รีวิวคอนเสิร์ต Harry Styles: Love on Tour 2023 Bangkok

“Come on Harry. We wanna say good night to you.”

ขออนุญาตออกก่อนตัวเล็กน้อยว่าผู้เขียนอาจจะไม่มีความรู้ทางด้านดนตรีเยอะ แต่พอได้มีโอกาสฟังอัลบั้มล่าสุดของ Harry Style อย่าง Harry’s House (2022) ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา ทำให้เราอยากดูคอนเสิร์ตของศิลปินคนนี้สักครั้งและอยากสัมผัสประสบการณ์ความสนุกว่ามันจะถึงใจขนาดไหนกันเชียว  

แล้วยิ่งอัลบั้มนี้กวาดรางวัลใหญ่จากหลายเวทีสำคัญ เช่น 3 รางวัลจาก Grammy Award 2023 ได้แก่ Album of The Year, Best Pop Vocal Album และ Best Engineered Album (Non-Classic) รวมถึง BRIT Awards 2023 ที่กวาดทั้ง 4 รางวัลที่เข้าชิง ยิ่งทำให้บัตร Sold Out หมดไวอย่างรวดเร็ว ทำให้เราต้องลุ้นถึงนาทีสุดท้ายเช่นกันว่าจะได้ไปดูคอนเสิร์ตครั้งประวัติศาสตร์ครั้งนี้หรือไม่  
 
แต่แล้วในที่สุด ความอยากดูก็พาเรามาถึงสนามราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา ดังนั้นบรรทัดต่อจากนี้คือ การรีวิวแบบจอยๆ โดยคนปวดหลังที่ไม่ค่อยอยากไปคอนเสิร์ต แต่หลงรักอัลบั้มนี้ตั้งแต่แรกฟัง 

Harry Styles: Love on Tour 2023 ต้อนรับผู้ชมทุกคนในสนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถานด้วยเพลงแรกอย่าง Music for a Sushi Restaurant หนึ่งในเพลงดังจากอัลบั้ม Harry’s House ที่เพียงแค่แรกเริ่มก็เรียกเสียงกรี๊ดจากเหล่าสาวกได้ทันที จากนั้นก็ตามมาด้วยเพลง Golden, Adore You, Late Night Talking, Cinema, Daylight, Matilda, Keep Driving ที่ชวนให้ดื่มด่ำไปกับซาวน์และไวบ์ดีๆ ชนิดที่เสียงร้องของแฟนเพลงดังแข่งไปพร้อมกับ Harry Styles เลยก็ว่าได้  

ส่วนจุดที่ประทับใจเป็นพิเศษต้องยกให้กับทีมเบื้องหลังการตัดต่อและออกแบบวิชวล ทำออกมาได้ดีจัด ราวกับได้ดูงานศิลปะ ไม่เน้นแสงสีหวือหวาหรืออลังการ แต่มีสไตล์สุดๆ สมกับเป็น World Tour ดูเพลินตลอดคอนฯ จริงๆ 

ถึงจะมีบางช่วงที่ส่วนตัวรู้สึกว่าโชว์เนิบไปบ้าง แต่วิชวลดีงามจนแทบไม่สามารถละสายตาได้เลย พอสวิตช์มาเป็นเพลงสุดป๊อปอย่าง What Makes You Beautiful ของ One Direction ทำเอาแฟนคลับตะโกนร้องและเต้นตามกันสนุกสนาน และสำหรับ As It Was ที่ทุกคนรอคอยกัน ก็ไม่ผิดหวัง Harry และวงเพอร์ฟอร์มกันแบบจัดเต็ม จนผู้ชมลุกขึ้นเต้นยับไปตามๆ กัน  
 
ระหว่างโชว์ เขายังคอยพูดคุยกับแฟนๆ อย่างเป็นกันเอง ที่สำคัญการใช้ภาษาไทยของ Harry Styles ยังดูทำการบ้านมาดีมากๆ ทั้งสวัสดี คิดถึง และขอบคุณ เรียกได้ว่าเป็นศิลปินที่แคร์คนดู และเต็มที่กับการมอบความสุขให้กับทุกคนตลอดเกือบสองชั่วโมงจริงๆ

คอนเสิร์ตเดินทางมาถึงโค้งสุดท้ายกับเพลง Sign of the Times ที่สะกดให้ผู้ชมดำดิ่งไปสู่ความอ้างว้างไพเราะและแสนเศร้า ปิดท้ายด้วย Kiwi ที่มาชวนลุกขึ้นมาเต้นไปกับบีตสนุกๆ อีกครั้ง จนไม่อยากกลับบ้านเลยทีเดียว ซึ่งก็แอบเสียดาย เพราะแม้ว่า Vibe และภาพรวมขององค์ประกอบหลายส่วนจะ ‘ดีงาม’ แต่เครื่องเพิ่งมาติดจริงๆ ตอน 15 นาทีสุดท้ายเท่านั้น  

ทั้งนี้ ต้องขอขอบคุณทาง Live Nation ที่ทำให้เราได้ชมคอนเสิร์ตของศิลปินระดับโลกที่อบอุ่นมากๆ และเอ็นจอยกับทุกประสบการณ์ในโซนบัตรนั่งที่ช่วยให้เราประคองหลังได้ตลอดรอดฝั่ง 

นี่อาจไม่ใช่คอนเสิร์ตที่เราประทับใจมากที่สุดในชีวิต แต่ก็เป็นคอนเสิร์ตที่ทำให้เราหลงรักศิลปินคนนี้มากยิ่งขึ้น และยังคงกลับไปเปิดฟัง Harry’s House ประโลมใจในทุกๆ เช้า ก่อนเข้างานเช่นเคย 
 
ด้วยรักและปวดหลัง 
 
“In this world, it's just us 
You know it's not the same as it was 
In this world, it's just us 
You know it's not the same as it was 
As it was, as it was 
You know it's not the same” 
 
บางส่วนของเนื้อเพลง As It Was โดย Harry Styles