สมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ทางไทยพีบีเอส ว่า ส่งหนังสือสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย (พท.) วันนี้ (20 มีนาคม 2566) โดยระบุเหตุผลที่ตัดสินใจเข้าร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยเพราะชื่นชอบทีมงานโดยเฉพาะทีมนโยบาย ที่สามารถปฏิบัติสำเร็จได้จริง ต่างจากรัฐบาลอื่น ที่ยังมีปัญหาเรื่องการไปสู่เป้าหมาย ไม่มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และไม่มีความชัดเจน
ทั้งนี้ สมศักดิ์ มั่นใจว่า พรรคเพื่อไทยจะตีไข่แตกได้ในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ และส่วนตัวมีความคุ้นเคยกับคนภาคใต้หลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่เคยทำหรือมีแนวคิด เช่น ปลดล็อกกระท่อมออกจากยาเสพติด โครงการเปลี่ยนวัวชนเป็น Soft Power ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามา การไกล่เกลี่ยหนี้สิน ให้ประชาชนทั่วประเทศได้ถึงแสนครอบครัว ตัดวงจรยาเสพติดสามารถยึดทรัพย์ได้หลายพันล้าน
ซึ่งการเข้าพรรคเพื่อไทยก็จะนำนโยบายที่เคยทำเหล่านี้และมีแนวคิดจะทำไปนำเสนอ ดังนั้นขอให้คอยดูเพราะพรรคเพื่อไทยมีพื้นที่ว่างเพื่อให้ไปขับเคลื่อนมาได้ รวมถึงมั่นใจว่าเพื่อไทยจะได้เป็นรัฐบาล 99% ถ้าได้เป็นรัฐบาลพรรคเดียวเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
ส่วนถ้าสถานการณ์การเมืองพลิก การประเมินเกิดพลาดและเป็นฝ่ายค้าน สมศักดิ์ กล่าวว่า เปอร์เซ็นต์ต่ำมาก ไม่ถึง 1% ส่วนโอกาสจะเป็นรัฐบาลพรรคเดียวหรือไม่อยู่ที่พี่น้องประชาชน แต่ที่เข้าไปพรรคเพื่อไทยจะช่วยเท่าที่ทำได้ เพื่อเป้าหมายแลนสไลด์ 310 ส.ส.
ส่วนเรื่องขั้วการเมือง เพื่อไทย พลังประชารัฐ และภูมิใจไทย หลังปรากฏภาพ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท.นำคณะแกนนำพรรค ไปพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์วุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และถัดมาอีกวันสมศักดิ์ และสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เข้าพบ พล.อ.ประวิตร นั้น สมศักดิ์ ยืนยันไม่ได้เป็นการพูดคุยเรื่องจัดตั้งรัฐบาล เพียงแต่เข้าพบเพื่ออำลา ในอนาคตถ้ามีปัญหาขัดแย้งก็สามารถพูดคุยกันได้
เมื่อถามว่าขั้วการเมืองเหล่านี้จะมีโอกาสเกิดขึ้นหรือไม่ สมศักดิ์ กล่าวว่า ตอนนี้อาจจะเขม็งเกลียวในการเลือกตั้งแย่งคนจากพรรคนั้นไปพรรคนี้วิพากษ์วิจารณ์ว่ากัน แต่หลังการเลือกตั้งอาจต้องใช้คำพูดของ พล.อ.ประวิตร คือก้าวข้ามความขัดแย้ง แต่วันนี้ไม่ได้จับมือตั้งรัฐบาล ไม่ได้คุยและตนไม่ได้มีหน้าที่
