KKP เปิด 10 เหตุผล การศึกษาไทยไม่พัฒนา หวั่นศก. ทรุด

13 ธ.ค. 2566 - 05:32

  • เปิด 10 เหตุผล การศึกษาไทยไม่พัฒนา

  • เด็กไทยเข้าถึงการศึกษามากขึ้น แต่คุณภาพลดลง และเหลื่อมล้ำสูง

  • เทรนด์โลกที่เปลี่ยนไป หากไม่เร่งแก้การศึกษาเศรษฐกิจยิ่งทรุดหนัก

  • KKP แนะไทยควรทำอย่างไรต่อไป

10-reasons-why-thai-education-not-improve-SPACEBAR-Hero.jpg

KKP Research โดยเกียรตินาคินภัทร ชวนดู 10 เหตุผลว่าทำไมคุณภาพการศึกษาไทยจึงลดลง รากฐานของปัญหาอยู่ที่ไหน และภาครัฐควรจะดำเนินการแก้ไขปัญหานี้อย่างไร ? 

หลังมีการประกาศคะแนน PISA ปี 2022 ซึ่งเป็นการประเมินสมรรถนะของนักเรียนในแต่ละประเทศตามมาตรฐานสากล ผลคะแนน PISA ของประเทศไทยต่ำลงทุกทักษะจนน่าตกใจ หวั่นหากไม่เร่งแก้ไขพัฒนาการศึกษาไทย จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะยาว

10-reasons-why-thai-education-not-improve-SPACEBAR-Photo V01.jpg

เข้าถึงการศึกษามากขึ้น แต่คุณภาพลดลง และเหลื่อมล้ำสูง

การเข้าถึงการศึกษาประเทศไทยค่อนข้างดี โดยมีอัตราการเข้าถึง การศึกษาที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องและอยู่ในระดับดีกว่าค่าเฉลี่ยใน โดยเฉพาะการศึกษาระดับประถมศึกษา (Primary education) ที่มีอัตราการเข้าศึกษา สูงมากกว่า 98% ใกล้เคียงกับประเทศรายได้สูง เช่น สวิตเซอร์แลนด์ เกาหลีใต้ เป็นต้น ในขณะที่การเข้าถึง การศึกษาในชั้นมัธยมศึกษา (Secondary education) อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับกลุ่มประเทศรายได้ปานกลาง อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงการศึกษาในกลุ่มก่อนประถม (Pre-primary) ยังมีระดับการเข้าถึงที่ไม่สูงมากนัก คือ ประมาณ 60% ต่ำกว่าประเทศพัฒนาแล้วที่ระดับประมาณ 80-90% ค่อนข้างมาก ซึ่งงานวิจัยชี้ว่า การได้รับพัฒนาการอย่างเหมาะสมในช่วงก่อนวัยเรียนมีความสําคัญอย่างมากต่อการพัฒนาคุณภาพของคนและต่อการบ่มเพาะทรัพยากรมนุษย์ของประเทศในระยะยาว  

แม้การเข้าถึงการศึกษาพื้นฐานของไทยจะค่อนข้างดี แต่ปัญหาสำคัญอยู่ที่คุณภาพของการศึกษา แม้จะมีประเด็น เรื่องการเรียนรู้ในช่วงโควิดที่ทำให้คะแนนปรับตัวลดลงแต่ การลดลงของคะแนนในไทยไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะผลการทดสอบPISA ปี 2022 แต่มีทิศทางที่ลดลงมาโดยตลอด รวมไปถึงผลการสอบ ONET ในประเทศยังซึ่งเป็นข้อสอบที่วัดมาตรฐานระดับชาติ ยังพบว่ามีนักเรียนเกินกว่าครึ่งที่ได้คะแนนไม่ถึง 50% และไม่มีทิศทางการพัฒนาที่ดีขึ้นในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าไทยกําลังเจอวิกฤติระบบการศึกษา  

ปัญหาด้านความเหลื่อมล้ำของการศึกษาไทยส่งผลให้มี เฉพาะนักเรียนบางกลุ่มสามารถทำผลงานได้ดี การพัฒนาการศึกษาไทยที่ได้มาตรฐานอยู่ในวงจํากัดกับคนกลุ่มเล็กเท่านั้น โดยความเหลื่อมล้ำเกิดขึ้นในหลายมิติ เช่น  

