(17 มี.ค. 2566) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดินทางต่อไปยังโรงเรียนประสานวิทยามูลนิธิ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี โดยพบกับผู้นำศาสนา และเครือข่ายโรงเรียนตาดีกา รวมถึงผู้นำท้องถิ่น ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณที่มาให้การต้อนรับ และให้ความร่วมมือช่วยกันพัฒนาท้องถิ่น ภายใต้สันติสุข ในการดำรงชีวิตที่ผ่านมาเป็นอย่างดี
การเดินทางมาพบในครั้งนี้ เพื่อต้องการส่งเสริมการดำรงชีวิตตามหลักการศาสนาของพี่น้องมุสลิม สนับสนุนค่าอาหารกลางวันตาดีกา ต่อเนื่อง รวมทั้งเพิ่มจำนวนครูผู้สอนให้เหมาะสมกับสัดส่วนนักเรียนและอื่นๆ รวมทั้งการสนับสนุนครูโรงเรียนเอกชนให้มีสิทธิ และการเพิ่มค่าตอบแทน ค่าเสี่ยงภัยครูและผู้บริหารด้วย
จากนั้น พล.อ.ประวิตร และคณะ เดินทางต่อไปยังสหกรณ์นิคมปิเหล็ง จำกัด จ.นราธิวาส เพื่อตรวจติดตามการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน กรณีป่าสงวนแห่งชาติ ทับซ้อนกับพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสหกรณ์ในท้องที่ อ.ระแงะ, อ.สุไหงปาดี และ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส รวมทั้งได้กล่าวมอบนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดแก้ปัญหาอันเนื่องจากกฎหมายของรัฐ มีการทับซ้อนกับพื้นที่ป่าไม้ เขตอุทยานแห่งชาติฯ และเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ป่าพรุ ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ทำให้ชาวบ้านขาดสถานะกรรมสิทธิ์โฉนดที่ดิน มากว่า 33 ปีแล้ว
ซึ่งที่ผ่านมา ได้ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ประสานงานกับหน่วยงานที่รับผิดชอบ กระทั่งประสบผลสำเร็จในระดับพื้นที่เรียบร้อยแล้ว ต่อไปชาวบ้านจะสามารถนำที่ดินไปใช้ประโยชน์เพื่อการดำรงชีพ การประกอบอาชีพ สร้างงานสร้างรายได้ สามารถเลี้ยงดูตนเองและครอบครัวได้ต่อไป ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้พบปะทักทายประชาชนที่มาให้การต้อนรับอย่างเป็นกันเอง
ต่อมา ได้เดินทางต่อไปยัง อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เพื่อตรวจเยี่ยมการบริหารจัดการด่านชายแดนพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก เพื่อส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน กับประเทศเพื่อนบ้าน สามารถสร้างรายได้ประชาชนในพื้นที่ รวมถึงพัฒนาความสัมพันธ์อันดีระหว่างทั้ง 2 ประเทศ และพบปะพี่น้องประชาชนและนักธุรกิจ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ สวนมิ่งขวัญประชา ก่อนเดินทางกลับ กทม.
การเดินทางมาพบในครั้งนี้ เพื่อต้องการส่งเสริมการดำรงชีวิตตามหลักการศาสนาของพี่น้องมุสลิม สนับสนุนค่าอาหารกลางวันตาดีกา ต่อเนื่อง รวมทั้งเพิ่มจำนวนครูผู้สอนให้เหมาะสมกับสัดส่วนนักเรียนและอื่นๆ รวมทั้งการสนับสนุนครูโรงเรียนเอกชนให้มีสิทธิ และการเพิ่มค่าตอบแทน ค่าเสี่ยงภัยครูและผู้บริหารด้วย
จากนั้น พล.อ.ประวิตร และคณะ เดินทางต่อไปยังสหกรณ์นิคมปิเหล็ง จำกัด จ.นราธิวาส เพื่อตรวจติดตามการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน กรณีป่าสงวนแห่งชาติ ทับซ้อนกับพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสหกรณ์ในท้องที่ อ.ระแงะ, อ.สุไหงปาดี และ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส รวมทั้งได้กล่าวมอบนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดแก้ปัญหาอันเนื่องจากกฎหมายของรัฐ มีการทับซ้อนกับพื้นที่ป่าไม้ เขตอุทยานแห่งชาติฯ และเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ป่าพรุ ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ทำให้ชาวบ้านขาดสถานะกรรมสิทธิ์โฉนดที่ดิน มากว่า 33 ปีแล้ว
ซึ่งที่ผ่านมา ได้ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ประสานงานกับหน่วยงานที่รับผิดชอบ กระทั่งประสบผลสำเร็จในระดับพื้นที่เรียบร้อยแล้ว ต่อไปชาวบ้านจะสามารถนำที่ดินไปใช้ประโยชน์เพื่อการดำรงชีพ การประกอบอาชีพ สร้างงานสร้างรายได้ สามารถเลี้ยงดูตนเองและครอบครัวได้ต่อไป ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้พบปะทักทายประชาชนที่มาให้การต้อนรับอย่างเป็นกันเอง
ต่อมา ได้เดินทางต่อไปยัง อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เพื่อตรวจเยี่ยมการบริหารจัดการด่านชายแดนพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก เพื่อส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน กับประเทศเพื่อนบ้าน สามารถสร้างรายได้ประชาชนในพื้นที่ รวมถึงพัฒนาความสัมพันธ์อันดีระหว่างทั้ง 2 ประเทศ และพบปะพี่น้องประชาชนและนักธุรกิจ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ สวนมิ่งขวัญประชา ก่อนเดินทางกลับ กทม.