เวทีรัฐมนตรีการค้า-ต่างประเทศเอเปค ชู BCG หนุนแผนเจรจา FTAAP

18 พ.ย. 2565 - 04:33

  • จุรินทร์ เผย เวทีผู้นำเอเปค หารือต่อผลเจรจาเมื่อวาน หลังเห็นชอบร่วมเคลื่อน Bangkok Goals on BCG และหนุนแผนเจรจา FTAAP

  • ห่วงปมพลังงาน เงินเฟ้อ ความมั่นคงอาหาร เร่ง BCG รับความท้าทายเศรษฐกิจ

APEC-2022-BCG-FTAAP-energy-inflation-food-security-SPACEBAR-Thumbnail
การประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) เข้าสู่การประชุมระดับผู้นำแล้วในวันนี้ (18 พฤศจิกายน) โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม และจะพิจารณาวาระที่มีการสรุปจากเวทีรัฐมนตรีการค้าและการต่างประเทศเอเปค (APEC Ministerial Meeting 2022: AMM) วานนี้ (17 พฤศจิกายน) ในหลายประเด็น โดยมีดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานร่วมกับจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

โดย จุรินทร์ เผยข้อสุปสำคัญ 3 ประเด็น ประกอบด้วยที่` 

1. ประชุมรัฐมนตรีเอเปค มีมติร่วมกันในการขับเคลื่อน Bangkok Goals on BCG Model ที่เรียกว่าเป้าหมายกรุงเทพเรื่อง BCG  ซึ่งจากนี้ไปจะได้มีการเสนอให้การประชุมระดับผู้นำ ในวันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายนนี้พิจารณาร่วมกันต่อไป 

2. ที่ประชุมเห็นพ้องร่วมกันในการขับเคลื่อนความร่วมมือเอเปคไปสู่เป้าหมายของการจัดตั้ง FTAAP ขึ้นในอนาคต  

3 การพิจารณาหัวข้อหลัก 3 ประเด็น คือ Open. Connect. Balance. ได้มีการแยกประชุมรายละเอียดแต่ละหัวข้อ โดย Open. มีข้อสรุปครอบคลุม ดังนี้
  • ที่ประชุมรัฐมนตรีเอเปคเห็นพ้องกันเปิดกว้างทางด้านการค้า การลงทุน เพื่อให้ห่วงโซ่อุปทาน ห่วงโซ่การผลิตหรือซัพพลายเชนสามารถทำงานได้ เห็นพ้องกันที่จะขับเคลื่อนความร่วมมือเศรษฐกิจเอเปคไปสู่การจัดตั้งเขตการค้าเสรีต่อในอนาคต
  • ที่ประชุมสนับสนุนการค้าระบบพหุภาคีโดยให้มีองค์การการค้าโลก (WTO) เป็นศูนย์กลางและเร่งหาข้อสรุปในประเด็นที่ค้างคาใน WTO ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการอุดหนุนประมงและอื่น รวมทั้งให้เสริมประเด็นใหม่ที่จำเป็นต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของ WTO ให้เกิดขึ้นต่อไป 
  • เอเปคเห็นชอบร่วมกันในการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันด้านบริการของกลุ่มสมาชิกเอเปค เรื่องท่องเที่ยวขนส่งหรือโลจิสติกส์ก็ตาม เห็นพ้องกันผลักดันและเปิดโอกาสให้สตรี ไมโครเอสเอ็มอี กลุ่มเปราะบาง เข้ามามีบทบาทและมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมากขึ้น รวมทั้งในการใช้ประโยชน์จากเศรษฐกิจดิจิทัล เห็นพ้องในการสนับสนุนแนวคิดการค้าสู่ความยั่งยืน ทั้งทางด้านสินค้าและบริการ สนับสนุนทั้งการผลิต การแปรรูป การตลาดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/2X2J5en80LmOWFFGIWnWIH/d33879a876347095c6c70bd9568025f4/APEC-2022-BCG-FTAAP-energy-inflation-food-security-SPACEBAR-Photo01
วิชาวัฒน์ อิศรภักดีผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ที่ประชุมรัฐมนตรีเอเปค ได้หารือถึงกรอบการทำงานเพื่ออนาคตที่จะส่งต่อให้ผู้นำเอเปควันพรุ่งนี้ (19 พฤศจิกายน) โดยสาระสำคัญที่ประชุมหารือถึงสถานการณ์ราคาพลังงานที่ทรงตัวสูง ความมั่งคงด้านอาหาร และเงินเฟ้อ รวมถึงปัญหาซัพพลายเชนหยุดชงักในช่วงโควิดที่ผ่านมา  

โดยมองว่าปัญหาดังกล่าวสามารถนำหลักการ BCG ได้เเก่เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียวมาเป็นหลักการเพื่อกำหนดกรอบการทำงานทั้งเพื่อแก้ปัญหาปัจจุบันและความท้าทายใหม่ในอนาคต 