สมศักดิ์ ยังมองคู่แข่งในสนามเลือกตั้งครั้งนี้ของพรรคเพื่อไทย คือความยากจน และการทำความเข้าใจกับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง คู่แข่งไม่ใช่พรรคการเมืองที่จะสู้กัน เพราะมันข้ามจุดนั้นไปแล้ว โดย สมศักดิ์ ปฏิเสธไม่ได้พูดคุยหรือดีลตรงกับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อเข้าไปร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย แต่คนในพรรคเพื่อไทยขานรับดีมาก ขอบคุณที่เข้าไปแล้วไม่ว้าเหว่ ได้ทำงานร่วมกัน และยืนยันว่าจะไม่มีกลุ่มไปต่อรองใดๆ โดยเฉพาะกลุ่มสามมิตรตอนนี้แยกย้ายไปอยู่หลายพรรค
ส่วนคนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง สมศักดิ์ มองว่าต้องเป็นคนที่บริหารเก่งและเข้าใจเรื่องของเศรษฐกิจเข้าใจเพื่อนร่วมทีมงาน สามารถที่จะมีศิลปะและมีพาวเวอร์ในการควบคุมคน มีความเป็นธรรมและมีความเป็นกลาง มองประชาชนเป็นที่ตั้ง
ซึ่งว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ทั้ง เศรษฐา ทวีสิน ที่ได้ฟังแนวคิดสร้างตลาดเรื่องเศรษฐกิจ ก็ถูกใจ ว่าถ้าปฏิบัติได้น่าจะประสบความสำเร็จจึงชอบ
ส่วน แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แม้เป็นทายาททางการเมืองตระกูลชินวัตรแต่คนอาจมองพรรษาทางการเมืองยังน้อยนั้น สมศักดิ์ มองว่า คนอายุน้อยทำอะไรได้เยอะจะเอาคนอายุ 80 ปีมาทำงานก็ไม่ถูก อายุน้อยย่อมดีกว่าคนอายุมากในการตัดสินใจในการทำงาน ไม่ยอมรับฟังความเห็นของคนอื่น ส่วนกระบวนการตัดสินใจไม่ต้องห่วงเพราะมีทีมงานผู้มีประสบการณ์เยอะในพรรคเพื่อไทยช่วยสนับสนุน “คนเป็นนายกรัฐมนตรีแค่ฟังคนให้เข้าใจ และเดินตามแนวทางที่ตัดสินใจก็ไปได้”
ทั้งนี้ สมศักดิ์มองว่า แพรทองธาร มีศาสตร์ มีคณิตศาสตร์ที่เก่งอยู่แล้ว ไปได้ การออกมาแสดงก็เข้มแข็งแข็งแกร่งและน่ารัก ส่วนโอกาสที่ประเทศไทยจะมีนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 นั้นก็มองเห็น และได้เป็นแน่
ทั้งนี้ สมศักดิ์ มั่นใจว่า พรรคเพื่อไทยจะตีไข่แตกได้ในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ และส่วนตัวมีความคุ้นเคยกับคนภาคใต้หลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่เคยทำหรือมีแนวคิด เช่น ปลดล็อกกระท่อมออกจากยาเสพติด โครงการเปลี่ยนวัวชนเป็น Soft Power ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามา การไกล่เกลี่ยหนี้สิน ให้ประชาชนทั่วประเทศได้ถึงแสนครอบครัว ตัดวงจรยาเสพติดสามารถยึดทรัพย์ได้หลายพันล้าน
ซึ่งการเข้าพรรคเพื่อไทยก็จะนำนโยบายที่เคยทำเหล่านี้และมีแนวคิดจะทำไปนำเสนอ ดังนั้นขอให้คอยดูเพราะพรรคเพื่อไทยมีพื้นที่ว่างเพื่อให้ไปขับเคลื่อนมาได้ รวมถึงมั่นใจว่าเพื่อไทยจะได้เป็นรัฐบาล 99% ถ้าได้เป็นรัฐบาลพรรคเดียวเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
ส่วนถ้าสถานการณ์การเมืองพลิก การประเมินเกิดพลาดและเป็นฝ่ายค้าน สมศักดิ์ กล่าวว่า เปอร์เซ็นต์ต่ำมาก ไม่ถึง 1% ส่วนโอกาสจะเป็นรัฐบาลพรรคเดียวหรือไม่อยู่ที่พี่น้องประชาชน แต่ที่เข้าไปพรรคเพื่อไทยจะช่วยเท่าที่ทำได้ เพื่อเป้าหมายแลนสไลด์ 310 ส.ส.
