ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 30 พฤษภาคมนี้ เวลา 14.30 น. พรรคก้าวไกล ได้แจ้งกำหนดการว่า พรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 8 พรรค จะมีการประชุมพูดคุยแนวทางและแผนงานการทำงานร่วมกันหลังการลงนามเอ็มโอยู เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา ณ ที่ทำการพรรคประชาชาติ เพื่อหารือกรอบถึงการเตรียมความพร้อมในการบริหารและนโยบายของแต่ละพรรคการเมืองให้ไปในทิศทางเดียวกัน
ขณะที่ในวันดังกล่าว จะมีการพูดคุยถึงตำแหน่งต่างๆ ในรัฐบาลว่าสัดส่วนรัฐมนตรีของแต่ละพรรคจะได้กี่ที่นั่ง และจะได้รัฐมนตรีกระทรวงใดบ้างที่สอดคล้องกับนโยบายของแต่ละพรรค ขณะที่พรรคเพื่อไทย ได้มีเริ่มมีการพูดคุยเรื่องวางตัวรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคแล้ว แต่ยังไม่สรุปอย่างทางการว่าบุคคลใดจะเข้ามาทำหน้าที่ในกระทรวงใดบ้าง
ทั้งนี้ สูตรคำนวณแบ่งรัฐมนตรีจะคิดจากจำนวน ส.ส. หารด้วย 8.6 ต่อรัฐมนตรี 1 ที่นั่ง ซึ่งพรรคก้าวไกล ได้ 14 ที่นั่ง บวก 1 เก้าอี้นายกรัฐมนตรี, พรรคเพื่อไทย ได้ 14 เก้าอี้, พรรคประชาติ ได้ 1 เก้าอี้รัฐมนตรี, พรรคไทยสร้างไทย ได้ 1 เก้าอี้รัฐมนตรีช่วย ส่วนพรรคเล็กที่มี ส.ส. 1-2 ที่นั่ง ได้แก่ พรรคเสรีรวมไทย, พรรคเพื่อไทรวมพลัง, พรรคเป็นธรรม และพรรคพลังสังคมใหม่ เมื่อรวมเสียงแล้วอาจไม่ถึงสูตรที่กำหนดไว้ จึงอาจจะไม่ได้เก้าอี้รัฐมนตรี
ส่วนตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ยังไม่มีการพูดคุยในวันที่ 30 พฤษภาคมนี้ เพราะเป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ต้องพูดคุยกันเอง ไม่ได้เกี่ยวกับพรรคอื่น แต่แกนนำพรรคเพื่อไทย มองว่าจะต้องมีการหารือกันด้วยเหตุด้วยผล
อย่างไรก็ตาม เหตุที่เลือกใช้พรรคประชาชาติในการประชุมนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเทียบเชิญให้ วันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นประธานสภาฯ หรือเข้ามาเป็นกาวใจความไม่ลงรอยที่เกิดขึ้นภายในพรรคร่วมรัฐบาล เพราะหลังจากนี้ จะมีการประชุมสลับไปในทุกพรรคเช่นกัน
ขณะที่ในวันดังกล่าว จะมีการพูดคุยถึงตำแหน่งต่างๆ ในรัฐบาลว่าสัดส่วนรัฐมนตรีของแต่ละพรรคจะได้กี่ที่นั่ง และจะได้รัฐมนตรีกระทรวงใดบ้างที่สอดคล้องกับนโยบายของแต่ละพรรค ขณะที่พรรคเพื่อไทย ได้มีเริ่มมีการพูดคุยเรื่องวางตัวรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคแล้ว แต่ยังไม่สรุปอย่างทางการว่าบุคคลใดจะเข้ามาทำหน้าที่ในกระทรวงใดบ้าง
ทั้งนี้ สูตรคำนวณแบ่งรัฐมนตรีจะคิดจากจำนวน ส.ส. หารด้วย 8.6 ต่อรัฐมนตรี 1 ที่นั่ง ซึ่งพรรคก้าวไกล ได้ 14 ที่นั่ง บวก 1 เก้าอี้นายกรัฐมนตรี, พรรคเพื่อไทย ได้ 14 เก้าอี้, พรรคประชาติ ได้ 1 เก้าอี้รัฐมนตรี, พรรคไทยสร้างไทย ได้ 1 เก้าอี้รัฐมนตรีช่วย ส่วนพรรคเล็กที่มี ส.ส. 1-2 ที่นั่ง ได้แก่ พรรคเสรีรวมไทย, พรรคเพื่อไทรวมพลัง, พรรคเป็นธรรม และพรรคพลังสังคมใหม่ เมื่อรวมเสียงแล้วอาจไม่ถึงสูตรที่กำหนดไว้ จึงอาจจะไม่ได้เก้าอี้รัฐมนตรี
ส่วนตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ยังไม่มีการพูดคุยในวันที่ 30 พฤษภาคมนี้ เพราะเป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ต้องพูดคุยกันเอง ไม่ได้เกี่ยวกับพรรคอื่น แต่แกนนำพรรคเพื่อไทย มองว่าจะต้องมีการหารือกันด้วยเหตุด้วยผล
อย่างไรก็ตาม เหตุที่เลือกใช้พรรคประชาชาติในการประชุมนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเทียบเชิญให้ วันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นประธานสภาฯ หรือเข้ามาเป็นกาวใจความไม่ลงรอยที่เกิดขึ้นภายในพรรคร่วมรัฐบาล เพราะหลังจากนี้ จะมีการประชุมสลับไปในทุกพรรคเช่นกัน