  • ความแตกต่าง ระหว่างโรงเรียนในกรุงเทพและโรงเรียนในต่างจังหวัดที่ เจอกับปัญหาครูไม่เพียงพอและไม่ได้คุณภาพ  
  • ความ เหลื่อมล้ำเกิดขึ้นทั้งในมิติของโรงเรียนรัฐที่มีคุณภาพซึ่งมี การแข่งขันที่สูงมาก และต้องมีการเตรียมความพร้อม ผ่านการเรียนพิเศษอย่างเข้มข้นเพื่อสอบเข้าเรียนให้ได้  
  • โรงเรียนเอกชนที่กลุ่มคนที่มีฐานะมากกว่า สามารถส่งลูกเข้าโรงเรียนเอกชนที่มีคุณภาพสูงกว่าได้ โดยเฉพาะในช่วงหลังที่เห็นแนวโน้มชัดขึ้นจากโรงเรียน นานาชาติที่มีแนวโน้มขยายตัวมาก
10-reasons-why-thai-education-not-improve-SPACEBAR-Photo V02.jpg

KKP Research ประเมินว่ายังมีปัญหาในเชิงคุณภาพอีกอย่างน้อย 5 มิติ สำคัญที่ส่งผลให้การศึกษาไทยมี การพัฒนาไปได้ช้าและต้องได้รับการแก้ไข คือ  

  • การจัดสรรงบประมาณที่ไม่ตรงจุด 
  • คุณภาพครูไม่พร้อมสำหรับการปฏิรูปการศึกษาในไทย  
  • การประเมินผลการศึกษาที่ไม่สอดคล้องกับการสร้างแรงจูงใจให้ครูและโรงเรียนพัฒนาคุณภาพการศึกษา 
  • หลักสูตรที่ยังเป็น Content-Based โดยเน้นการรวมศูนย์ไว้ที่ส่วนกลาง 
  • การศึกษาผลิตคนไม่ตรงทักษะที่ต้องการ
10-reasons-why-thai-education-not-improve-SPACEBAR-Photo V02 copy.jpg

