วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้ชี้แจงเน้นย้ำถึงข้อปฏิบัติหลังจากได้มีการประกาศยุบสภาฯ และกำลังจะมีการจัดการเลือกตั้ง ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยมีรัฐมนตรีหลายคนได้สอบถามรายละเอียดในบางข้อ ซึ่งบางเรื่องตนชี้แจงได้ และมีบางเรื่องที่ไม่สามารถชี้แจงได้ แต่ได้รับเพื่อไปสอบถามคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อีกครั้ง ส่วนสิ่งที่รัฐมนตรีหลายคนสอบถามมา เป็นเรื่องที่แต่ละคนเคยมีประสบการณ์
โดยเฉพาะกรณีไปร่วมงานพิธี อาทิ งานแต่งงาน คนที่เป็นรัฐมนตรี หรือข้าราชการการเมืองที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ได้รับเชิญให้ขึ้นบนเวที ขณะที่พิธีกรในงานดังกล่าว ได้เอ่ยชื่อและตำแหน่ง พร้อมระบุว่าเป็นผู้ลงสมัคร ส.ส. ซึ่งตนได้แนะนำว่า สามารถไปร่วมงานได้ แต่อย่าขึ้นเวที และไม่ควรให้มีการประกาศแนะนำตัว พร้อมกับระบุว่าเป็นผู้ลงสมัคร ส.ส. รวมถึงกรณีการไปลงพื้นที่ตรวจราชการและต้องมีการพบปะประชาชน ซึ่งมีการมากอด, หอมแก้ม และมอบดอกไม้ ซึ่งตนได้แจ้งให้ ครม. ทราบว่า กกต. ระบุว่า สามารถรับดอกไม้ได้ แต่อย่าไปพูดตอบอะไรทั้งสิ้น ต้องปฏิบัติตรวจราชการให้เสร็จสิ้น เมื่อเสร็จสิ้นงานราชการตรงนั้นค่อยไปพูดคุยกับประชาชนทีหลัง
วิษณุ ยืนยันด้วยว่า ผู้ที่เป็นข้าราชการการเมือง และลงสมัคร ส.ส. สามารถไปร่วมงานพิธีต่างๆ ได้ในฐานะแขกคนหนึ่ง หรือถ้าจะต้องขึ้นกล่าวบนเวที ก็สามารถทำได้ แต่อย่าพูดว่าตนลงสมัครส.ส. หรืออย่าพูดว่าอยู่พรรคไหน, มีนโยบายอะไร และอย่าพูดแขวะพรรคอื่น
เมื่อถามว่า หลังยุบสภาฯ แล้ว จำเป็นต้องปลดป้ายของหน่วยงานราชการที่มีรูปรัฐมนตรี พร้อมระบุชื่อตำแหน่งหรือออกไปหรือไม่ วิษณุ ตอบว่า ในคู่มือที่ได้แจกให้กับ ครม. ในวันนี้ ได้ระบุให้ทุกกระทรวงและหน่วยงานราชการต่างๆ ปลดป้ายลักษณะดังกล่าวออกไปให้หมด ขณะเดียวกัน ตนได้อธิบายว่า กกต. ได้มีการชี้แจงเรื่องป้ายหาเสียงว่า สามารถติดชื่อและรูปผู้สมัครคู่กับหัวหน้าพรรคนั้นๆ ได้ หรือจะเป็นรูปผู้สมัครคู่กับผู้ที่จะเป็นว่าที่แคนดิเดตชิงนายกรัฐมนตรีในนามพรรคนั้นๆ ได้ หรือจะเป็นรูปคู่กันระหว่างผู้สมัครและผู้ที่เป็นสมาชิกพรรค แต่ห้ามเป็นรูปที่ผู้สมัครติดกับผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวกับการสมัครรับเลือกตั้ง หรือไม่ได้เป็นสมาชิกของพรรคนั้นๆ
นอกจากนี้ กรณีที่เป็นรูปผู้สมัครอยู่คู่กับบุคคลอื่นๆ ก็ไม่ควรระบุตำแหน่งข้าราชการการเมือง หรือข้าราชการประจำของบุคคลนั้นลงไป โดยรวมแล้ว อย่าติดป้ายที่ทำให้เห็นว่าใช้ตำแหน่ง หรืออำนาจหน้าที่ในฐานะข้าราชการการเมืองไปหาประโยชน์ในการเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถให้ความเห็นในเรื่องที่ว่า การหาเสียงของผู้สมัคร สามารถโยงกับบุคคลอื่นที่ไม่เป็นสมาชิกพรรคได้หรือไม่ว่าเป็นผู้ที่คิดนโยบายนั้น แต่คิดว่าถ้าเรื่องนโยบายที่ถูกอ้างถึงเคยเกิดขึ้นจริง และจะนำมาพูดตอนนี้ ก็คงไม่เป็นไร เช่น การบอกว่านโยบายเรื่องนี้มาจาก ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และจะนำมาต่อยอดในตอนนี้ การพูดลักษณะดังกล่าวไม่เป็นปัญหาอะไร เป็นการอ้างที่มาที่ไป
