กลุ่ม KTIS ปลื้มอ้อยคุณภาพสูงขึ้น ดันการเติบโต ‘ทุกสายธุรกิจ’

16 มีนาคม 2566 - 10:36

KTIS-Group-high-quality-SPACEBAR-Thumbnail
  • กลุ่ม KTIS เผย การเปิดรับอ้อยเข้าหีบประจำปี 66 จาก 3 โรงงาน มียอดกว่า 6.2 ล้านตัน ผลิตน้ำตาลได้แล้วกว่า 7 ล้านกระสอบ

  • ชี้ เป็นปริมาณสูงกว่าทั้งปี 64/65 ที่ได้อ้อยหลังปิดหีบรวม 6.2 ล้านตัน และน้ำตาล 6.4 ล้านกระสอบ

  • คาด หลังปิดหีบ ได้ผลผลิตมากกว่าปีก่อน 10-15%

สมชาย สุวจิตตานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายธุรกิจน้ำตาล และผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือกลุ่ม KTIS ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่องครบวงจร เผย จากการรวบรวมข้อมูลผลผลิตอ้อยของกลุ่ม KTIS สำหรับฤดูการผลิตปี 2565/66 พบว่า มีอ้อยเข้าหีบใน 3 โรงงานแล้วกว่า 6.2 ล้านตัน ผลิตน้ำตาลได้แล้วกว่า 7 ล้านกระสอบ ซึ่งสูงกว่าทั้งปี 64/65 ที่ได้อ้อยหลังปิดหีบรวม 6.2 ล้านตัน และน้ำตาล 6.4 ล้านกระสอบ  

ทั้งนี้ เป็นเพราะคุณภาพอ้อยและประสิทธิภาพในการผลิตน้ำตาลสูงขึ้น โดยค่าความหวานเฉลี่ยของอ้อยปีนี้ ล่าสุดอยู่ที่ 13 C.C.S. สูงกว่าปีก่อนที่ 12.1 C.C.S. คาด หลังปิดหีบจะได้อ้อยมากกว่าปีก่อน 10-15% มั่นใจ ผลการดำเนินงานปีนี้ดีกว่าปีก่อนอย่างแน่นอน ด้วยปัจจัยหนุนทั้งปริมาณและราคาในทุกสายการผลิต ทั้งน้ำตาลทราย เอทานอล เยื่อกระดาษ ไฟฟ้า รวมไปถึงโครงการผลิตบรรจุภัณฑ์จากเยื่อชานอ้อยบริสุทธิ์ 100% 

“ที่น่ายินดีกว่าปริมาณอ้อยที่เพิ่มขึ้น ก็คือคุณภาพอ้อยที่ดีขึ้นมาก โดยดูได้จากค่าความหวานปีนี้เฉลี่ยสูงถึง 13 C.C.S. ในขณะที่ปีก่อนเฉลี่ยเพียง 12.1 C.C.S. ทำให้ผลผลิตน้ำตาลต่อตันอ้อย (ยิลด์) ปีนี้สูงถึง 112.1 กิโลกรัมต่อตันอ้อย โดยผลผลิตอ้อยที่ 6.2 ล้านตัน เท่าๆ กับปีที่แล้ว สามารถผลิตน้ำตาลได้ถึง 7 ล้านกระสอบ เทียบกับปีก่อนได้น้ำตาลทรายเพียง 6.4 ล้านกระสอบ” สมชายกล่าว 

ซีอีโอฯ กลุ่ม KTIS กล่าวด้วยว่า ปริมาณอ้อยที่เพิ่มขึ้น เพราะมีปริมาณฝนมากกว่าปีก่อน และการบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพ ประกอบกับสภาพอากาศที่เอื้อต่อการเติบโตอย่างมีคุณภาพของอ้อย โดยคาดว่า โรงงานจะเปิดหีบไปถึงปลายเดือนมีนาคม 2566 ซึ่งจะทำให้ได้ผลผลิตอ้อยและน้ำตาลปีนี้มากกว่าปีก่อน 10-15% 

ทั้งนี้ ปริมาณอ้อยที่เพิ่มขึ้นในปีการผลิตนี้จะส่งผลดีต่อทุกสายธุรกิจ เพราะได้โมลาส หรือกากน้ำตาลไปผลิตเอทานอลมากขึ้น ได้ชานอ้อยไปป้อนให้โรงไฟฟ้าชีวมวล และโรงงานผลิตเยื่อกระดาษจากชานอ้อยมากขึ้นด้วย อีกทั้งราคาน้ำตาล ไฟฟ้า เอทานอล และเยื่อกระดาษ ก็ดีขึ้นกว่าปีก่อน จึงมั่นใจว่าปีนี้ผลการดำเนินงานของกลุ่ม KTIS จะดีขึ้นกว่าปีก่อนอย่างแน่นอน 

สมชาย กล่าวด้วยว่า ในปีนี้ บริษัทฯ จะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการผลิตบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมจากเยื่อชานอ้อยบริสุทธิ์ 100% ซึ่งมีกำลังการผลิตสูงถึง 50 ตันต่อวัน หรือประมาณ 3 ล้านชิ้นต่อวัน โดยมีเครื่องจักร 50 เครื่อง ที่สามารถผลิตบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมจากเยื่อชานอ้อยออกสู่ตลาดได้หลากหลายรูปแบบ เช่น จาน ชาม กล่อง ถาดหลุม เป็นต้น และยังมีรายได้ที่จะเข้ามาเพิ่มเติมอีกส่วนหนึ่งจากโครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ (NBC) เฟส 1 ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท จีจีซี เคทิสไบโออินดัสเทรียล จำกัด หรือ GKBI บริษัทร่วมทุนระหว่างกลุ่ม KTIS และกลุ่ม PTT ซึ่งมีโรงงานผลิตเอทานอลจากน้ำอ้อย กำลังการผลิต 6 แสนลิตรต่อวัน และโรงไฟฟ้ากำลังการผลิตติดตั้งรวม 85 เมกะวัตต์ และไอน้ำ 520 ตัน โดยมีสัญญาขายไฟฟ้า 30 เมกะวัตต์

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์