10 เหตุผล คุณภาพการศึกษาไทยไม่พัฒนา 

  1. การศึกษาไทยเน้นปริมาณ : งบประมาณด้านการศึกษาของไทยไม่ใช่ปัญหา โดยมีงบอุดหนุนต่อนักเรียน 1 คนที่ระดับประมาณ 20% ของรายได้เฉลี่ยประเทศ ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงประเทศพัฒนาแล้ว แต่มักเป็นการใช้จ่ายไปกับสิ่งที่ไม่ได้ใช้งานจริง เช่น อุปกรณ์ช่วยการสอนที่ครูอาจไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ หรือการเพิ่มเวลาเรียนให้กับเด็กโดยไม่ได้คำนึงถึงคุณภาพการสอนควบคู่กัน 
  2. การจัดสรรงบประมาณที่ไม่ตรงจุด : ขาดการวิจัยและพัฒนาและการปรับปรุงคุณภาพบุคลากร วิธีการจัดสรรงบประมาณในปัจจุบันอาจซ้ำเติมความเหลื่อมล้ำ คือ จัดสรรงบประมาณตามจำนวนหัว โดยนำงบทั้งหมดหารด้วยจำนวนนักเรียน แล้วให้งบแก่โรงเรียนตามจำนวนนักเรียนทั้งหมด ทำให้โรงเรียนขนาดเล็กเสียเปรียบและได้รับเงินอุดหนุนไม่เพียงพอ 
  3. ครูมีจำนวนไม่เพียงพอ : ครูไทยขาดแคลนกว่า 30,000 คนในโรงเรียนขนาดเล็ก เพราะการจัดสรรครูที่ขาดประสิทธิภาพ โดยการกำหนดจำนวนครูตามขนาดโรงเรียนทำให้ครูในโรงเรียนเล็กมีภาระหนักเกินความจำเป็น ครู 1 คนต้องรับภาระสอนนักเรียนมากกว่า 1 ห้องเรียนและอาจเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต ทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนครูที่รุนแรงและทำให้คุณภาพโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกลตกต่ำลงเรื่อย ๆ 
  4. ความเหลื่อมล้ำยังสูง : โรงเรียนต่างจังหวัดคุณภาพต่ำ พบว่าคะแนน ONET กรุงเทพฯ สูงกว่าค่าเฉลี่ยประเทศประมาณ 23% ในหมวดคณิตศาสตร์ และ 40% ในหมวดภาษาอังกฤษ โรงเรียนใหญ่ในเมืองคุณภาพสูงกว่ามาก ในขณะที่ผลคะแนน PISA ชี้ว่ามีนักเรียนจำนวนมากในไทยที่ไม่ผ่านการทดสอบตามเกณฑ์ สะท้อนว่านักเรียนสัดส่วนใหญ่ในไทยยังมีคุณภาพที่ต่ำกว่าเกณฑ์และเด็กเก่งส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในเมือง 
  5. คุณภาพครูไม่พร้อม : จากตัวเลขการสำรวจความเพียงพอของบุคลากรในรายงานของ PISA ไทยขาดแคลนบุคลากรที่ผ่านมาตรฐานทั้งในกลุ่มวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษา โดยจากผลสำรวจมีสัดส่วนผู้อำนวยการโรงเรียนมากเกิน 40% ที่ตอบคำถามว่าขาดแคลนครูที่ได้มาตรฐาน งานศึกษาของ OECD ยังชี้ให้เห็นว่าคุณภาพครูไทยเป็นปัญหามาจากวิธีการคัดเลือก หลักสูตร และการประเมินผลของครูไทยที่ยังไม่ได้มาตรฐานเมื่อเทียบกับต่างประเทศ ส่งผลให้ครูไทยอาจขาดความเข้าใจหลักสูตรและสอนตามเป้าหมายของหลักสูตรได้ไม่เต็มที่ 
  6. เงินเดือนครูไม่พอ แรงจูงใจไม่ตรงเป้า : ประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศเริ่มต้นจากการกำหนดให้เงินเดือนครูอยู่ในระดับที่แข่งขันได้กับวิชาชีพอื่น ในกรณีของไทยเงินเดือนครูยังไม่สามารถดึงดูดผู้มีศักยภาพระดับสูงที่สุดมาทำสายอาชีพนี้ได้มากนักแม้ว่ารายได้ครูจะอยู่ในระดับที่ดีเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของประเทศแล้วก็ตาม ปัญหาที่สำคัญกว่านั้น คือปัญหาด้านแรงจูงใจ เนื่องจากในการพิจารณาขึ้นเงินเดือน น้ำหนักกว่า 70% คือจริยธรรมและผลการปฏิบัติงานมากกว่าทักษะการสอน ทำให้ครูไทยใช้เวลาส่วนใหญ่เพื่องานนอกห้องเรียน เช่น การอบรมจากหน่วยงานต่าง ๆ หรือการทำรายงานเพื่อขอเลื่อนวิทยฐานะ มากกว่าการพัฒนาคุณภาพการสอน 
  7. ครูไทยชีวิตแย่ เป็นหนี้สูง : หนี้ของครูเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5 ล้านบาท เทียบกับหนี้ครัวเรือนเฉลี่ยที่ 5 แสนล้านบาทเท่านั้น สะท้อนว่าคุณภาพชีวิตครูไทยค่อนข้างอยู่ภายใต้ข้อจำกัดอย่างน้อยในทางการเงิน เมื่อครูอยู่ภายใต้ภาระหรือข้อกังวลของปัญหาในชีวิตส่วนตัวก็อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพการสอนในห้องเรียน 
  8. ปัญหาของการประเมินผลการศึกษา : แบบทดสอบที่ใช้วัดมาตรฐานการศึกษาของไทยมีข้อถกเถียงกันอย่างกว้างขวางเรื่องคุณภาพของแบบทดสอบในหลายประเด็น 1) ข้อสอบ ONET ไม่ส่งเสริมให้เกิดการคิดวิเคราะห์ถูกตั้งคำถามว่าหลายข้อไม่มีคำตอบที่ถูกต้องชัดเจน 2) ข้อสอบวัดความถนัดเฉพาะ เช่น PAT ที่ใช้สำหรับการเข้ามหาวิทยาลัยมีปัญหาในเรื่องความยาก การไม่ยึดโยงกับหลักสูตร และมาตรฐานที่ไม่เท่ากันในข้อสอบแต่ละปี ทำให้การสอบวิชาคณิตศาสตร์มีคะแนนเฉลี่ยไม่ถึง 50 คะแนนจาก 300 คะแนน ผลักให้นักเรียนต้องหาความรู้เพิ่มเติมจากโรงเรียนกวดวิชาซึ่งซ้ำเติมปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษาในไทย 
  9. โครงสร้างหลักสูตรและการจัดสรรเวลาเรียน : หลักสูตรของไทยเน้นการให้เด็กเรียนเยอะแต่บังคับการศึกษาในกลุ่มวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์น้อย มีลักษณะเน้นสอนเนื้อหาให้ครบถ้วนเป็นหลัก เน้นการประเมินผลจากส่วนกลาง และขาดการสอนทักษะใหม่ ๆ เช่น ความรู้ทางการเงิน ทักษะความรู้ด้านดิจิทัล และการใช้เครื่องมือเทคโนโลยีสมัยใหม่ในการเรียนรู้ เป็นต้น ปัญหาที่เกิดขึ้นยังส่งผลไปถึงการสอนที่ต้องการให้ครบตามเนื้อหาที่เยอะ ทำให้มีการเน้นการท่องจำไม่กระตุ้นให้เห็นความสำคัญและเกิดการคิดวิเคราะห์ 
  10. การศึกษาแบบเก่า ผลิตคนไม่ตรงทักษะที่ต้องการ : โครงสร้างการศึกษาไทยยังเผชิญกับปัญหาผลิตคนไม่ตรงกับความต้องการของตลาดในหลายมิติ 1) ระดับการศึกษา : คนจบปริญญาตรีทำงานที่ใช้ทักษะต่ำกว่าความสามารถมากถึงประมาณ 34% 2) อุตสาหกรรม : แรงงานในกลุ่มสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญ กฎหมาย ขาดแคลน ในขณะที่ภาคเกษตร ค้าปลีก มีมากเกินไป ซึ่งคนไทยมีความนิยมเรียนสาขาสังคมศาสตร์มากกว่าวิทยาศาสตร์ ทำให้ในปัจจุบันคนจบการศึกษาในกลุ่มบริหารธุรกิจมีจำนวนเกินกว่าความต้องการไปถึงประมาณ 35% ของแรงงานจบใหม่
10-reasons-why-thai-education-not-improve-SPACEBAR-Photo V02 copy 2.jpg

