ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า ‘โซเชียล มีเดีย’ คือเครื่องมือทางการตลาดที่มีอานุภาพมหาศาลในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับบรรดานักฟุตบอลชื่อก้องโลกซึ่งมียอดคนติดตามพวกเขาหลายร้อยล้านคน แต่อย่าลืมว่าทุกอย่างมีทั้งข้อดีและข้อเสีย บทเรียนที่เคยเกิดขึ้นกับพวกเขาเหล่านั้นมิได้มีเพียงด้านสว่างด้านเดียว ขออนุญาตพาทุกคนไปติดตาม
เครื่องมือทางการตลาด
หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้นักฟุตบอลระดับโลกไม่สามารถหลีกเลี่ยงการใช้ ‘โซเชียลมีเดีย’ ได้ ก็เนื่องมาจากความต้องการทางการตลาด ทั้งเรื่องของเอเยนต์ส่วนตัวของพวกเขาเองที่อยากเพิ่มมูลค่าให้กับผู้เล่น ด้วยการเผยแพร่ข่าวคราวความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่ง โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ นักเตะที่มีความเป็นส่วนตัวสูงมากก็ยังหลีกเลี่ยงการมีแอคเคาต์ส่วนตัวไม่ได้ ถึงขนาดแจ้งเบาะแสการต่อสัญญาใหม่ของตนเองกับต้นสังกัด ลิเวอร์พูล ผ่านทางทวิตเตอร์แน่นอนในโลกปัจจุบันมันยากที่จะหลีกเลี่ยง เพราะ ‘โซเชียลมีเดีย’ คือเครื่องมือทางการตลาดชั้นดีที่จะดึงความสนใจของคนนับร้อยล้านทั่วโลก ให้มาจดจ่อกับเรื่องราวของซูเปอร์สตาร์ที่พวกเขาคลั่งไคล้ได้ในชั่วพริบตา จนทำให้นักฟุตบอลพอเริ่มดังทุกวันนี้ก็ต้องเปิดแอคเคาต์ของตัวเองในโลกออนไลน์ โดยได้รับการอำนวยความสะดวกหรือถูกกระตุ้นจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ของสโมสรเองด้วยซ้ำ เนื่องจากเป็นเครื่องมือพีอาร์ในการ ‘ปล่อยของ’ มันกลายเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ไปเสียแล้ว
ทุกวันนี้ฝ่ายการตลาดของสโมสรเลือกเปิดตัวแคมเปญสินค้าใหม่ของทีม ผ่านทางช่องทางเหล่านี้ มันเป็นเรื่องที่สะดวก ง่ายดาย และได้ผลตรงตามเป้า ทำให้หนึ่งในข้อผูกพันการเซ็นสัญญากับนักเตะในทุกวันนี้นั้นมักจะครอบคลุมช่องทางที่แต่ละทีมจะสามารถใช้เครื่องมือเหล่านี้กับเหล่าผู้เล่นของพวกเขา ในการติดต่อกับแฟนบอลที่เป็นแฟนส่วนตัวของบรรดานักเตะได้ด้วย
นักฟุตบอลที่มียอดคนติดตามทาง ‘โซเชียล มีเดีย’ มากที่สุดคงหนีไม่พ้น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ตัวเลขอยู่ที่ 535 ล้านฟอลโลเวอร์ส ตามมาด้วยอันดับสองคือ ลิโอเนล เมสซี่ 420 ล้าน ตามด้วย เนย์มาร์ 201 ล้าน
นี่คือ ‘พลัง’ ทางการตลาดที่ถูกซ่อนอยู่ และยั่วยวนใจให้นักฟุตบอลที่เป็นดาวรุ่งดวงใหม่ต้องการเดินตามซูเปอร์สตาร์เหล่านั้นไป แต่ในทางกลับกันผลกระทบทางตรงกันข้าม ในยามที่บางคนพลั้งพลาดเกิดโชว์ฟอร์มย่ำแย่หรือทำตัวไม่ถูกใจแฟนในโซเชียล เมื่อนั้นกระแสก็มีโอกาสตีกลับอย่างกลัวที่สุดได้เช่นเดียวกัน
‘เหยื่อ’ ของโซเชียลมีเดีย
