15 พ.ค. 66 ที่อาคารอนาคตใหม่ ย่านหัวหมาก ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล พร้อมด้วยกรรมการบริหารพรรคได้จัดงานแถลงข่าว ประกาศชัยชนะเลือกตั้ง 66 โดย พิธา กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นการพลิกขั้วจากฝ่ายค้าน มาเป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาลแบบเต็มตัว
มีการโทรศัพท์ไปหาแกนนำฝ่ายประชาธิปไตยทั้ง 5 พรรค และมีแกนนำของแต่ละพรรคโทรมา ในส่วนของ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ ได้มีการพูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ด้วย ได้มีการแสดงความยินดี ที่มุ่งมั่นตั้งใจหาเสียง ทำได้ดีเยี่ยม ไร้ที่ติ พร้อมมีการเชิญร่วมจัดตั้งรัฐบาล ตามที่เคยสัญญากับไว้กับประชาชน
ในส่วนแนวคิดการรวมเสียงหากนำตัวเลข ส.ส. ทั้งจาก พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคไทยสร้างไทย และพรรคเสรีรวมไทย รวมตอนนี้ 308 เสียง ซึ่งทางก้าวไกลก็ได้กำลังติดต่อพรรคเป็นธรรม ก็จะได้ 309 เสียง คิดว่าเพียงพอต่อการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก และจะเป็นการปิดประตูจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย
หลังจากนี้จะนำโรดแมปที่ได้คุยกับพรรคร่วมรัฐบาล มาแก้ปัญหาเก่า เผชิญปัญหาใหม่ พาประเทศสู่อนาคตใหม่ เน้นแก้เศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำ และพร้อมที่จะตั้งทีมงานในการเปลี่ยนผ่านอำนาจรัฐบาลอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะมีการเดินสายพบพี่น้องภาคประชาสังคม ข้าราชการ ธุรกิจ และทุกภาคส่วน
พิธา ระบุว่า พร้อมที่จะเดินหน้าทำความเข้าใจกับคนที่เห็นต่าง เพื่อให้ผลเป็นฉันทามติจากพี่น้องประชาชน ให้ทุกภาคส่วนสามารถทำงานร่วมกันได้ และเห็นความตั้งใจของพรรคก้าวไกล
ในส่วนช่วงบ่ายต่อจากนี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค และจะเดินทางขอบคุณพี่น้องประชาชน โดยจะเริ่มจากกรุงเทพมหานคร และเดินทางไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ
พร้อมจะเร่งดำเนินการนโยบายแต่ละด้านให้เร็วที่สุด เพื่อลดช่องว่าง แก้ปัญหา ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในพรรคก้าวไกล ว่าจะทำงานอย่างละเอียด รอบคอบ รวดเร็ว เพื่อคนไทยทุกคน
เมื่อถามว่ามีความกังวลเรื่องจำนวนเสียงยังไม่ถึง 376 หรือไม่ แคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล ปฏิเสธความกังวล เพราะจำนวนที่ได้มา เป็นฉันทามติของประชาชน ดังนั้นการฝืนประชามติเสียงส่วนใหญ่ คงไม่เป็นประโยชน์กับใครเลย ส่วนตัวเชื่อว่าคงไม่มีใครกล้าฝ่าฝืน ทุกฝ่ายควรจะน้อมรับ และชัดเจนว่าประชาชนต้องการเห็นอะไร
พิธา กล่าวต่อว่า การทำงานต่อจากนี้ มีประมาณ 2-3 ส่วน หนึ่งคือการเจรจาจัดตั้งรัฐบาล พรรคก้าวไกลจะนำโรดแมปที่ได้สัญญาไว้กับประชาชนก่อนการเลือกตั้ง เพื่อนำไปพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาเก่า เผชิญปัญหาใหม่ และพร้อมพาประเทศไทยไปสู่อนาคต ทำประชามติให้มี สสร.ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ พัฒนาเศรษฐกิจสร้างความเจริญเติบโตและลดความเหลื่อมล้ำไปในคราวเดียวกัน (Inclusive Growth)