ทั้งนี้ ประเด็น BCG ที่ได้ถูกเริ่มต้นขึ้นที่ประเทศไทยจะถูกนำไปสานต่อในการประชุมAPEC ครั้งหน้า ปี 2023 ที่จะมีขึ้นที่สหรัฐ เพื่อให้เกิดผลต่อไป  

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้หารือหัวข้อย่อยการประชุม ‘Connect’ ที่ประชุมเห็นว่าควรถอดบทเรียนจากโควิดเพื่อสร้างระบบการเชื่อมโยงกันในภูมิภาคที่ปลอดภัยแต่ไร้พรมแดน โดยไม่เน้นเฉพาะปัญหาโรคโควิดเท่านั้นแต่รวมถึงปัญหาอื่นที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต 

“เรามี APEC Business Travel Card หรือ ABTC ซึ่งที่ประชุมเห็นว่ามีความจำเป็น แต่เราก็มองว่าจะเดินทางกันอย่างไรให้ปลอดภัย และมีความเป็นSmart Mobility ซึ่งเรามองไปในระยะยาวให้เกิดความคล่องตัวและปลอดภัยด้วย” 

ที่ประชุมยังเห็นด้วยถึงการเดินหน้าเชื่อมโยงด้านดิจิทัล ทั้งเพื่อสร้างการพัฒนาอย่างต่อเนื่องสำหรับเอสเอ็มอีและพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ แต่ได้ให้ความเห็นเพิ่มว่าควรมีความยืดหยุ่นในแผนการพัฒนาที่มากขึ้น 

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวปาฐกถาในพิธีเปิดการประชุม APEC CEO Summit ว่า เวทีนี้เป็นหนึ่งในการรวมตัวของภาคธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคที่กลับมาอีกครั้งของการประชุมในรูปแบบพบหน้ากัน ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณบวกให้เอเชีย-แปซิฟิก โดยขอเสนอ 3 ประเด็นที่เชื่อว่าภาครัฐและภาคธุรกิจร่วมมือกันได้อย่างเข้มแข็ง และเป็นทิศทางที่ไทยเชื่อว่าเป็นหนทางที่ภูมิภาคและโลกต้องก้าวไปให้ถึง ดังนี้  

1. ขอให้นำเศรษฐกิจ BCG มาขับเคลื่อนการเจริญเติบโเศรษฐกิจที่ยืดหยุ่นในระยะยาว ควบคู่กับการส่งเสริมความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมอย่างครอบคลุม พร้อมทั้งหาหนทางที่เหมาะสมให้ธุรกิจยังสามารถมีผลกำไรได้ และการเงินการคลังที่ยั่งยืนก็มีความสำคัญ  

ดังนั้น ภาคเอกชนมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาระบบการเงินที่ยั่งยืนที่อิงกลไกตลาด ตราสารทางการเงิน และเทคโนโลยี รูปแบบใหม่ เพื่อส่งเสริมการไหลเวียนของเงินทุนไปสู่เศรษฐกิจที่ยั่งยืน เราจะสานต่อการทำงานเพื่อสร้างระบบนิเวศทางการเงินที่เอื้อให้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนสามารถบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนได้ 

2. การเจริญเติบโตที่ครอบคลุม เราต้องมั่นใจว่าเราไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง จึงขอให้หันมาให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจที่สมดุล ครอบคลุมและยั่งยืน ต้องทำให้ทุกคนได้รับประโยชน์จากการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการทำธุรกิจ โดยเฉพาะการช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลาง ขนาดย่อมและรายย่อย (MSMEs) ซึ่งมีสัดส่วนกว่า 98% ของธุรกิจทั้งหมดในภูมิภาค และคิดเป็น 40-60% ของจีดีพีในเขตเศรษฐกิจเอเปคส่วนใหญ่ให้ขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างนวัตกรรมให้สามารถเข้าถึงตลาดและแหล่งเงินทุน 

3. การมุ่งไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งเป็นมิติใหม่ของการสร้างอาชีพ ซึ่งประเทศไทยมีความกระตือรือร้นที่จะต้อนรับการลงทุน และแรงงานที่มีทักษะและแรงงานขั้นสูงในภาคอุตสาหกรรมนี้ โดยมีมาตรการจูงใจทั้งทางภาษีและไม่ใช่ภาษี และเมื่อไม่นานมานี้ได้เปิดตัวโครงการตรวจลงตราประเภทผู้พำนักระยะยาว 10 ปี พร้อมสิทธิประโยชน์ โดยเฉพาะสำหรับผู้มีความเชี่ยวชาญดิจิทัล นอกจากนี้ ไทยได้ตั้งเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (EECd) เป็นส่วนหนึ่งของ EEC 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์