ภาวิต จิตรกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) สายธุรกิจ จีเอ็มเอ็ม มิวสิค บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เผย กว่า 3 ปีที่โลกต้องเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อทุกธุรกิจและทุกอุตสาหกรรม ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจเพลงที่ได้รับผลกระทบหนักทั่วโลก ที่ทำให้ต้องหยุดจัดคอนเสิร์ต แต่สำหรับ GMM MUSIC ซึ่งปรับตัวได้อย่างรวดเร็วด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแรง สร้างการเจริญเติบโตฝ่าวิกฤตโควิด ส่งผลให้ในปี 2565 ที่ผ่านมา GMM MUSIC ทำรายได้รวมสูงถึง 3,043 ล้านบาท มีกำไร 355 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตขึ้นของรายได้ที่ 67%
ถือเป็นการเติบโตแบบสวนกระแส ผลมาจาก 2 กลุ่มธุรกิจหลักที่ถือได้ว่าเป็นธุรกิจสำคัญของแหล่งรายได้ที่เพิ่มขึ้น ชี้ถึงโอกาสของการเติบโตในระยะยาว ประกอบด้วย
จึงทำให้ในปี 2565 ที่ผ่านมา GMM MUSIC มียอดการสตรีม ทั้งหมด 14,000 ล้านการสตรีม เกิดจากการสร้างเพลงใหม่จำนวนทั้งสิ้น 404 เพลง โดยแบ่งออกเป็น 30 อัลบั้ม, 153 ซิงเกิล, 44 เพลงประกอบภาพยนตร์ และ 48 เพลงคัฟเวอร์ อีกทั้งถูกนำไปสร้างและแชร์เป็นเพลย์ลิสต์จำนวน 3,817 เพลย์ลิสต์ ซึ่งเพลงใหม่ทั้งหมดนั้นสร้างการสตรีมจำนวน 2,150 ล้านการสตรีม คิดเป็น 16% ของการฟังเพลง GMM MUSIC ทั้งหมด
ซึ่งสอดคล้องกับค่าเฉลี่ยการสตรีมเพลงใหม่ของบริษัทยักษ์ใหญ่ในโลก โดยมียอดการสตรีมอยู่ที่ประมาณ 15% หากแยกประเภทของแนวเพลงที่ได้รับความนิยมในการฟังของ GMM MUSIC 3 อันดับแรก คือ เพลงร็อก 40% เพลงลูกทุ่ง 32% และเพลงป๊อป 14%
นอกจากนี้ในปี 2565 เพลงและศิลปินของ GMM MUSIC ยังคงครองใจแฟน ๆ ได้อย่างเหนียวแน่น ทำให้มีเพลงยอดนิยมเข้าไปติดอันดับชาร์ตเพลงของแพลตฟอร์มดิจิทัลต่าง ๆ และยังเป็นปีของการแจ้งเกิดศิลปินใหม่ ครบทุกแนวเพลง ทั้งป๊อป ร็อก และลูกทุ่งอีกด้วย ทั้งนี้ภาพรวมความสำเร็จทางด้านการผลิตสามารถสรุปได้โดยย่อในหลากหลายมิติ ดังนี้
และวันนี้ GMM MUSIC ได้เปิดทิศทางการดำเนินธุรกิจ ปี 2566 ตั้งเป้ารายได้โต 25% เน้นการเติบโตทุกส่วนธุรกิจ เสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจเดิม และสร้างโอกาสขยายตัวธุรกิจใหม่ เพื่อตอกย้ำการเป็น MUSIC INFRASTRUCTURE อันดับ 1 พร้อมเน้น 5 Core Focus เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญพร้อมนำพาทุกธุรกิจของ GMM MUSIC พุ่งทะยานไปสู่เป้าหมายการสร้างรายได้ 3,800 ล้านบาทในปี 2566 นี้อย่างที่ตั้งไว้
ถือเป็นการเติบโตแบบสวนกระแส ผลมาจาก 2 กลุ่มธุรกิจหลักที่ถือได้ว่าเป็นธุรกิจสำคัญของแหล่งรายได้ที่เพิ่มขึ้น ชี้ถึงโอกาสของการเติบโตในระยะยาว ประกอบด้วย
