PTG โชว์แผน 5 ปี มุ่งยกระดับธุรกิจ Oil & Non-Oil โตยั่งยืนทุกมิติ

4 มีนาคม 2566 - 08:07

PTG-Drive-for-Tomorrow-Oil-Punthai-Coffee-Max-Park-Salaya-Elex-SPACEBAR-Thumbnail
  • PTG เผยปี 65 ยอดขายน้ำมัน 5,316 ล้านลิตร พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์

  • วางโรดแมป ‘Drive for Tomorrow’ เชื่อมทุกคนเข้าถึงชีวิต ‘อยู่ดี มีสุข’

พิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG จัดงานใหญ่ เผยแผนดำเนินงานปี 2566 วางโรดแมป ‘PTG Business Outlook : Drive for Tomorrow’ ยกระดับสถานีบริการน้ำมัน PT โดยเผย ปี 2565 ธุรกิจ Oil ของ PTG มีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จำนวน 5,316 ล้านลิตร เติบโตขึ้น 5.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า (YoY) โดยการเติบโตหลัก ๆ มาจากช่องทางการค้าปลีกผ่านสถานีบริการที่ 6.5% YoY  
 

เปิดตัว PT Max Park สถานีบริการน้ำมันครบวงจร 

นอกจากนี้ ยังเปิดตัวสถานีบริการน้ำมัน PT ครบวงจร (PT Max Park Salaya) ซึ่งเป็น Flagship รูปแบบแรกที่ได้รับการออกแบบให้มีความทันสมัย ติดตั้งหัวจ่ายน้ำมันระบบดิจิทัล พร้อมทั้งจัดให้มีพนักงาน PT Service Master เข้ามาอำนวยความสะดวกในส่วนของการให้บริการจำหน่ายน้ำมัน ซึ่งทุกคนจะได้รับการฝึกอบรมเป็นพิเศษ เพื่อมาเสริมด้านการบริการให้สร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่กลุ่มลูกค้า 
 
ในส่วนของธุรกิจ Non-Oil บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในการติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ภายในสถานีบริการน้ำมัน PT ภายใต้นามว่า Elex by EGAT Max โดย ณ สิ้นปี 2565 Elex by EGAT Max ได้ติดตั้งไปแล้ว 35 สถานี และมีแผนที่จะติดตั้งเป็น 65 สถานีในปี 2566 กระจายตามจุดสำคัญทั่วประเทศ  
 

‘ร้านกาแฟพันธุ์ไทย’ รุกกลยุทธ์ 4 ด้าน  

1. มุ่งขยายสาขาร้านกาแฟพันธุ์ไทยในรูปแบบของ ‘แฟรนไชส์’ ทั้งภายในและนอกสถานีบริการน้ำมัน PT  
2. รังสรรค์เครื่องดื่มใหม่ ๆ โดยใช้วัตถุดิบที่มีรสชาติดีและหาทานได้ยากจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย  
3. เน้น Delivery Platform ให้มากขึ้น เพิ่มการรับรู้ (Awareness) การมองเห็น (Visibility) และการเข้าถึงแบรนด์ของลูกค้า (Accessibility) 
4. นำข้อมูลลูกค้าจากบัตรสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus มาเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์พฤติกรรมการบริโภคของลูกค้า เพื่อเพิ่มยอดขายและความถี่ของการเข้าใช้บริการร้านกาแฟพันธุ์ไทย 
 

PT Max Me ตัวช่วยรับดิจิทัลไลฟ์สไตล์ ยุคสังคมไร้เงินสด 

อีกกลยุทธ์สำคัญเข้ามาช่วยเสริม ธุรกิจ Oil และ Non-Oil ก็คือ ‘Max Me’ ที่ได้เปิดตัวเมื่อไตรมาส 3 ปี 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็น Application ที่จะเข้ามาช่วยตอบโจทย์ลูกค้าสมาชิกบัตร PT Max Card ที่มีอยู่ในปัจจุบันกว่า 19 ล้านสมาชิก ให้สามารถทำธุรกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการสะสมแต้มเสมือนบัตร PT Max Card อีกทั้งยังมีฟังก์ชัน e-Wallet ให้สามารถใช้จ่ายผ่านโทรศัพท์มือถือในยุคดิจิทัลไลฟ์สไตล์ สอดคล้องกับยุคสังคมไร้เงินสด 
 