ส่วนเรื่องขั้วการเมือง เพื่อไทย พลังประชารัฐ และภูมิใจไทย หลังปรากฏภาพ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท.นำคณะแกนนำพรรค ไปพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์วุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และถัดมาอีกวันสมศักดิ์ และสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เข้าพบ พล.อ.ประวิตร นั้น สมศักดิ์ ยืนยันไม่ได้เป็นการพูดคุยเรื่องจัดตั้งรัฐบาล เพียงแต่เข้าพบเพื่ออำลา ในอนาคตถ้ามีปัญหาขัดแย้งก็สามารถพูดคุยกันได้
เมื่อถามว่าขั้วการเมืองเหล่านี้จะมีโอกาสเกิดขึ้นหรือไม่ สมศักดิ์ กล่าวว่า ตอนนี้อาจจะเขม็งเกลียวในการเลือกตั้งแย่งคนจากพรรคนั้นไปพรรคนี้วิพากษ์วิจารณ์ว่ากัน แต่หลังการเลือกตั้งอาจต้องใช้คำพูดของ พล.อ.ประวิตร คือก้าวข้ามความขัดแย้ง แต่วันนี้ไม่ได้จับมือตั้งรัฐบาล ไม่ได้คุยและตนไม่ได้มีหน้าที่
สมศักดิ์ ยังมองคู่แข่งในสนามเลือกตั้งครั้งนี้ของพรรคเพื่อไทย คือความยากจน และการทำความเข้าใจกับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง คู่แข่งไม่ใช่พรรคการเมืองที่จะสู้กัน เพราะมันข้ามจุดนั้นไปแล้ว โดย สมศักดิ์ ปฏิเสธไม่ได้พูดคุยหรือดีลตรงกับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อเข้าไปร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย แต่คนในพรรคเพื่อไทยขานรับดีมาก ขอบคุณที่เข้าไปแล้วไม่ว้าเหว่ ได้ทำงานร่วมกัน และยืนยันว่าจะไม่มีกลุ่มไปต่อรองใดๆ โดยเฉพาะกลุ่มสามมิตรตอนนี้แยกย้ายไปอยู่หลายพรรค
ส่วนคนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง สมศักดิ์ มองว่าต้องเป็นคนที่บริหารเก่งและเข้าใจเรื่องของเศรษฐกิจเข้าใจเพื่อนร่วมทีมงาน สามารถที่จะมีศิลปะและมีพาวเวอร์ในการควบคุมคน มีความเป็นธรรมและมีความเป็นกลาง มองประชาชนเป็นที่ตั้ง
ซึ่งว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ทั้ง เศรษฐา ทวีสิน ที่ได้ฟังแนวคิดสร้างตลาดเรื่องเศรษฐกิจ ก็ถูกใจ ว่าถ้าปฏิบัติได้น่าจะประสบความสำเร็จจึงชอบ
ส่วน แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แม้เป็นทายาททางการเมืองตระกูลชินวัตรแต่คนอาจมองพรรษาทางการเมืองยังน้อยนั้น สมศักดิ์ มองว่า คนอายุน้อยทำอะไรได้เยอะจะเอาคนอายุ 80 ปีมาทำงานก็ไม่ถูก อายุน้อยย่อมดีกว่าคนอายุมากในการตัดสินใจในการทำงาน ไม่ยอมรับฟังความเห็นของคนอื่น ส่วนกระบวนการตัดสินใจไม่ต้องห่วงเพราะมีทีมงานผู้มีประสบการณ์เยอะในพรรคเพื่อไทยช่วยสนับสนุน “คนเป็นนายกรัฐมนตรีแค่ฟังคนให้เข้าใจ และเดินตามแนวทางที่ตัดสินใจก็ไปได้”
ทั้งนี้ สมศักดิ์มองว่า แพรทองธาร มีศาสตร์ มีคณิตศาสตร์ที่เก่งอยู่แล้ว ไปได้ การออกมาแสดงก็เข้มแข็งแข็งแกร่งและน่ารัก ส่วนโอกาสที่ประเทศไทยจะมีนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 นั้นก็มองเห็น และได้เป็นแน่
