KCG เปิดตำนานบทใหม่ส่ง ‘อิมพีเรียล’ คุ้กกี้กล่องแดง IPO 170 ล้านหุ้นในตลาดฯ

24 ธันวาคม 2565 - 07:11

Investment-kcg-ipo-set-stock-market-SPACEBAR-Thumbnail
  • ยื่นไฟลิ่งเตรียมเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 170 ล้านหุ้น

  • พร้อมแต่งตั้ง บล.บัวหลวง เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

  • หวังเพิ่มศักยภาพศูนย์กระจายสินค้า คลังสินค้า เพิ่มกำลังการผลิต

ย้อนกลับไปเมื่อ ปี พ.ศ. 2501 หรือ64 ปี ก่อน ห้างหุ้นส่วนจำกัด กิมจั๊ว พาณิชย์ ถือกำเนิดขึ้นมาพร้อมดำเนินธุรกิจนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารจากต่างประเทศ อย่างเนย ชีส และขนมสำเร็จรูปต่างๆ รวมไปถึงคุกกี้เดนมาร์กหอมกรุ่นกลิ่นเนย ที่ต่อมาได้พัฒนามาสู่ คุ้กกี้กล่องแดง ยี่ห้อ ‘อิมพีเรียล’  ไอเท็มฮอตที่เคยครองใจของจับฉลากปีใหม่มานานหลายทศวรรษ  

การเดินทางของ กิมจั๊ว พาณิชย์ กว่า 6 ทศวรรษที่ผ่านมาพร้อมรีแบรนดิงในชื่อบริษัท KCG Group ล่าสุดได้ยื่นแบบไฟลิ่งต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 170 ล้านหุ้น ไปเมื่อวันที่ 21  ธันวาคม ที่ผ่านมา  

ตง ธีระนุสรณ์กิจ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ‘KCG’  กล่าวว่าจากความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภค กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเนย-ชีส ภายใต้แบรนด์ 

อิมพีเรียล (Imperial) และอลาวรี่ (Allowrie) ผลิตและจัดจำหน่ายบิสกิต 

และเป็นผู้นำเข้าวัตถุดิบเบเกอรีและอาหารตะวันตกแบรนด์ชั้นนำทั่วโลก มานานร่วม 64 ปี  

โดยการนำธุรกิจเข้าจดทะเบียนในตลาดฯ ครั้งนี้ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ ‘บริษัทชั้นนำในการนำเสนอผลิตภัณฑ์จากนมและอาหารรสเลิศ รวมทั้งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่มุ่งมั่น เพื่อการดำเนินชีวิตที่ทันสมัย’ พร้อมมุ่งขับเคลื่อนธุรกิจ ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์อาหารที่มีคุณภาพ โดยจัดหาวัตถุดิบและคัดสรรแบรนด์ชั้นนำจากทั่วทุกมุมโลก สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคทุกเพศทุกวัยทั้งประเทศไทยและต่างประเทศ  

ด้วยวางเป้าหมายผู้นำเข้าสินค้าอาหารสำเร็จรูปและเนยแข็งระดับโลก และเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีคุณภาพรายใหญ่ในประเทศไทย ด้วยจุดแข็ง ด้านผลิตภัณฑ์และแบรนด์ที่แข็งแกร่ง มีความรู้และเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคหลากหลายกลุ่ม 

นอกจากนี้ ยังมีทีมวิจัยและพัฒนาสินค้าที่สร้างสรรค์ความรื่นรมย์ให้กับรสชาติอาหารที่มีคุณภาพสอดรับกับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงทุกช่วงเวลา ภายใต้โรงงานซึ่งเป็นฐานการผลิตอันแข็งแกร่งและการให้บริการอย่างครบวงจร (One-stop 

Service) รวมถึงระบบโลจิสติกส์แบบควบคุมอุณหภูมิ (cold chain) ที่มีประสิทธิภาพ สามารถกระจายสินค้าครอบคลุมทุกช่องทางทั่วประเทศ  