ภายใน 5 ปีข้างหน้า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายไว้ว่า จะมี Retail Oil Market Share กว่า 25% มีจำนวนสมาชิก Max Card กว่า 30 ล้านสมาชิก ซึ่งจะครอบคลุมคนไทยทั่วประเทศ และมีจำนวนสาขากาแฟพันธุ์ไทยกว่า 5,000 สาขา และเฉพาะปีนี้ สู่ 2,206 สาขา  
 

PT กับการเติบโตในทุกมิติ 

รังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) ชี้ ธุรกิจ Non-Oil ของ PTG มีการเติบโตในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น จำนวน Touchpoint ที่เติบโต 36% YoY และมี CAGR 5 ปีเฉลี่ยสะสมที่ 34% รายได้เติบโต 68% YoY และ CAGR 5 ปี ที่ 37% กำไรขั้นต้นเติบโต 50% YoY และ CAGR 5 ปี ที่ 36% และสัดส่วนกำไรขั้นต้นที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง  
 
โดย ณ สิ้นปี มีสัดส่วนกำไรขั้นต้นในธุรกิจ Non-Oil ที่ 18.5% ซึ่งเป็นไปตามที่เรามองไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ 15-20% 
 
ส่วนโครงการ Solar Rooftop เป็นการลงทุนผ่าน บริษัท พีทีจี กรีน เอ็นเนอยี จำกัด (PTGGE) ปัจจุบันกำลังอยู่ในระหว่างลงทุนและซื้อขายไฟฟ้าในรูปแบบ Private PPA กับบริษัทฯ และจะขยายการลงทุนในประเทศและต่างประเทศต่อไปในอนาคต  
 
ปัจจุบันโครงการนี้มีมูลค่าเงินลงทุนจำนวน 300 ล้านบาท และมีกำลังการผลิตไฟฟ้า ทั้ง Phase 1-4 โดยรวมประมาณ 8.171 MW โดยในปัจจุบัน Phase 1 และ 2 ได้ดำเนินการติดตั้งเสร็จสิ้นแล้ว โดยปีนี้มีแผนติดตั้งเพิ่มอีก 6.291 MW คาดว่าปี 2567 จะลดปริมาณการใช้ไฟฟ้า 9.5 ล้านหน่วยต่อปี และคาดว่าจะลดค่าใช้จ่าย 40-50 ล้านบาท รวมทั้งช่วยลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 4.237 ล้านตันต่อปี (EPPO ref:การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อหน่วยการใช้ไฟฟ้า (kWh) :0.446) 
 
“ในส่วนของโรงไฟฟ้าขยะเพื่อชุมชน ณ เทศบาลเมืองบ้านพรุ มีขนาด 4.5 MW ซึ่งโครงการนี้จะช่วยเสริมธุรกิจ Renewable Energy ของบริษัทฯ และส่งเสริมมิติสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับกลยุทธ์ ESG ของบริษัทฯ ซึ่งมีมูลค่าโครงการโดยประมาณ 1,000 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มการก่อสร้างได้ในช่วงไตรมาส 3/2566 และเปิด COD ได้ในปี 2568 โดยผลประโยชน์ที่บริษัทฯ คาดว่าจะได้รับ คือสามารถลดปริมาณขยะสะสมได้  2-3 ล้านตัน คาดว่าสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สะสมได้ 4-5 ล้านตัน และสร้างงานสร้างโอกาสให้คนอีก 100 ตำแหน่ง ทั้งหมดนี้เพื่อเชื่อมให้ทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึงชีวิตที่ ‘อยู่ดี มีสุข’ ในทุกด้านของช่วงชีวิต” นายรังสรรค์ กล่าว 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/4tLHOhXo4mzKkRDy3XM9dD/df991071b4dc59327161ebb9d65a4f66/PTG-Drive-for-Tomorrow-Oil-Punthai-Coffee-Max-Park-Salaya-Elex-SPACEBAR-Photo01
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/zcBmGBdmS1XBcALKpGjRk/ff1374a9640facf3bb536a4ad07b7bfb/PTG-Drive-for-Tomorrow-Oil-Punthai-Coffee-Max-Park-Salaya-Elex-SPACEBAR-Photo02
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/0clZ0XMscqbx5utjiFPUd/a63ca7e39b3fe6e2c1d4d7017ec7fbe5/PTG-Drive-for-Tomorrow-Oil-Punthai-Coffee-Max-Park-Salaya-Elex-SPACEBAR-Photo03
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/2SNMCxnUO6ZxyKvPblEAoh/e0e047de863cff657aada7e12fbeeffb/PTG-Drive-for-Tomorrow-Oil-Punthai-Coffee-Max-Park-Salaya-Elex-SPACEBAR-Photo04

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์