เมื่อถามว่า หลังจากนี้ รัฐบาลจะมีการนัดหารือกับ กกต. อีกครั้ง หรือจะรอให้ กกต. แจ้งวันเลือกตั้ง แล้วส่งมาให้รัฐบาลเป็นผู้ประกาศ วิษณุ ตอบว่า เรื่องการประกาศวันเลือกตั้ง รัฐบาลทำให้อยู่แล้ว ซึ่งคาดว่าจะเป็นวันที่ 22 มีนาคมนี้ ดังนั้น รัฐบาลไม่จำเป็นต้องนัดหารือกับ กกต.อีก ยกเว้นจะมีคำถามข้อสงสัยจำนวนมาก หรือมีเรื่องสำคัญที่ทำให้ต้องนัดหมายให้ กกต. มาพบ
วิษณุ ยืนยันอีกว่า บุคคลที่เป็นรัฐมนตรี หรือเป็นข้าราชการการเมือง และมีรถประจำตำแหน่ง ยังไม่ต้องส่งรถคืนหน่วยงานรัฐ เพราะถือว่าบุคคลนั้นยังปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรี หรือยังคงตำแหน่งราชการการเมืองอยู่ และได้รับเงินเดือน ถือว่ายังต้องทำหน้าที่ตรงนั้นอยู่ จึงยังสามารถใช้รถยนต์ประจำตำแหน่งได้ต่อไป นอกจากนี้ ยังสามารถใช้รถประจำตำแหน่ง เดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการ แล้วต่อด้วยการไปลงพื้นที่หาเสียงได้ แต่ต้องเติมน้ำมันเอง แต่ต่อให้เป็นกรณีต้องเติมน้ำมันของหลวง เช่น กรณีเฮลิคอปเตอร์ที่ใช้โดยสารไปตรวจราชการ ก็อาจเปลี่ยนเป็นการขยายเวลาลงพื้นที่ให้เป็นเวลาเดินทางกลับประมาณ 16.00 น. ได้ แม้จะสามารถใช้รถยนต์ประจำตำแหน่งเดินทางได้ แต่อย่าออกนอกเส้นทางในการตรวจราชการ
อย่างไรก็ตาม ต้องระวังข้อครหาเรื่องความได้เปรียบ-เสียเปรียบ แต่การไปตรวจราชการ ไม่ได้มีการได้เปรียบ หรือเสียเปรียบ เพราะเป็นการไปทำหน้าที่ แต่ถ้าพบว่ามีการเอาเปรียบในระกว่างการลงพื้นที่ตรวจราชการ เช่น ไปตรวจราชการแจกโฉนดที่ดินในจังหวัดหนึ่ง แต่ใช้ยานพาหนะเดียวกันต่อไปอีกจังหวัดหนึ่งเพื่อหาเสียงเลือกตั้ง แบบนี้ทำไม่ได้ เพราะถือว่าออกนอกเส้นทาง
โดยเฉพาะกรณีไปร่วมงานพิธี อาทิ งานแต่งงาน คนที่เป็นรัฐมนตรี หรือข้าราชการการเมืองที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ได้รับเชิญให้ขึ้นบนเวที ขณะที่พิธีกรในงานดังกล่าว ได้เอ่ยชื่อและตำแหน่ง พร้อมระบุว่าเป็นผู้ลงสมัคร ส.ส. ซึ่งตนได้แนะนำว่า สามารถไปร่วมงานได้ แต่อย่าขึ้นเวที และไม่ควรให้มีการประกาศแนะนำตัว พร้อมกับระบุว่าเป็นผู้ลงสมัคร ส.ส. รวมถึงกรณีการไปลงพื้นที่ตรวจราชการและต้องมีการพบปะประชาชน ซึ่งมีการมากอด, หอมแก้ม และมอบดอกไม้ ซึ่งตนได้แจ้งให้ ครม. ทราบว่า กกต. ระบุว่า สามารถรับดอกไม้ได้ แต่อย่าไปพูดตอบอะไรทั้งสิ้น ต้องปฏิบัติตรวจราชการให้เสร็จสิ้น เมื่อเสร็จสิ้นงานราชการตรงนั้นค่อยไปพูดคุยกับประชาชนทีหลัง
วิษณุ ยืนยันด้วยว่า ผู้ที่เป็นข้าราชการการเมือง และลงสมัคร ส.ส. สามารถไปร่วมงานพิธีต่างๆ ได้ในฐานะแขกคนหนึ่ง หรือถ้าจะต้องขึ้นกล่าวบนเวที ก็สามารถทำได้ แต่อย่าพูดว่าตนลงสมัครส.ส. หรืออย่าพูดว่าอยู่พรรคไหน, มีนโยบายอะไร และอย่าพูดแขวะพรรคอื่น