สอง ตั้งทีมงานเพื่อเปลี่ยนผ่านรัฐบาล เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องมีคณะทำงานร่วมกับทุกพรรคการเมือง เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนผ่านอำนาจ เปลี่ยนผ่านรัฐบาล อย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ
สาม จะมีการเดินสายพบปะประชาชน ภาคประชาสังคม ข้าราชการ และภาคธุรกิจ เพื่อเดินหน้าทำความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายของพรรคก้าวไกล ให้ผลการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นฉันทามติที่มาจากพี่น้องประชาชน สามารถทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนได้ เพื่อพาประเทศไทยไปสู่อนาคต ไปสู่ความเปลี่ยนแปลงที่มีประสิทธิภาพและมีอุดมการณ์ เป็นความเปลี่ยนแปลงที่พวกเราถวิลหา
พิธา ระบุต่อว่า ในส่วนการทำงานร่วมกับพรรคอื่น ควรมีข้อตกลงร่วม (MOU) เหมือนการเมืองสากล ทำข้อตกลงกับทุกภาคส่วน เพื่อจะให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นประโยชน์กับประเทศไทยทั้งประเทศ เช่น เรื่องการเลือกตั้งผู้ว่าประจำจังหวัด ซึ่งคงต้องรอตามกระบวนการ ให้การเปลี่ยนผ่านนุ่มนวลที่สุด
“คิดว่าหมดเวลาในการทำรัฐประหารในประเทศไทยแล้ว ประชาชนต้องการรัฐธรรมนูญใหม่ ต้องการเห็นประชาธิปไตยที่ไม่สะดุดลง คิดว่าคงไม่เหลือพื้นที่ให้ทำสิ่งนี้ในประเทศแล้ว” พิธา กล่าว
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ หากฝ่ายค้าน (ซึ่งเป็นอดีตพรรครัฐบาล) จะกลับซักฟอก พิธา กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่รัฐบาลจะต้องถูกตรวจสอบจากผู้แทนฯ ฝ่ายค้านในทุกกรณี ดังนั้นจึงไม่กังวลข้อนี้
เมื่อถามว่าการเอาชนะของก้าวไกลในครั้งนี้ จะทำให้ฝ่ายอนุรักษ์นิยมอ่อนแรงหรือไม่ พิธา กล่าวว่า ไม่มีใครเป็นอนุรักษ์นิยมตลอดไป ส่วนตัวพร้อมพูดคุยกันได้ และพร้อมพูดคุยเพื่อให้ทุกอย่างเกิดการเปลี่ยนแปลง
ในส่วนปัญหาต่างๆ ที่หลายคนมองว่าจะเป็นอุปสรรคของพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะระบบราชการ ส่วนตัวไม่เห็นว่าเป็นปัญหา ในการแก้ไข สิ่งต่างๆ และไม่คิดว่าการทำงานร่วมกับราชการจะเป็นอุปสรรค เพราะข้าราชการจะได้ทำงานร่วมกับรัฐบาลที่เข้าใจขีดจำกัด ในการทำงานของเขา
ส่วนประเด็นกองทัพเองจากที่ผ่านมาได้เห็นว่าได้เขตเลือกตั้งที่อยู่ในเกณฑ์ทหารจะเลือกพรรคก้าวไกล จึงอนุมานได้ว่า คนเหล่านี้ก็อยากเห็นถึงความเปลี่ยนแปลง ดังนั้นในส่วนข้อดังขาต่างๆ ที่ข้าราชการพลเรือนและทหารตั้งคำถาม ทางพรรคก็พร้อมจะอธิบายในส่วนที่ไม่เข้าใจ และจะอธิบายในสิ่งที่ตั้งใจจะทำงานงานเพื่อพัฒนาระบบราชการให้ดีขึ้น โดยเฉพาะแนวคิดจิ๋วแต่แจ๋ว
ในส่วนการแข่งขันในสนามเลือกตั้ง รู้สึกดีใจเพราะรอบนี้มีผู้มาใช้สิทธิมากที่สุด ขอบคุณทุกคนทุกฝ่ายที่เข้ามามีส่วนร่วมจัดการเลือกตั้ง และอยากให้อนาคตได้มีการเชิญชวนให้คนออดมาใช้สิทธิขัั้นเรื่อยๆ
ผู้สื่อข่าวว่า กังวลเรื่องคดีการถือหุ้นสื่อที่อยู่ใน กกต.หรือไม่ พิธา ตอบว่า ไม่กังวล พร้อมชี้แจงต่อ กกต.ขอเรียกความเชื่อมั่นจากประชาชน ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้