- ธุรกิจ Digital Business ในปี 2565 มียอดรายรับที่ 1,089 ล้านบาท
- ธุรกิจ Right Management Business ในปี 2565 มียอดรายรับที่ 236 ล้านบาท
- ธุรกิจ Showbiz สร้างยอดรายรับที่ 542 ล้านบาท
- ธุรกิจ Live Show สร้างยอดรายรับที่ 410 ล้านบาท
จึงทำให้ในปี 2565 ที่ผ่านมา GMM MUSIC มียอดการสตรีม ทั้งหมด 14,000 ล้านการสตรีม เกิดจากการสร้างเพลงใหม่จำนวนทั้งสิ้น 404 เพลง โดยแบ่งออกเป็น 30 อัลบั้ม, 153 ซิงเกิล, 44 เพลงประกอบภาพยนตร์ และ 48 เพลงคัฟเวอร์ อีกทั้งถูกนำไปสร้างและแชร์เป็นเพลย์ลิสต์จำนวน 3,817 เพลย์ลิสต์ ซึ่งเพลงใหม่ทั้งหมดนั้นสร้างการสตรีมจำนวน 2,150 ล้านการสตรีม คิดเป็น 16% ของการฟังเพลง GMM MUSIC ทั้งหมด
ซึ่งสอดคล้องกับค่าเฉลี่ยการสตรีมเพลงใหม่ของบริษัทยักษ์ใหญ่ในโลก โดยมียอดการสตรีมอยู่ที่ประมาณ 15% หากแยกประเภทของแนวเพลงที่ได้รับความนิยมในการฟังของ GMM MUSIC 3 อันดับแรก คือ เพลงร็อก 40% เพลงลูกทุ่ง 32% และเพลงป๊อป 14%
นอกจากนี้ในปี 2565 เพลงและศิลปินของ GMM MUSIC ยังคงครองใจแฟน ๆ ได้อย่างเหนียวแน่น ทำให้มีเพลงยอดนิยมเข้าไปติดอันดับชาร์ตเพลงของแพลตฟอร์มดิจิทัลต่าง ๆ และยังเป็นปีของการแจ้งเกิดศิลปินใหม่ ครบทุกแนวเพลง ทั้งป๊อป ร็อก และลูกทุ่งอีกด้วย ทั้งนี้ภาพรวมความสำเร็จทางด้านการผลิตสามารถสรุปได้โดยย่อในหลากหลายมิติ ดังนี้
- Year of New Age Artist
- Year of Recruitment
- Top 100 Thai Songs of The Year
- Top Performance on YouTube
- Top Performance on TikTok
และวันนี้ GMM MUSIC ได้เปิดทิศทางการดำเนินธุรกิจ ปี 2566 ตั้งเป้ารายได้โต 25% เน้นการเติบโตทุกส่วนธุรกิจ เสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจเดิม และสร้างโอกาสขยายตัวธุรกิจใหม่ เพื่อตอกย้ำการเป็น MUSIC INFRASTRUCTURE อันดับ 1 พร้อมเน้น 5 Core Focus เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญพร้อมนำพาทุกธุรกิจของ GMM MUSIC พุ่งทะยานไปสู่เป้าหมายการสร้างรายได้ 3,800 ล้านบาทในปี 2566 นี้อย่างที่ตั้งไว้
เปิด 5 Core Focus ของ GMM MUSIC ได้แก่
1. Entertainment Data Intelligence
2. No.1 Music Performance in Thai Market
1. Entertainment Data Intelligence
- คือการลงทุนแพลตฟอร์มด้าน Big Data เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ GMM MUSIC ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายผลิต ฝ่ายขาย ฝ่าย Showbiz หรือ ฝ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
