สุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงตัวเลขรถยนต์เดือนตุลาคม 2565 ว่า มีภาพที่ดีขึ้น จากชิปที่ขาดแคลนก่อนหน้า ถูกป้อนกลับเข้าอุตสาหกรรมยานยนต์เพิ่มขึ้น
โดยในด้านการส่งออกนั้น เฉพาะในเดือนตุลาคม 2565 ผลิตได้ 97,832 คัน ขยายตัวร้อยละ 15.51 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีมูลค่าการส่งออกตุลาคม 2565 ซึ่งรวม ‘เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่’ รวมทั้งสิ้น 84,917.32 ล้านบาท ถือเป็นการเพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2564 ร้อยละ 18.91
ตัวเลขนี้ แสดงถึงยอดส่งออกรถยนต์ที่ ‘ขยายตัวดีขึ้น’ ผลจากปัญหาเซมิคอนดัคเตอร์ (ชิป) คลี่คลายดังที่กล่าวก่อนหน้า ทำให้สามารถผลิตได้เพิ่มมากขึ้น ขณะที่มูลค่าการส่งออกเพิ่มมากขึ้นกว่าจำนวนรถที่ส่งออกไป เนื่องจากเป็นรถยนต์ PPV ซึ่งมีมูลค่าสูงกว่ารถยนต์นั่ง และรถยนต์กระบะ
ด้านยอดผลิต พบ จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนตุลาคม 2565 มีทั้งสิ้น 170,717 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2564 ร้อยละ 10.83 จากการผลิตเพื่อส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.75 เพราะได้รับชิ้นส่วน ‘เซมิคอนดักเตอร์’ เพิ่มขึ้นในรถยนต์นั่งบางรุ่น ทำให้ผลิตเพื่อส่งออกมีสัดส่วนถึงร้อยละ 57.13 ของยอดผลิตทั้งหมด และผลิตเพื่อขายในประเทศเพิ่มขึ้นจากตุลาคมปีที่แล้วร้อยละ 12.31 แต่ลดลงจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 4.75
ยอดผลิตเพื่อส่งออก เดือนตุลาคม 2565 ผลิตได้ 97,832 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 57.31 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2564 ร้อยละ 9.75 ส่วนเดือนมกราคม - ตุลาคม 2565 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 844,206 คัน เท่ากับร้อยละ 55.01 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ระยะเวลาเดียวกัน ร้อยละ 7.02
ยอดผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ เดือนตุลาคม 2565 ผลิตได้ 72,885 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 42.69 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2564 ร้อยละ 12.31 และเดือนมกราคม - ตุลาคม 2565 ผลิตได้ 690,548 คัน เท่ากับร้อยละ 44.99 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - ตุลาคม 2564 ร้อยละ 19.65
และสำหรับ ‘ยอดขาย’ นั้น กล่าวได้ว่า ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนตุลาคม 2565 มีจำนวนทั้งสิ้น 64,618 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2564 ร้อยละ 0.24 โดยการเพิ่มขึ้นนี้ เป็นไปตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศจากผ่อนปรนให้นักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติเข้าประเทศสะดวกขึ้น ทำให้มีเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ คนมีงานทำและมีรายได้เพิ่มขึ้น
รวมไปถึงปัจจัยการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เช่น โครงการคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน การส่งออกยังคงเติบโต การประกันรายได้เกษตรกร การช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการออกรถยนต์รุ่นใหม่ แต่ลดลงจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 12.86
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท HEV เดือนตุลาคม 2565 มียอดจดทะเบียนใหม่มีจำนวน 5,036 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคมปีที่แล้วร้อยละ 121.65 ส่วนยอดจดทะเบียนใหม่สะสม มีจำนวนที่ 54,847 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคมปีที่แล้วร้อยละ 78.36
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท PHEV เดือนตุลาคม 2565 ยอดจดทะเบียนใหม่มีจำนวน 899 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคมปีที่แล้วร้อยละ 84.98 ยอดจดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 9,691 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - ตุลาคมปีที่แล้วร้อยละ 65.35
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า งาน Motor Expo ที่กำลังจัดขึ้นระหว่าง 1-12 ธันวาคม 2565 จะช่วยสร้างบรรยากาศการซื้อขาย และการผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ เติบโตขึ้นได้อีก ซึ่งต้องติดตามกันต่อไป