ตง กล่าวว่า แนวทางการทำตลาด KCG แบ่งออกเป็น 1.ช่องทางการขายให้กลุ่มลูกค้าผู้บริโภคปลายทาง (Business to Customer หรือ B2C) ผ่านร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ร้านค้าทั่วไป แพลตฟอร์มออนไลน์ และ2. ช่องทางการขายให้กลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการ (Business to Business หรือ B2B) ให้กับผู้ผลิตอาหาร ผู้ประกอบการโรงแรมและภัตตาคาร รวมถึงการส่งออกสินค้าไปทั่วโลก จึงสร้างความได้เปรียบการแข่งขัน 

ทั้งนี้ ข้อมูลของ Euromonitor ระบุว่า KCG เป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์เนยและชีส โดมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 และมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ใน 5 อันดับแรก ของกลุ่มผลิตภัณฑ์ประกอบการทำเบเกอรี และผลิตภัณฑ์บิสกิต ในปี 2564 

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีพันธมิตรทางธุรกิจและเครือข่ายกับผู้จัดหาวัตถุดิบทั่วโลก ซึ่งบริษัทฯ นำเข้ามาจัดจำหน่ายในประเทศไทย ส่งผลให้บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา 

ปัจจุบัน KCG มีผลิตภัณฑ์หลักเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1.กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม (Dairy Products) ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์เนย เนยแข็ง (Cheese) และผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปมาจากนม เช่น นมพร้อมดื่ม วิปครีม ครีมชีส และนมเปรี้ยว (Yoghurt) 

ภายใต้แบรนด์หลัก ได้แก่ Imperial Allowrie และ Dairygold 

2.กลุ่มผลิตภัณฑ์ประกอบอาหารและเบเกอรี (Food and Bakery Ingredients) และผลิตภัณฑ์อื่นๆ แบ่งเป็น 4 ประเภท ได้แก่ 1) ผลิตภัณฑ์อาหาร ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ส่วนผสมของอาหาร (Food Ingredients) เช่น น้ำมันมะกอก ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์และอาหารทะเล (Meat and Seafood) เป็นต้น 2) ผลิตภัณฑ์ประกอบการทำเบเกอรี ภายใต้แบรนด์หลัก Imperial อาทิ แป้งเค้ก และแป้งมิกซ์ 3) ผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้เข้มข้น ภายใต้แบรนด์ SUNQUICK ที่มีหลากหลายรสชาติ อาทิ ส้ม ส้มแมนดาริน และผลไม้รวม ฯลฯ และ 4) อุปกรณ์ทำเบเกอรีและประกอบอาหาร โดยบริษัทฯ เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ดังกล่าวจากต่างประเทศ  

และ 3.กลุ่มผลิตภัณฑ์บิสกิต (Biscuits) ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์คุกกี้ ผลิตภัณฑ์แครกเกอร์ และผลิตภัณฑ์เวเฟอร์ ภายใต้แบรนด์หลัก ได้แก่ Imperial Rosy และ Violet 

พิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) 

ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน  กล่าวว่า บมจ.เคซีจี คอร์ปอเรชั่น หรือ KCG ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2565 

โดยปัจจุบัน บมจ.เคซีจี คอร์ปอเรชั่น มีทุนจดทะเบียน 560 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวนไม่เกิน 560 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1.0 บาท โดยเป็นทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 390 ล้านบาท และจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 170 ล้านหุ้น 

หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 30.4 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้  

โดยมีวัตถุประสงค์นำเงินที่ได้จากการระดมทุน เพิ่มศักยภาพศูนย์กระจายสินค้าและคลังสินค้าตลอดจนการขยายกำลังการผลิต และส่วนที่เหลือจะนำไปชำระหนี้สถาบันการเงินและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/42jfr6Oyu8PkShzP6dy87v/957d96b484ea1c8e417bb81c0190ce24/Investment-kcg-ipo-set-stock-market-SPACEBAR-Photo01
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/5XkaKl3Go9JpabmgG6twUR/ea27589384b09dd48fb1837316b353a7/Investment-kcg-ipo-set-stock-market-SPACEBAR-Photo02

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์