ทองคำทำไมราคาพุ่งแรง
ท่ามกลางเศรษฐกิจผันผวนแต่ กระแสความต้องการทองคำ และแร่เงินโดดเด่นเป็นพิเศษ เป็นเพราะอะไรก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักทองกันก่อน ทองคำ คือ แร่โลหะที่มีค่าโดยตัวมันเอง แร่ที่คนนิยมใช้เป็นเงินตรามากที่สุดในประวัติศาสตร์
ทองคือ Safe Haven
นักลงทุนจึงมองว่าทองคือ Safe Haven หรือ ทรัพย์สินที่ปลอดภัย เพราะนอกจากจะเป็นโลหะที่มีค่าในตัวเองแล้ว ยังไม่มีใครสามารถพิมพ์ทองได้ ไม่เหมือนพันธบัตรรัฐบาล หรือแบงก์ ที่รัฐบาลมีอำนาจพิมพ์เองได้ ทองจึงยังคงรักษาคุณค่าในตัวเอง ที่มีแต่เพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป แทบจะไม่มีโอกาสเฟ้อได้อย่างเงินกระดาษเลย
แนวโน้มเงินเฟ้อไม่คลายกังวล
และในท่ามกลางวิกฤติ ยิ่งคนตกใจกลัว ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเทเงินสดเปลี่ยนมาเป็นทองแทน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเสี่ยงอัตราเงินเฟ้อ ที่เกิดจากการเปลี่ยนนโยบายการเงินอย่างกระทันหันของ Fed หรือ ธนาคารกลางสหรัฐ ที่ก่อนหน้านี้ ได้ทำการ ขึ้นดอกเบี้ย และ QT ดึงเงินออกจากระบบ เพื่อบรรเทาปัญหาเงินเฟ้อมาเป็นปี แต่อยู่ดีๆ เมื่อเกิดวิกฤตธนาคารล่ม ไปหลายแห่ง Fed จึงตัดสินใจเพิ่มเงินเข้า Balance Sheet ไป 3 แสนล้านดอลลาห์สหรัฐ ทำให้เสี่ยงว่าเงินอาจจะเฟ้อต่อนักลงทุนเห็นแวววิกฤตชัดขึ้น
ยิ่งเมื่อ USB ธนาคารอันดับหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ เข้าอุ้ม ธนาคาร Credit Suisse ยิ่งเพิ่มความกังวลให้กับนักลงทุน สะท้อนออกมาบนดัชนีราคาหุ้นธนาคารทั่วโลก ติดลบ-20 ล้านล้านบาท สิ่งนี้นักลงทุนมองว่าเป็นวิกฤตเพราะ Credit Suisse เองก็เป็นธนาคารยักษ์ใหญ่ของสวิตเซอร์แลนด์ แต่ยอมขายสินทรัพย์ขาดทุนถึง -60% อีกทั้ง UBS โดน S&P ลดอันดับความน่าเชื่อถือทันที หลังเข้าซื้อ Credit Suisse [1]แนวโน้มความต้องการทองพุ่งต่อ
Foxbusiness รายงานปริมาณความต้องการทองปัจจุบันสูงที่สุดตั้งแต่ปี 2011 และมีแนวโน้มจะพุ่งทยานต่อ ตราบเท่าที่ปัญหาเงินเฟ้อยังแก้ไม่ได้ และนักลงทุนยังหวาดกลัวการเกิดเศรษฐกิจตกต่ำ [2]จีน รัสเซีย มีแนวโน้มผลักดันเงินมาตรฐานทองคำ
มีข่าวตั้งแต่ 6 ปีที่แล้วว่า จีนและรัซเซียมีความพยายามที่จะล้มสกุลเงินดอลลาร์โดยการแทนที่ด้วยเงินดิจิตัลที่มีทองคำหนุนหลังเต็มจำนวน[3] เพื่อพาเศรษฐกิจโลกย้อนกลับไปสู่ยุคที่รุ่งเรืองที่สุดทางการเงิน หรือ ยุคมาตรฐานทองคำสมัยก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1สหรัฐอเมริกามีทองคำมากที่สุดในโลก
อย่างไรก็ตามนักวิเคราห์ยังชี้ว่าเงินดอลลาร์จะยังเป็นเงินที่แข็งแกร่งที่สุดในปัจจุบัน [4] เพราะอย่างน้อยสหรัฐอเมริกาก็เป็นประเทศที่มีทองคำสำรองมากที่สุดในโลกมากกว่า 8,000 ตัน ซึ่งมากว่า ประเทศที่มีทองคำเป็นอันดับ2 อย่างเยอรมัน ถึง 2 เท่า ในขณะที่ จีนมีทองคำอยู่ที่อันดับ 6 ของโลก 1948 ตัน และต่อให้รวมกับ รัซเซียอีก 2298 ตัน ก็ได้แค่ 4246 ตัน อยู่ที่ราวๆครึ่งหนึ่งของทองทั้งหมดของสหรัฐอเมริกาเท่านั้นเอง [5]อย่างไรก็ตามทองคำสำรองไม่ใช่คำตอบทั้งหมดของความแข็งแกร่งของประเทศและค่าเงิน ยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่เกี่ยวข้อง นี่ยังไม่รวมภาวะสงครามในปัจจุบัน และราคาทองคำในระยะสั้นก็ผันผวน นักลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนการลงทุน
