KKP Research โดยกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร วิเคราะห์ว่า ปี 2022 ที่ผ่านมา รถยนต์ไฟฟ้าไทยเข้าเกียร์สู่หลักไมล์ที่ดี เพราะปัจจัย 2 ข้อ
- ค่ายรถไฟฟ้าจีนเข้ามาตั้งโรงงาน ตามมาตรการสนับสนุนของรัฐ
- Tesla ตัดสินใจเปิดตลาดในประเทศ ช่วงปลายปี
ค่าย EV จีนตัดสินใจเปิดโรงงานและตั้งฐานการผลิตในไทย
ขณะที่ Tesla เลือกนำเข้ารถยนต์จากจีนมาขาย และยังไม่มีการพิจารณาตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ในไทย
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เป็นสัญญาณสะท้อนภาพการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในอนาคตอันใกล้
อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจะเข้าเกียร์ D เดินหน้าต่อ รักษาสถานะผู้นำในภูมิภาค หรือจะเดินหมากพลาดกลายเป็นเกียร์ R อยู่ที่การตัดสินใจ
เพราะการเข้ามาของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจะกระทบกับตลาดรถยนต์เดิม และเมื่อตลาดเปลี่ยน ไทยจะมีความสามารถที่จะดึงดูดการลงทุนเพื่อผลิต EV ได้หรือไม่
เพราะในเวลานี้ EV คืออุตสาหกรรมที่กำลังเป็นเป้าหมายที่ภาครัฐทั่วโลกต้องการผลักดันเพื่อเป็นผู้นำ
ไทยดึงดูดผู้ผลิต EV ได้ดีแค่ไหน
ข้อมูลจาก KKP Research ประเมินว่า เมื่อมองจากมุมของ Tesla ไทยกำลังน่าสนใจน้อยลงในฐานะฐานการผลิตรถยนต์ EV จาก 3 ปัจจัยหลัก- ไทยมีตลาดที่ค่อนข้างเล็ก เมื่อดูจากกำลังซื้อภายในประเทศที่มีจำกัด โดยราคา Tesla ในปัจจุบันเจาะตลาดไทยได้เพียง 30,000 คันต่อปี คิดเป็น 4.5% ของตลาดรถยนต์ไทย
- การนำเข้าจากโรงงานจีนมีต้นทุนที่ถูกกว่า เพราะไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าและโอกาสถึงจุดคุ้มทุนจากการตั้งโรงงานผลิตขายในตลาดไทยมีน้อย
- การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างการผลิตโลก นโยบายรัฐในประเทศพัฒนาแล้วมีความพยายามดึงการสร้างฐานการผลิตกลับไปยังประเทศต้นทางมากขึ้น (Reshoring) ทำให้ความจำเป็นในการพึ่งพาตลาดเกิดใหม่มีน้อยลง
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าไทยจะหมดโอกาสเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เพราะประเด็นการตัดสินใจตั้งฐานการผลิตของค่ายรถยนต์จีนในไทยแตกต่างจาก Tesla เนื่องจากค่ายรถยนต์จีนมีสินค้าที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวไทยมากกว่า
เช่น ราคาที่ถูกกว่า Tesla จนมีฐานผู้บริโภค ทำให้ตลาดกว้างกว่า การตั้งโรงงานมีโอกาสถึงจุดคุ้มทุนเร็วกว่า และเป็นการกระจายความเสี่ยงจากประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างจีน-สหรัฐที่อาจจะทำให้การขยายธุรกิจไปยังอเมริกาและยุโรปยังมีอุปสรรคในอนาคต
โรงงานจีน (อาจ) ไม่ส่งผลบวกมากอย่างที่คิด
KKP Research ประเมินว่าการเข้ามาลงทุนทางตรงในช่วงที่ผ่านมาในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้ายังสร้างผลบวกต่อเศรษฐกิจได้น้อยจาก 2 ประเด็นสำคัญ คือ
- ขนาดการลงทุนยานยนต์ EV จากจีนยังมีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจ และยังน้อยกว่าการลงทุนทางตรงจากญี่ปุ่นเพื่อตั้งฐานการผลิตรถยนต์ในอดีต
- มูลค่าเพิ่มที่ไทยสร้างได้จากการผลิตรถยนต์ EV มีน้อยลง และจำเป็นต้องนำเข้าชิ้นส่วนมากขึ้น อาจทำให้มูลค่าเพิ่มที่ไทยเคยสร้างได้ในประเทศหายไปมากกว่าครึ่ง ในขณะที่การเข้ามาของธุรกิจขายรถยนต์ของ Tesla แม้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคที่มีตัวเลือกหลากหลายขึ้น แต่ไม่ได้มีผลบวกต่อเศรษฐกิจมากนัก และสร้างความท้าทายมากขึ้นในระยะยาวต่อค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นที่มีฐานการผลิตอยู่ในไทย