โดยในด้านการส่งออกนั้น เฉพาะในเดือนตุลาคม 2565 ผลิตได้ 97,832 คัน ขยายตัวร้อยละ 15.51 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีมูลค่าการส่งออกตุลาคม 2565 ซึ่งรวม ‘เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่’ รวมทั้งสิ้น 84,917.32 ล้านบาท ถือเป็นการเพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2564 ร้อยละ 18.91
ตัวเลขนี้ แสดงถึงยอดส่งออกรถยนต์ที่ ‘ขยายตัวดีขึ้น’ ผลจากปัญหาเซมิคอนดัคเตอร์ (ชิป) คลี่คลายดังที่กล่าวก่อนหน้า ทำให้สามารถผลิตได้เพิ่มมากขึ้น ขณะที่มูลค่าการส่งออกเพิ่มมากขึ้นกว่าจำนวนรถที่ส่งออกไป เนื่องจากเป็นรถยนต์ PPV ซึ่งมีมูลค่าสูงกว่ารถยนต์นั่ง และรถยนต์กระบะ
ด้านยอดผลิต พบ จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนตุลาคม 2565 มีทั้งสิ้น 170,717 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2564 ร้อยละ 10.83 จากการผลิตเพื่อส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.75 เพราะได้รับชิ้นส่วน ‘เซมิคอนดักเตอร์’ เพิ่มขึ้นในรถยนต์นั่งบางรุ่น ทำให้ผลิตเพื่อส่งออกมีสัดส่วนถึงร้อยละ 57.13 ของยอดผลิตทั้งหมด และผลิตเพื่อขายในประเทศเพิ่มขึ้นจากตุลาคมปีที่แล้วร้อยละ 12.31 แต่ลดลงจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 4.75
ยอดผลิตเพื่อส่งออก เดือนตุลาคม 2565 ผลิตได้ 97,832 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 57.31 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2564 ร้อยละ 9.75 ส่วนเดือนมกราคม - ตุลาคม 2565 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 844,206 คัน เท่ากับร้อยละ 55.01 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ระยะเวลาเดียวกัน ร้อยละ 7.02
ยอดผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ เดือนตุลาคม 2565 ผลิตได้ 72,885 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 42.69 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2564 ร้อยละ 12.31 และเดือนมกราคม - ตุลาคม 2565 ผลิตได้ 690,548 คัน เท่ากับร้อยละ 44.99 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - ตุลาคม 2564 ร้อยละ 19.65
และสำหรับ ‘ยอดขาย’ นั้น กล่าวได้ว่า ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนตุลาคม 2565 มีจำนวนทั้งสิ้น 64,618 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2564 ร้อยละ 0.24 โดยการเพิ่มขึ้นนี้ เป็นไปตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศจากผ่อนปรนให้นักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติเข้าประเทศสะดวกขึ้น ทำให้มีเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ คนมีงานทำและมีรายได้เพิ่มขึ้น
รวมไปถึงปัจจัยการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เช่น โครงการคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน การส่งออกยังคงเติบโต การประกันรายได้เกษตรกร การช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการออกรถยนต์รุ่นใหม่ แต่ลดลงจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 12.86
สถานการณ์ ‘ยานยนต์ไฟฟ้า’ แต่ละประเภท
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนตุลาคม 2565 โดยมียอดจดทะเบียนใหม่ จำนวน 1,960 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคมปีที่แล้วร้อยละ 288.89 ยอดจดทะเบียนใหม่สะสมจำนวน 15,258 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - ตุลาคมปีที่แล้วร้อยละ 230.62ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท HEV เดือนตุลาคม 2565 มียอดจดทะเบียนใหม่มีจำนวน 5,036 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคมปีที่แล้วร้อยละ 121.65 ส่วนยอดจดทะเบียนใหม่สะสม มีจำนวนที่ 54,847 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคมปีที่แล้วร้อยละ 78.36
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท PHEV เดือนตุลาคม 2565 ยอดจดทะเบียนใหม่มีจำนวน 899 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคมปีที่แล้วร้อยละ 84.98 ยอดจดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 9,691 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - ตุลาคมปีที่แล้วร้อยละ 65.35
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า งาน Motor Expo ที่กำลังจัดขึ้นระหว่าง 1-12 ธันวาคม 2565 จะช่วยสร้างบรรยากาศการซื้อขาย และการผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ เติบโตขึ้นได้อีก ซึ่งต้องติดตามกันต่อไป
