จาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Chaturon Chaisang’ เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2566 เกี่ยวกับการเดินหน้าเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีเนื้อหาระบุว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญสามารถเสนอได้ทั้งโดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) สส. และประชาชน
การแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะเป็นไปอย่างไรนั้น ขณะนี้ต้องดูความชัดเจนจากคณะกรรมการที่รัฐบาลจะจัดตั้งขึ้นว่าจะมีผลการศึกษาและพิจารณาดำเนินการอย่างไร นอกจากนี้ก็ต้องดูด้วยว่าพรรคฝ่ายค้านและภาคประชาชนดำเนินการอย่างไร
“ในส่วนของ สส.พรรคเพื่อไทยนั้น ผมคิดว่าคงต้องคำนึงถึงนโยบายของพรรคว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญและผลักดันให้เกิดการแก้ไขตามนโยบายของพรรคให้มากที่สุด”
การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยเป็นเรื่องสำคัญที่พรรคเพื่อไทยตั้งแต่ไทยรักไทย พลังประชาชนและเพื่อไทยถือเป็นนโยบายหลักมาตลอด เราคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญที่ยกร่างโดยคณะรัฐประหารในการลงประชามติทั้งสองครั้ง และเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับไม่ว่าขณะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน เราจึงต้องรักษาจุดยืนนี้ไว้
ที่มีการใช้คำพูดกันว่าพรรคเพื่อไทย ยอมเทหมดหน้าตักในการจัดตั้งรัฐบาลนั้น ความจริงแล้วก็ยังไม่หมดหน้าตักเสียทีเดียว คือพรรคยังมีนโยบายแก้รัฐธรรมนูญและกฎหมายต่างๆ ที่จะทำให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยและกลับคืนสู่การยึดหลักนิติธรรม ถ้าเราไม่ทำเรื่องนี้อย่างจริงจังนั่นแหละจะหมดหน้าตักจริงๆ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องทำให้เกิดขึ้นให้ได้ตามที่ประกาศไว้กับประชาชน
“ผมจึงคิดว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรค นอกจากสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่รัฐบาลกำลังจะทำแล้ว ยังสามารถที่จะผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญในขอบเขตอำนาจหน้าที่ของ สส. คู่ขนานกันไปกับการทำงานของรัฐบาลได้ด้วย”
การแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะเป็นไปอย่างไรนั้น ขณะนี้ต้องดูความชัดเจนจากคณะกรรมการที่รัฐบาลจะจัดตั้งขึ้นว่าจะมีผลการศึกษาและพิจารณาดำเนินการอย่างไร นอกจากนี้ก็ต้องดูด้วยว่าพรรคฝ่ายค้านและภาคประชาชนดำเนินการอย่างไร
“ในส่วนของ สส.พรรคเพื่อไทยนั้น ผมคิดว่าคงต้องคำนึงถึงนโยบายของพรรคว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญและผลักดันให้เกิดการแก้ไขตามนโยบายของพรรคให้มากที่สุด”
การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยเป็นเรื่องสำคัญที่พรรคเพื่อไทยตั้งแต่ไทยรักไทย พลังประชาชนและเพื่อไทยถือเป็นนโยบายหลักมาตลอด เราคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญที่ยกร่างโดยคณะรัฐประหารในการลงประชามติทั้งสองครั้ง และเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับไม่ว่าขณะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน เราจึงต้องรักษาจุดยืนนี้ไว้
ที่มีการใช้คำพูดกันว่าพรรคเพื่อไทย ยอมเทหมดหน้าตักในการจัดตั้งรัฐบาลนั้น ความจริงแล้วก็ยังไม่หมดหน้าตักเสียทีเดียว คือพรรคยังมีนโยบายแก้รัฐธรรมนูญและกฎหมายต่างๆ ที่จะทำให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยและกลับคืนสู่การยึดหลักนิติธรรม ถ้าเราไม่ทำเรื่องนี้อย่างจริงจังนั่นแหละจะหมดหน้าตักจริงๆ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องทำให้เกิดขึ้นให้ได้ตามที่ประกาศไว้กับประชาชน
“ผมจึงคิดว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรค นอกจากสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่รัฐบาลกำลังจะทำแล้ว ยังสามารถที่จะผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญในขอบเขตอำนาจหน้าที่ของ สส. คู่ขนานกันไปกับการทำงานของรัฐบาลได้ด้วย”