเป็นตัวสะท้อน ‘ความเปราะบางของเศรษฐกิจไทย’ ที่กล่าวได้ว่า กว่าจะทะยานขึ้นจนทำให้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้เต็มที่ ยังต้องขึ้นกับปัจจัยเดิมๆ ซึ่งลากยาวมาจวบจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะประเด็นความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน จุดใหญ่สะท้อนเงินเฟ้อในบ้านเรา ยังไม่มีเค้าลาง ‘สงบ’  
 
ดังนั้น การดูแลตัวเอง เตรียมพร้อมเพื่อไปต่อในปี 2566 จึงควรต้องมีการวางแผนใช้จ่ายเงินรายได้ อย่างรอบคอบ ระมัดระวัง แบ่งสันปันส่วนการใช้ และจ่ายหนี้ จะเป็นหนทางที่ดี ที่จะบรรเทาปัญหาต่างๆ ลงไปได้ไม่มากก็น้อย