เมื่อถามว่าเหตุใดไม่นำพรรคภูมิใจไทยร่วมรัฐบาลด้วย เพื่อความเด็ดขาดในการปิดสวิตซ์ ส.ว. พิธา ตอบว่า ไม่จำเป็น การที่ขั้วฝ่ายค้านตั้งรัฐบาล 300 กว่าเสียงไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เชื่อว่าไม่มีใครกล้าฝืนฉันทามติประชาชน นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็ไม่ได้โทรมาหา
มีการโทรศัพท์ไปหาแกนนำฝ่ายประชาธิปไตยทั้ง 5 พรรค และมีแกนนำของแต่ละพรรคโทรมา ในส่วนของ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ ได้มีการพูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ด้วย ได้มีการแสดงความยินดี ที่มุ่งมั่นตั้งใจหาเสียง ทำได้ดีเยี่ยม ไร้ที่ติ พร้อมมีการเชิญร่วมจัดตั้งรัฐบาล ตามที่เคยสัญญากับไว้กับประชาชน
ในส่วนแนวคิดการรวมเสียงหากนำตัวเลข ส.ส. ทั้งจาก พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคไทยสร้างไทย และพรรคเสรีรวมไทย รวมตอนนี้ 308 เสียง ซึ่งทางก้าวไกลก็ได้กำลังติดต่อพรรคเป็นธรรม ก็จะได้ 309 เสียง คิดว่าเพียงพอต่อการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก และจะเป็นการปิดประตูจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย
หลังจากนี้จะนำโรดแมปที่ได้คุยกับพรรคร่วมรัฐบาล มาแก้ปัญหาเก่า เผชิญปัญหาใหม่ พาประเทศสู่อนาคตใหม่ เน้นแก้เศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำ และพร้อมที่จะตั้งทีมงานในการเปลี่ยนผ่านอำนาจรัฐบาลอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะมีการเดินสายพบพี่น้องภาคประชาสังคม ข้าราชการ ธุรกิจ และทุกภาคส่วน
พิธา ระบุว่า พร้อมที่จะเดินหน้าทำความเข้าใจกับคนที่เห็นต่าง เพื่อให้ผลเป็นฉันทามติจากพี่น้องประชาชน ให้ทุกภาคส่วนสามารถทำงานร่วมกันได้ และเห็นความตั้งใจของพรรคก้าวไกล
ในส่วนช่วงบ่ายต่อจากนี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค และจะเดินทางขอบคุณพี่น้องประชาชน โดยจะเริ่มจากกรุงเทพมหานคร และเดินทางไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ
พร้อมจะเร่งดำเนินการนโยบายแต่ละด้านให้เร็วที่สุด เพื่อลดช่องว่าง แก้ปัญหา ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในพรรคก้าวไกล ว่าจะทำงานอย่างละเอียด รอบคอบ รวดเร็ว เพื่อคนไทยทุกคน
เมื่อถามว่ามีความกังวลเรื่องจำนวนเสียงยังไม่ถึง 376 หรือไม่ แคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล ปฏิเสธความกังวล เพราะจำนวนที่ได้มา เป็นฉันทามติของประชาชน ดังนั้นการฝืนประชามติเสียงส่วนใหญ่ คงไม่เป็นประโยชน์กับใครเลย ส่วนตัวเชื่อว่าคงไม่มีใครกล้าฝ่าฝืน ทุกฝ่ายควรจะน้อมรับ และชัดเจนว่าประชาชนต้องการเห็นอะไร
พิธา กล่าวต่อว่า การทำงานต่อจากนี้ มีประมาณ 2-3 ส่วน หนึ่งคือการเจรจาจัดตั้งรัฐบาล พรรคก้าวไกลจะนำโรดแมปที่ได้สัญญาไว้กับประชาชนก่อนการเลือกตั้ง เพื่อนำไปพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาเก่า เผชิญปัญหาใหม่ และพร้อมพาประเทศไทยไปสู่อนาคต ทำประชามติให้มี สสร.ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ พัฒนาเศรษฐกิจสร้างความเจริญเติบโตและลดความเหลื่อมล้ำไปในคราวเดียวกัน (Inclusive Growth)
สอง ตั้งทีมงานเพื่อเปลี่ยนผ่านรัฐบาล เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องมีคณะทำงานร่วมกับทุกพรรคการเมือง เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนผ่านอำนาจ เปลี่ยนผ่านรัฐบาล อย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ
สาม จะมีการเดินสายพบปะประชาชน ภาคประชาสังคม ข้าราชการ และภาคธุรกิจ เพื่อเดินหน้าทำความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายของพรรคก้าวไกล ให้ผลการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นฉันทามติที่มาจากพี่น้องประชาชน สามารถทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนได้ เพื่อพาประเทศไทยไปสู่อนาคต ไปสู่ความเปลี่ยนแปลงที่มีประสิทธิภาพและมีอุดมการณ์ เป็นความเปลี่ยนแปลงที่พวกเราถวิลหา
พิธา ระบุต่อว่า ในส่วนการทำงานร่วมกับพรรคอื่น ควรมีข้อตกลงร่วม (MOU) เหมือนการเมืองสากล ทำข้อตกลงกับทุกภาคส่วน เพื่อจะให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นประโยชน์กับประเทศไทยทั้งประเทศ เช่น เรื่องการเลือกตั้งผู้ว่าประจำจังหวัด ซึ่งคงต้องรอตามกระบวนการ ให้การเปลี่ยนผ่านนุ่มนวลที่สุด
“คิดว่าหมดเวลาในการทำรัฐประหารในประเทศไทยแล้ว ประชาชนต้องการรัฐธรรมนูญใหม่ ต้องการเห็นประชาธิปไตยที่ไม่สะดุดลง คิดว่าคงไม่เหลือพื้นที่ให้ทำสิ่งนี้ในประเทศแล้ว” พิธา กล่าว
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ หากฝ่ายค้าน (ซึ่งเป็นอดีตพรรครัฐบาล) จะกลับซักฟอก พิธา กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่รัฐบาลจะต้องถูกตรวจสอบจากผู้แทนฯ ฝ่ายค้านในทุกกรณี ดังนั้นจึงไม่กังวลข้อนี้
เมื่อถามว่าการเอาชนะของก้าวไกลในครั้งนี้ จะทำให้ฝ่ายอนุรักษ์นิยมอ่อนแรงหรือไม่ พิธา กล่าวว่า ไม่มีใครเป็นอนุรักษ์นิยมตลอดไป ส่วนตัวพร้อมพูดคุยกันได้ และพร้อมพูดคุยเพื่อให้ทุกอย่างเกิดการเปลี่ยนแปลง
ในส่วนปัญหาต่างๆ ที่หลายคนมองว่าจะเป็นอุปสรรคของพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะระบบราชการ ส่วนตัวไม่เห็นว่าเป็นปัญหา ในการแก้ไข สิ่งต่างๆ และไม่คิดว่าการทำงานร่วมกับราชการจะเป็นอุปสรรค เพราะข้าราชการจะได้ทำงานร่วมกับรัฐบาลที่เข้าใจขีดจำกัด ในการทำงานของเขา
ส่วนประเด็นกองทัพเองจากที่ผ่านมาได้เห็นว่าได้เขตเลือกตั้งที่อยู่ในเกณฑ์ทหารจะเลือกพรรคก้าวไกล จึงอนุมานได้ว่า คนเหล่านี้ก็อยากเห็นถึงความเปลี่ยนแปลง ดังนั้นในส่วนข้อดังขาต่างๆ ที่ข้าราชการพลเรือนและทหารตั้งคำถาม ทางพรรคก็พร้อมจะอธิบายในส่วนที่ไม่เข้าใจ และจะอธิบายในสิ่งที่ตั้งใจจะทำงานงานเพื่อพัฒนาระบบราชการให้ดีขึ้น โดยเฉพาะแนวคิดจิ๋วแต่แจ๋ว
ในส่วนการแข่งขันในสนามเลือกตั้ง รู้สึกดีใจเพราะรอบนี้มีผู้มาใช้สิทธิมากที่สุด ขอบคุณทุกคนทุกฝ่ายที่เข้ามามีส่วนร่วมจัดการเลือกตั้ง และอยากให้อนาคตได้มีการเชิญชวนให้คนออดมาใช้สิทธิขัั้นเรื่อยๆ
ผู้สื่อข่าวว่า กังวลเรื่องคดีการถือหุ้นสื่อที่อยู่ใน กกต.หรือไม่ พิธา ตอบว่า ไม่กังวล พร้อมชี้แจงต่อ กกต.ขอเรียกความเชื่อมั่นจากประชาชน ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้
เมื่อถามว่าเหตุใดไม่นำพรรคภูมิใจไทยร่วมรัฐบาลด้วย เพื่อความเด็ดขาดในการปิดสวิตซ์ ส.ว. พิธา ตอบว่า ไม่จำเป็น การที่ขั้วฝ่ายค้านตั้งรัฐบาล 300 กว่าเสียงไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เชื่อว่าไม่มีใครกล้าฝืนฉันทามติประชาชน นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็ไม่ได้โทรมาหา
