JOY LIFE: 5 แนวคิด ที่จะสร้างสรรค์ผลงานที่ดีเยี่ยม โดยไม่ทำลายสุขภาพ

22 กุมภาพันธ์ 2566 - 06:27

JOY-LIFE-5-tips-make-super-productive-SPACEBAR-Hero
  • สุขภาพกายและจิตที่ดี เริ่มต้นได้จากการฝึกตัวเอง ด้วย 5 เคล็ดลับที่จะช่วยให้งานไม่ทำลายสุขภาพ และยังช่วยให้การงานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

หลายคนทุ่มเทให้กับการทำงานจนลืมคำนึงถึงผลเสียที่ตามมากับสุขภาพที่แย่ลงเกินจะเยียวยา เร่งปั่นงานจนหัวฟู ทั้งๆ ที่ในใจกำลังคิดเรื่องอื่นๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวกับงานสักเท่าไหร่ จนทำให้ประสิทธิภาพการทำงานนั้น ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้  
หลายคนมีความคิดที่ว่า ตื่นแต่เช้าตรู่มาทำงาน ยอมเร่งปั่นงานจนไม่ได้พักผ่อน ทำให้ร่างกายอ่อนล้า จนในที่สุดก็จะเข้าสู่สภาวะหมดไฟ ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว งั้นลองมาดู 5 เคล็ดลับ ที่คนที่ประสบความสำเร็จจริงๆ ได้แอบซ่อนไว้กัน ว่ามีอะไรบ้างที่จะช่วยให้งานมีประสิทธิภาพ และไม่ทำลายสุขภาพด้วย  
 
1. กล้าที่จะปฏิเสธงานที่คิดว่าทำไม่ไหว 
จากผลการวิจัยของ Morten Hansen ศาสตราจารย์แห่ง UC Berkeley และผู้เขียน Great at Work: How Top Performers Do Less, Work Better, and Achieve More ได้ระบุว่า การเรียนรู้ที่จะปฏิเสธงานจำนวนมากช่วยให้เราลดภาระหน้าที่ของเราลงได้และมีสมาธิมากขึ้น นอกจากนี้ ผู้ที่ไม่กล้าเอ่ยปฏิเสธงานมักจะประสบกับความเครียด ความเหนื่อยหน่าย และมีภาวะซึมเศร้า 

2. อย่าไปทำงานแบบระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ 
ในหนังสือ Intrinsic Motivation: Learn to Love Your Work and Succeed as Never Before ของ Stefan Falk  ผู้เชี่ยวชาญด้านการแสดงของมนุษย์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ได้เผยถึงสิ่งสำคัญหลายประการที่ควรทำและไม่ควรทำ 
จากข้อมูลของ Falk เราต้องหลีกเลี่ยง การทำงานบนระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ เพราะระบบนี้จะทำให้เราปิดสมองและทำให้จมอยู่กับความเบื่อได้ง่ายขึ้นเมื่อเราทำภารกิจประจำวันที่เราคุ้นเคย 

3. หลีกหนีจากดราม่าในที่ทำงาน 
เราทุกคนล้วนเคยพบเจอกับดราม่าในที่ทำงาน มันมาในหลายรูปแบบ เช่น การนินทาว่าร้าย เพื่อนร่วมงานที่ต่อต้านการเปลี่ยนแปลง การโต้เถียงและทะเลาะเบาะแว้งกันอย่างต่อเนื่อง และพนักงานที่ก่อกวนความสงบ 
การจมอยู่ในวังวนของดราม่าในที่ทำงานจะดึงความสนใจของคุณไปจากสิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นคืองานของคุณนั่นเอง เรื่องวุ่นวายในที่ทำงานอาจทำให้คุณเสียเวลาไปกับเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับงาน อาจส่งผลต่อขวัญกำลังใจ ทำลายวัฒนธรรม หากคุณให้เวลากับเรื่องดราม่าในที่ทำงานมากเกินไป จะนำไปสู่ความขัดแย้ง และมีประสิทธิในการทำงานที่น้อยลงด้วย  
ซึ่งงานวิจัยของ Wakeman พบว่าพนักงานโดยเฉลี่ยใช้เวลา 2 ชั่วโมง 26 นาทีต่อวันไปกับเรื่องดราม่าและทำให้อารมณ์เสียได้ 

4. พักสายตาทุกๆ 90 นาที 
หนึ่งในความคิดผิดๆ ของคนทำงาน คือการทำงานครั้งละหลายๆ ชั่วโมง บางครั้งเลยเวลาอาหารกลางวัน และละเลยที่จะหยุดพักบ่อยๆ ซึ่ง Tony Schwartz ซีอีโอของ Energy Project และผู้เขียน The Way We're Working Isn't Working ได้เขียนไว้ในบทความของ Harvard Business Review ว่า ร่างกายของเราจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนเมื่อเราต้องการพัก รวมถึงความกระวนกระวายใจ ความหิว อาการง่วงนอน และการสูญเสียสมาธิ แต่ส่วนใหญ่เราได้เมินเฉยต่อสัญญาณนั้นๆ โดยใช้ คาเฟอีน และอาหารที่มีน้ำตาลสูง ซึ่งนั่นเป็นบ่อเกิดความเครียดได้ 
เคล็ดลับที่ดีที่สุดคือ การมุ่งความสนใจไปที่งานที่ท้าทายและสำคัญที่สุดของคุณเป็นเวลา 90 นาทีต่อครั้ง จากนั้นให้สมองของคุณพักผ่อนและปล่อยให้มันเติมพลัง คุณจะทำงานได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อกลับไปที่โต๊ะทำงาน 

5. เร่งทำงานไป ก็ไม่ได้ช่วยให้งานดีขึ้น 
ปัจจุบันผู้คนกำลังประสบกับภาวะหมดไฟเนื่องจากการทำงานหนักและเร่งเกินไป ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำงานที่มีประสิทธิภาพจะกำหนดขอบเขตที่ชัดเจนเกี่ยวกับลำดับความสำคัญของงานที่ควรให้ความสำคัญ ซึ่งจะทำในระหว่างเวลาทำงานนั้นคือ 8 - 10 ชั่วโมง ซึ่งการเมเนจเวลาการทำงานในแต่ละชิ้นต่อวัน จะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น 
 
สุดท้ายการดูแลตัวเอง การใส่ใจในสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีเป็นสิ่งสำคัญในการต่อต้านวัฒนธรรมการทำงานที่เร่งรีบและลดความเหนื่อยหน่ายได้ ใดๆ ก็แล้วแต่ สุขภาพต้องมาก่อน หยุดพักสั้นๆ ตลอดทั้งวัน ออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ใช้เวลาว่างหนึ่งวันเพื่อเติมพลัง และแน่นอน นอนหลับให้เพียงพอจะช่วยให้มีสมาธิในการทำงานมากขึ้นด้วย 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/3qmZAtuWivpue8vIXNQxVy/beaba7b8733290f5ce111cffd0a2ce47/JOY-LIFE-5-tips-make-super-productive-SPACEBAR-Photo01

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์