- GMM MUSIC ได้ลงทุนในการใช้ Machine Learning และ AI เพื่อเรียนรู้พฤติกรรมของแฟนเพลง ศิลปิน แบรนด์สินค้า ตลอดจนสื่อทุกแขนงที่มีความเกี่ยวพัน นำไปสู่ความแม่นยำอันสูงสุดในการเลือกใช้ศิลปิน การหาความสัมพันธ์ด้านต่าง ๆ กับแบรนด์สินค้า หรือสื่อและอินฟลูเอนเซอร์ที่หลากหลายตลอดจนนำไปสู่เรื่องของการทำ Data Prediction ที่สามารถมองเห็นความต้องการและปริมาณการซื้อบัตรในShowbiz สาขาต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำก่อนการขาย
2. No.1 Music Performance in Thai Market
- สร้างสรรค์และจัดวางแบรนด์ศิลปินให้ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์
- ขยายกำลังการผลิตเพลงเพิ่มเป็น 500 เพลง 32 อัลบั้ม 160 ซิงเกิล 5,000 เพลย์ลิสต์ ต่อปี
- รักษามาตรฐานการเป็นค่ายเพลงที่มียอดการสตรีมสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศ ทั้งจากเพลงใหม่และเพลงเก่า
- วางเป้าหมายในการสร้างศิลปินใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งศิลปินร็อก (New Rock Idol), ศิลปินลูกทุ่ง (New Country Idol) และศิลปินป็อปไอดอล (New Pop Idol) พร้อมเดบิวต์สู่ตลาดมากกว่า 15-20 ศิลปินใหม่
- สร้างเครือข่าย Recruitment ในการเฟ้นหาเด็กรุ่นใหม่เข้ามาเป็นศิลปินฝึกหัด ผ่านความร่วมมืออย่างเป็นทางการกับมหาวิทยาลัย สถาบันการศึกษา สถาบันสอน ร้อง-เต้น โมเดลลิ่ง มิวสิคคอมมูนิตี้ โปรดิวเซอร์ และผู้จัดในสาขาต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยจะมีการคัดเลือกเข้า-ออกตลอดอย่างต่อเนื่องทั้งปีด้วยหลักสูตรที่เข้มข้นของ GMM ACADEMY
- สร้างรายได้ให้เติบโตสูงสุดในกลุ่ม Digital Music ด้วยความเชี่ยวชาญด้าน Digital Performance
- นำความเชี่ยวชาญต่อยอดในการสร้าง Performance ที่สูงขึ้นในทุกสื่อโซเชียลมีเดียของค่ายและศิลปิน
- เชื่อมโยงโอกาสระหว่าง Music Marketing, Music Optimization และ Music Playlist ให้เกิดการเติบโตทั้งด้านรายได้ และพฤติกรรมการฟังเพลงของผู้บริโภค
- ยึด 7 จุด ยุทธศาสตร์ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ด้าน Music Festival – Indoor Concert ที่ดีที่สุด ใหญ่ที่สุด มีศิลปินมากที่สุด และมียอดผู้ชมมากที่สุด
- ขยายเข้าสู่โอกาสใหม่ ในการสอดแทรกเข้าสู่งานเทศกาลประจำจังหวัด งานฮาโลวีน งาน LGBTQ+ งานเทศกาลดนตรีระดับสากล คอนเสิร์ต และงานแฟนมีตติ้ง
GMM MUSIC เชื่อมั่นว่า การเติบโตที่ยั่งยืนคือหัวใจที่สำคัญที่สุดในการดำเนินธุรกิจในตอนนี้ GMM MUSIC ให้ความสำคัญในคุณค่าของศิลปิน ทีมงาน ทั้งเบื้องหน้า เบื้องหลัง และพนักงานทุกคน ที่จะอยู่ในวิชาชีพที่มีแรงบันดาลใจและต้องการความมั่นคงในธุรกิจ บวกกับความพร้อมที่จะร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นสื่อต่าง ๆ ค่ายนอก, โปรโมเตอร์, แพลตฟอร์ม, คู่ค้าทางธุรกิจ หรือแบรนด์สินค้าต่าง ๆ เพื่อที่จะมุ่งมั่นทำให้อุตสาหกรรมเพลงไทยเติบโตได้อย่างแข็งแรง ต่อเนื่อง และยั่งยืน