เมื่อถามว่า หลังยุบสภาฯ แล้ว จำเป็นต้องปลดป้ายของหน่วยงานราชการที่มีรูปรัฐมนตรี พร้อมระบุชื่อตำแหน่งหรือออกไปหรือไม่ วิษณุ ตอบว่า ในคู่มือที่ได้แจกให้กับ ครม. ในวันนี้ ได้ระบุให้ทุกกระทรวงและหน่วยงานราชการต่างๆ ปลดป้ายลักษณะดังกล่าวออกไปให้หมด ขณะเดียวกัน ตนได้อธิบายว่า กกต. ได้มีการชี้แจงเรื่องป้ายหาเสียงว่า สามารถติดชื่อและรูปผู้สมัครคู่กับหัวหน้าพรรคนั้นๆ ได้ หรือจะเป็นรูปผู้สมัครคู่กับผู้ที่จะเป็นว่าที่แคนดิเดตชิงนายกรัฐมนตรีในนามพรรคนั้นๆ ได้ หรือจะเป็นรูปคู่กันระหว่างผู้สมัครและผู้ที่เป็นสมาชิกพรรค แต่ห้ามเป็นรูปที่ผู้สมัครติดกับผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวกับการสมัครรับเลือกตั้ง หรือไม่ได้เป็นสมาชิกของพรรคนั้นๆ
นอกจากนี้ กรณีที่เป็นรูปผู้สมัครอยู่คู่กับบุคคลอื่นๆ ก็ไม่ควรระบุตำแหน่งข้าราชการการเมือง หรือข้าราชการประจำของบุคคลนั้นลงไป โดยรวมแล้ว อย่าติดป้ายที่ทำให้เห็นว่าใช้ตำแหน่ง หรืออำนาจหน้าที่ในฐานะข้าราชการการเมืองไปหาประโยชน์ในการเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถให้ความเห็นในเรื่องที่ว่า การหาเสียงของผู้สมัคร สามารถโยงกับบุคคลอื่นที่ไม่เป็นสมาชิกพรรคได้หรือไม่ว่าเป็นผู้ที่คิดนโยบายนั้น แต่คิดว่าถ้าเรื่องนโยบายที่ถูกอ้างถึงเคยเกิดขึ้นจริง และจะนำมาพูดตอนนี้ ก็คงไม่เป็นไร เช่น การบอกว่านโยบายเรื่องนี้มาจาก ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และจะนำมาต่อยอดในตอนนี้ การพูดลักษณะดังกล่าวไม่เป็นปัญหาอะไร เป็นการอ้างที่มาที่ไป
เมื่อถามว่า หลังจากนี้ รัฐบาลจะมีการนัดหารือกับ กกต. อีกครั้ง หรือจะรอให้ กกต. แจ้งวันเลือกตั้ง แล้วส่งมาให้รัฐบาลเป็นผู้ประกาศ วิษณุ ตอบว่า เรื่องการประกาศวันเลือกตั้ง รัฐบาลทำให้อยู่แล้ว ซึ่งคาดว่าจะเป็นวันที่ 22 มีนาคมนี้ ดังนั้น รัฐบาลไม่จำเป็นต้องนัดหารือกับ กกต.อีก ยกเว้นจะมีคำถามข้อสงสัยจำนวนมาก หรือมีเรื่องสำคัญที่ทำให้ต้องนัดหมายให้ กกต. มาพบ
วิษณุ ยืนยันอีกว่า บุคคลที่เป็นรัฐมนตรี หรือเป็นข้าราชการการเมือง และมีรถประจำตำแหน่ง ยังไม่ต้องส่งรถคืนหน่วยงานรัฐ เพราะถือว่าบุคคลนั้นยังปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรี หรือยังคงตำแหน่งราชการการเมืองอยู่ และได้รับเงินเดือน ถือว่ายังต้องทำหน้าที่ตรงนั้นอยู่ จึงยังสามารถใช้รถยนต์ประจำตำแหน่งได้ต่อไป นอกจากนี้ ยังสามารถใช้รถประจำตำแหน่ง เดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการ แล้วต่อด้วยการไปลงพื้นที่หาเสียงได้ แต่ต้องเติมน้ำมันเอง แต่ต่อให้เป็นกรณีต้องเติมน้ำมันของหลวง เช่น กรณีเฮลิคอปเตอร์ที่ใช้โดยสารไปตรวจราชการ ก็อาจเปลี่ยนเป็นการขยายเวลาลงพื้นที่ให้เป็นเวลาเดินทางกลับประมาณ 16.00 น. ได้ แม้จะสามารถใช้รถยนต์ประจำตำแหน่งเดินทางได้ แต่อย่าออกนอกเส้นทางในการตรวจราชการ
อย่างไรก็ตาม ต้องระวังข้อครหาเรื่องความได้เปรียบ-เสียเปรียบ แต่การไปตรวจราชการ ไม่ได้มีการได้เปรียบ หรือเสียเปรียบ เพราะเป็นการไปทำหน้าที่ แต่ถ้าพบว่ามีการเอาเปรียบในระกว่างการลงพื้นที่ตรวจราชการ เช่น ไปตรวจราชการแจกโฉนดที่ดินในจังหวัดหนึ่ง แต่ใช้ยานพาหนะเดียวกันต่อไปอีกจังหวัดหนึ่งเพื่อหาเสียงเลือกตั้ง แบบนี้ทำไม่ได้ เพราะถือว่าออกนอกเส้นทาง