เทรนด์โลกที่เปลี่ยนไป หากไม่เร่งแก้การศึกษาเศรษฐกิจยิ่งทรุดหนัก

โครงสร้างเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไปในอนาคตจะทำให้แรงงานได้รับแรงกดดันมากขึ้น เร่งความจำเป็นในการพัฒนาการศึกษา ในสถานการณ์ปัจจุบันแม้ไทยจะมีเป้าหมายในการพัฒนาอุตสาหกรรมให้เป็น Thailand 4.0 แต่กลับมีจำนวนนักศึกษาในกลุ่ม STEM ที่ต่ำ ขาดการสนับสนุนด้านการวิจัยอย่างจริงจัง   

KKP Research ประเมินว่าแนวโน้มสำคัญอย่างน้อย 5 ข้อที่จะยิ่งสร้างความท้าทายต่อระบบการศึกษาไทยและแรงงานไทยในปัจจุบัน คือ 

  1. การเปลี่ยนแปลงของโลกเทคโนโลยีแบบใหม่จะทำให้แรงงานไทยมีทักษะไม่ตรงกับความต้องการของตลาดมากขึ้น เช่น ขาดทักษะด้านการเขียนโปรแกรม  
  2. การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี Automation ที่จะมาทดแทนงานที่ทำซ้ำ ๆ และงานที่ไม่ต้องใช้การคิดวิเคราะหฺ์ ทำให้แรงงานไทยส่วนหนึ่งไม่สามารถปรับตัวเพื่อหางานใหม่ได้  
  3. ไทยเข้าสู่สังคมสูงอายุเร็วที่สุดในอาเซียนทำให้ไทยมีปัญหาขาดแคลนแรงงานในอนาคต  
  4. Deglobalization กับเศรษฐกิจที่พึ่งพาภาคต่างประเทศ ภาคอุตสาหกรรมไทยมีโอกาสได้รับผลกระทบจากการย้ายฐานการผลิตกลับประเทศ  
  5. ประเทศคู่แข่งเริ่มมีการพัฒนาศักยภาพแรงงานได้เหนือกว่าไทย

ไทยจะทำอย่างไรต่อไป ?

KKP Research ประเมินว่าไทยยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจนในการส่งเสริมการศึกษาอย่างจริงจังและต้องเร่งดำเนินการ การสนับสนุนการศึกษาไม่สามารถบรรลุได้จากการเพิ่มงบประมาณเพียงอย่างเดียวแต่ต้องมีการใช้จ่ายที่ตรงจุด ควบคู่ไปกับการพัฒนาเชิงคุณภาพเพื่อปฏิรูปการศึกษาไทยอย่างยั่งยืน คือ 

  1. แก้ไขปัญหาการจัดสรรงบประมาณที่ทำให้โรงเรียนขนาดเล็กเสียเปรียบ เพิ่มประสิทธิภาพของโรงเรียนขนาดเล็กผ่านการกระจายอำนาจ  
  2. ออกแบบกลไกให้เกิดแรงจูงใจในการพัฒนาคุณภาพการสอนเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุดในระดับอาจารย์การประเมินผลต้องยึดโยงกับผลลัพธ์ด้านการศึกษาของนักเรียน  
  3.  ปรับปรุงระบบคัดเลือกและเตรียมการสอนบุคลากรที่ไม่ได้มาตรฐาน เพื่อยกระดับคุณภาพบุคลากรทางการศึกษาทั่วประเทศ  
  4. ปรับปรุงหลักสูตรการสอนให้มีความทันสมัย และระบุถึงวิธีการและเป้าหมายของหลักสูตรอย่างชัดเจน  
  5. การส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต ให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนแปลงเร็ว
อ้างอิง

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์