“ในภาพรวมแม้ว่าการเข้ามาของโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจีนจะเป็นข่าวดีสำหรับประเทศไทย แต่เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศคู่แข่งใหม่ๆ อย่างอินโดนีเซีย ขนาดการลงทุนจากจีนมาไทยยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำ”
“โดยขนาดการลงทุนจากบริษัทจีนในอินโดนีเซียอย่าง CATL ที่เป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่อันดับหนึ่งของโลกเพียงบริษัทเดียวมีมูลค่าการลงทุนมากกว่าครึ่งของมูลค่าการลงทุนในอุตสาหกรรม EV ทั้งหมดของไทย”
“และมูลค่าการลงทุนในอุตสาหกรรม EV ในอินโดนีเซียในช่วงที่ผ่านมามากกว่าไทยถึง 2 เท่า สะท้อนว่าไทยกำลังจะเจอการแข่งขันที่มากขึ้น และการดึงดูดให้เกิดการลงทุนในไทยจะเป็นโจทย์ที่มีความท้าทายอย่างมาก”
การมาของ Tesla กับแรงกระเพื่อมตลาดรถยนต์ไทย
แม้ว่าการเข้ามาของ Tesla จะยังไม่สามารถจับตลาดยานยนต์ทั่วไปของไทยได้ แต่ก็สร้างแรงกดดันอย่างมากต่อตลาดรถยนต์ในบางกลุ่ม โดยกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบทันทีในระยะสั้น คือตลาดรถหรู และตลาดรถหรูมือสอง และในระยะยาวค่ายรถจีนและญี่ปุ่นจะได้รับแรงกดดันมากขึ้น- ตลาดรถหรู กลุ่มผู้ใช้รถหรูมีแนวโน้มเปลี่ยนมาใช้ EV เร็วกว่ากลุ่มผู้ใช้รถยนต์ทั่วไปถึง 5 เท่าจากการเพิ่มขึ้นของตัวเลือกรถยนต์ในตลาดที่มีระดับราคาใกล้เคียงกับผู้ใช้กลุ่มนี้ และ Tesla ที่เข้ามาเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของตลาดไทย จะเป็นคู่แข่งสำคัญของค่ายรถหรู จากราคาที่ใกล้เคียงกัน เทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ที่มีความทันสมัยกว่า
- ตลาดรถหรูมือสอง มูลค่าการขายต่อรถหรูมีแนวโน้มลดลงจากระดับราคาซื้อ-ขายที่ใกล้เคียงกับรถยนต์ใหม่ Tesla ซึ่งเริ่มเห็นผลกระทบบ้างแล้วในช่วงที่ผ่านมา
- รถไฟฟ้าจากค่ายจีน Tesla มีข้อได้เปรียบแบรนด์จีนด้านภาพลักษณ์ที่โดดเด่นกว่าและได้รับความไว้วางใจมากกว่า ซึ่งมีแนวโน้มกดดันให้ราคา EV จีนลดลงได้
- ค่ายรถญี่ปุ่น การขยับตัวที่ช้าของค่ายญี่ปุ่นเปิดโอกาสให้ค่ายรถ EV อย่าง Tesla ขยายตลาดได้ง่ายขึ้น และมีความเสี่ยงเสียส่วนแบ่งตลาดมากขึ้นจากระดับราคารถยนต์ Hybrid และ BEV ที่ใกล้เคียงกับ Tesla
ตลาด EV ในไทยมีแนวโน้มโตเร็วขึ้นแค่ไหน?
‘ก้าวกระโดด’ คือ นิยามการเติบโตของ EV ในไทยเมื่อปีที่ผ่านมาเหตุจากมาตรการภาครัฐที่สนับสนุนผ่านส่วนลดภาษีและเงินอุดหนุน และเติบโตได้เร็วกว่าหลายประเทศในภูมิภาค
อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวการขยายตลาดรถยนต์ EV มายังตลาดรถยนต์ใหญ่ของไทยยังทำได้ยากเนื่องจากราคารถยนต์ EV ที่ยังสูง
อีกทั้งปัจจัยด้านอุปทานยังเป็นปัจจัยที่กำหนดความเร็วของตลาด EV ไม่ว่าจะเป็นสถานีอัดประจุรถยนต์ไฟฟ้าที่ยังไม่ครอบคลุม ภาวะขาดแคลนแผงวงจรไฟฟ้าทั่วโลกที่ทำให้ส่งมอบ EV ได้ช้า
และที่สำคัญที่สุด คือการขาดแคลนสินแร่ที่ใช้ในการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ EV
ในระยะต่อไป ประเด็นที่ต้องติดตามสำหรับยานยนต์ไทย คือ
- สงครามราคาที่กดดันให้ราคา EV ถูกลงอาจเป็นจุดเปลี่ยนที่เร่งให้ตลาดไทยเปลี่ยนมาใช้ EV ได้เร็วขึ้น
- การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีการผลิตแบตเตอรี่ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง
- นโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรมของประเทศเพื่อนบ้านที่อาจส่งผลต่อความสามารถในการดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรม EV ไทย