ดาร์วิน นูนเญซ นักฟุตบอลอุรุกวัยค่าตัวแพงของลิเวอร์พูล เคยพบความกดดันอย่างหนักผ่านทางโซเชียล มีเดีย หลังลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล แต่ทำผลงานได้ไม่ตรงเป้าหมายที่แฟนฟุตบอลตั้งไว้ ทั้งนี้เนื่องจากความคาดหวังและใจร้อนเกินไปของเหล่าแฟนๆทางโซเชียล มีเดีย ทำเอาผู้จัดการทีมที่มีประสบการณ์อย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องออกมาเตือนสติลูกทีมของเขาไม่ให้สนใจช่องทางเหล่านี้มากจนเกินไป“ผู้เล่นในยุคนี้อ่านเรื่องราวของตัวเองผ่านทางโซเชียลมีเดีย มันเป็นเรื่องที่ไม่มีผลดีกับพวกเขา ทางที่ดีที่สุดคือเลิก หรือหยุดสนใจกับความเห็นผ่านทางช่องทางเหล่านี้”
กุนซือเยอรมันคนนี้ยังให้คำแนะนำต่ออีกด้วยว่า “การตัดสินใจที่ผมคิดว่าชาญฉลาดที่สุดในชีวิตตัวเองคือการไม่เล่น โซเชียลมีเดีย บอกคุณตรงๆ ว่าผมไม่เคยอ่านมันเลย ลองคิดดูว่าถ้าใครสักคนอยากวิพากษ์วิจารณ์คุณ เขาสามารถเขียนอะไรลงไปก็ตามตามแต่ใจที่เขาต้องการหรือ แต่ผมไม่รับรู้อะไรหรอก เพราะไม่ได้อ่านมัน ก็ไม่มีวันที่จะทำให้ผมรู้สึกอะไรได้”
“ผมไม่เคยคิดว่ามันถูกต้องหรอกนะ ในการที่คุณต้องไปฟังคนที่คุณไม่เคยรู้จักหน้าค่าตา ถ้าคุณไม่พอใจอะไรผม บอกกันตรงๆต่อหน้าเลย ไม่ใช่เดินออกจากห้องไป แล้วแอบไปนินทาลับหลังตาม เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม หรืออะไรก็ตาม”
“เมื่ออยู่ในโซเชียล มีเดีย พวกเขาไม่เคยแคร์ความรู้สึกไม่ว่าจะเป็นใคร ครั้งหนึ่ง ลอริส คาริอุส ลูกทีมของผมเคยต้องเจอกับเรื่องราวเหล่านี้ มันเหมือนผู้คนเหล่านี้มีพลังอำนาจพิเศษขึ้นมาบัดดลในโลกโซเชียล และพวกเขาใช้มันอย่างไม่สนใจอะไร สิ่งเหล่านี้มาจากสองขั้วคือหนึ่งคนที่เขียน และเครื่องมือที่เผยแพร่มันออกไป คำแนะนำของผมคืออย่าไปยุ่งกับมัน”
ตามที่คล็อปป์ ได้กล่าวไป หายนะเคยเกิดขึ้นกับอดีตลูกทีมของเขาอย่าง ลอริส คาริอุส นายทวารดาวรุ่งที่เคยได้โอกาสเฝ้าเสาในนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก กับ เรอัล มาดริด แล้วผิดพลาดอย่างง่ายๆจนทำให้ทีมแพ้ไป 1-3 เมื่อ 2018 หลังจากนั้นผู้รักษาประตูชาวเยอรมันผู้นี้ไม่สามารถเรียกความมั่นใจคืนกลับมาได้อีกเลย
สาเหตุส่วนหนึ่งก็น่าจะมาจากที่เขาเข้าไปติดตามโลกโซเชียลอย่างหมกมุ่น ซึ่งมีผู้คนเข้าไปเยาะเย้ยเขาอย่างมากมาย ถึงขนาด เดยัน ลอฟเรน อดีตเพื่อนร่วมทีมยังต้องเข้าไปช่วยเตือนสติคนวิจารณ์ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ถูกที่ควร
กุนซือเยอรมันคนนี้ยังให้คำแนะนำต่ออีกด้วยว่า “การตัดสินใจที่ผมคิดว่าชาญฉลาดที่สุดในชีวิตตัวเองคือการไม่เล่น โซเชียลมีเดีย บอกคุณตรงๆ ว่าผมไม่เคยอ่านมันเลย ลองคิดดูว่าถ้าใครสักคนอยากวิพากษ์วิจารณ์คุณ เขาสามารถเขียนอะไรลงไปก็ตามตามแต่ใจที่เขาต้องการหรือ แต่ผมไม่รับรู้อะไรหรอก เพราะไม่ได้อ่านมัน ก็ไม่มีวันที่จะทำให้ผมรู้สึกอะไรได้”
“ผมไม่เคยคิดว่ามันถูกต้องหรอกนะ ในการที่คุณต้องไปฟังคนที่คุณไม่เคยรู้จักหน้าค่าตา ถ้าคุณไม่พอใจอะไรผม บอกกันตรงๆต่อหน้าเลย ไม่ใช่เดินออกจากห้องไป แล้วแอบไปนินทาลับหลังตาม เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม หรืออะไรก็ตาม”
“เมื่ออยู่ในโซเชียล มีเดีย พวกเขาไม่เคยแคร์ความรู้สึกไม่ว่าจะเป็นใคร ครั้งหนึ่ง ลอริส คาริอุส ลูกทีมของผมเคยต้องเจอกับเรื่องราวเหล่านี้ มันเหมือนผู้คนเหล่านี้มีพลังอำนาจพิเศษขึ้นมาบัดดลในโลกโซเชียล และพวกเขาใช้มันอย่างไม่สนใจอะไร สิ่งเหล่านี้มาจากสองขั้วคือหนึ่งคนที่เขียน และเครื่องมือที่เผยแพร่มันออกไป คำแนะนำของผมคืออย่าไปยุ่งกับมัน”
ตามที่คล็อปป์ ได้กล่าวไป หายนะเคยเกิดขึ้นกับอดีตลูกทีมของเขาอย่าง ลอริส คาริอุส นายทวารดาวรุ่งที่เคยได้โอกาสเฝ้าเสาในนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก กับ เรอัล มาดริด แล้วผิดพลาดอย่างง่ายๆจนทำให้ทีมแพ้ไป 1-3 เมื่อ 2018 หลังจากนั้นผู้รักษาประตูชาวเยอรมันผู้นี้ไม่สามารถเรียกความมั่นใจคืนกลับมาได้อีกเลย
สาเหตุส่วนหนึ่งก็น่าจะมาจากที่เขาเข้าไปติดตามโลกโซเชียลอย่างหมกมุ่น ซึ่งมีผู้คนเข้าไปเยาะเย้ยเขาอย่างมากมาย ถึงขนาด เดยัน ลอฟเรน อดีตเพื่อนร่วมทีมยังต้องเข้าไปช่วยเตือนสติคนวิจารณ์ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ถูกที่ควร
ส่วนตัวของ คาริอุส เองนั้นเคยเข้าไปเขียนตอบโต้ในอินสตาแกรมของตัวเขาเองว่า “ใครก็ตามที่สนุกกับการเหยียบย่ำซ้ำเติมความล้มเหลวของคนอื่น อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นกับชีวิตของคุณ ไม่ว่าจะเป็นความโกรธหรือความเกลียดชัง ผมขออธิษฐานให้มันผ่านพ้นไป และขอให้สิ่งดีงามเข้ามาแทนที่”
แม้จะเขียนตอบกลับในเชิงให้อภัย แต่ในชีวิตจริง คาริอุส ไม่เคยลืมเลือนมันได้เลย และสุดท้ายเหตุการณ์ครั้งนั้นก็ได้ทำลายอนาคตของนายทวารดาวรุ่งลงอย่างสิ้นเชิง หลังจากช่วงชีวิตอันเลวร้าย สมาธิของเขาดูเหมือนจะไม่ได้อยู่ในสนามซ้อมหรือสนามแข่ง แต่กลายเป็นอยู่ในโลกเสมือนจริง เขาเคยถูกปล่อยให้ทีมอื่นอย่าง เบซิคตัส ในตุรกี และ อูนิโอน เบอร์ลิน ยืมตัวไปแข่งเพื่อเรียกความมั่นใจ แต่สุดท้ายไม่มีทีมใดต้องการตัวเขาอย่างจริงจัง แม้ล่าสุด คาริอุส จะเพิ่งเซ็นสัญญากับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ก็ตาม แต่แฟนฟุตบอลก็ยังคงจดจำเหตุการณ์นี้ของเขาได้เป็นอย่างดีและมักถูกหยิบมาพูดถึงกันอยู่บ่อยครั้ง
แม้จะเขียนตอบกลับในเชิงให้อภัย แต่ในชีวิตจริง คาริอุส ไม่เคยลืมเลือนมันได้เลย และสุดท้ายเหตุการณ์ครั้งนั้นก็ได้ทำลายอนาคตของนายทวารดาวรุ่งลงอย่างสิ้นเชิง หลังจากช่วงชีวิตอันเลวร้าย สมาธิของเขาดูเหมือนจะไม่ได้อยู่ในสนามซ้อมหรือสนามแข่ง แต่กลายเป็นอยู่ในโลกเสมือนจริง เขาเคยถูกปล่อยให้ทีมอื่นอย่าง เบซิคตัส ในตุรกี และ อูนิโอน เบอร์ลิน ยืมตัวไปแข่งเพื่อเรียกความมั่นใจ แต่สุดท้ายไม่มีทีมใดต้องการตัวเขาอย่างจริงจัง แม้ล่าสุด คาริอุส จะเพิ่งเซ็นสัญญากับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ก็ตาม แต่แฟนฟุตบอลก็ยังคงจดจำเหตุการณ์นี้ของเขาได้เป็นอย่างดีและมักถูกหยิบมาพูดถึงกันอยู่บ่อยครั้ง
นายทวารผู้นี้กลายเป็นเหยื่อของโลกโซเชียล โดยที่ผู้คนซึ่งวิพากษ์วิจารณ์เขาไม่เคยต้องมาร่วมรับผิดชอบกับชะตากรรมอันน่าเศร้าในชีวิตจริงของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว นั่นคือบทเรียนที่เป็นตัวอย่างให้นักฟุตบอลรุ่นใหม่ที่ริจะสละเวลาและจริงจังกับ ‘โซเชียลมีเดีย’ ต้องระวังให้จงหนัก.