1. ทำไมเงินสดถึงเป็นตัวช่วยสำคัญของการฟอกเงิน? นั่นเพราะเราติดตามที่มาที่ไปของเงินสดได้ยาก ตราบใดที่มันถูกเก็บเอาไว้โดยไม่นำเข้าสู่ระบบการเงิน เช่น เข้าสู่บัญชีธนาคาร คนภายนอกก็จะไม่มีทางรู้ว่าเงินนั้นได้มาจากไหน และคนถือเงินก็ไม่ต้องแจ้งที่มาที่ไปกับหน่วยงานรัฐ
2. ธุรกิจผิดกฎหมายจึงใช้เงินสดหนักมือมาก เช่น ตลาดยาเสพติดเป็นตลาดที่ใช้เงินสด บทความเรื่อง Cash, Crime and Anti-Money Laundering อ้างข้อมูลของหน่วยงานต่อต้านการฟอกเงินในยุโรปรายงานว่า ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเกือบทั้งหมดเกี่ยวข้องกับการใช้เงินสดเพื่อฟอกเงิน
3. ผู้ค้ายาเสพติด (รวมถึงธุรกิจผิดกฎหมายอื่นๆ มักทำธุรกรรมด้วยการชำระเงินด้วยเงินสดหลายๆ ครั้ง และมักจะใช้ธนบัตรมูลค่าน้อยๆ จากนั้นจะแลกเป็นธนบัตรที่มีมูลค่าสูงกว่า เนื่องจากเก็บเงินสดมูลค่ามากๆ ได้ โดยใช้พื้นที่ (หรือปริมาณธนบัตร) น้อย
4. ดังนั้น สหภาพยุโรปจึงยกเลิกธนบัตรใหญ่ๆ เช่น ธนบัตรใบละ 500 ยูโร เพื่อป้องกันไม่ให้มีการฟอกเงิน หรือป้องกันการใช้เงินสดเพื่อก่ออาชญากรรมโดยตามจับได้ยาก และมีเสียงเรียกร้องในอังกฤษให้เลิกธนบัตรใบละ 50 ปอนด์ และยังเสนอให้สหรัฐยกเลิกธนบัตรใบละ 100 ดอลลาร์ฯ ด้วยเหตุผลเดียวกัน
5. เมื่อธุรกิจผิดกฎหมายทำเงินได้แล้วจะเก็บเงินสดเอาไว้ แต่พวกเขาจำเป็นต้องใช้มันเหมือนกันในปริมาณมากๆ การเปลี่ยนเงินก้อนใหญ่ให้สะอาด พวกเขาจำเป็นต้องผ่านกระบวนการฟอกที่ซับซ้อนกว่าการตุนธนบัตรใบใหญ่ๆ ดังนั้นขึ้นตอนต่อมา คือการใช้คำกลางการขนถ่ายเงินสดที่สกปรกให้กลายเป็นเงินสะอาด
6. ตัวการที่จะฟอกเงินเหล่านี้จะเปิดบัญชีรอไว้ โดยแสดงละครตบตาว่าเป็นการโอนตัวกลางที่ทำธุรกิจถูกกฎหมายหรือเป็นการจ้างงานกันจริงๆ ตัวกลางเหล่านี้เรียกว่า Money mule (ลาขนเงิน) หรือที่ในไทยเรียกกันว่า ‘บัญชีม้า’
7. แต่การเป็น ‘ลาขนเงิน’ ไม่ได้มีแค่การเปิดบัญชีช่วยฟอกเงิน ยังมีประเภทที่ขนเงินสดติดตัว โดยธุรกิจผิดกฎหมายจะจ้างคนจำนวนหนึ่งช่วยถือเงินในรูปของธนบัตรใหญ่ (เช่น 500 ยูโร) โดยแบ่งกันถือคนละจำนวนมากๆ เช่น 300,000 ยูโร ซึ่งแม้จะมูลค่ามากแต่เมื่ออยู่ในรูปของธนบัตรใหญ่มันจะขนส่งไม่ลำบากนัก
8. ลาขนเงินอีกประเภททำงานรับใช้สแกมเมอร์ออนไลน์ กลุ่มนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับเงินสดตั้งแต่แรก แต่จะเจาะเข้าบัญชีของเหยื่อ เมื่อได้เงินมาแล้วจะโอนเข้า ‘บัญชีม้า’ ของ ‘ลาขนเงิน’ จากนั้นบัญชีม้าจะถอนออกมาเป็นเงินสด เมื่อเป็นเงินสดแล้วจะโอนผ่านบริการโอนเงินข้ามประเทศไปยังอาชญากร
9. นอกจากธุรกิจใต้ดินและอาชญากรทางการเงินเหล่านี้แล้ว อีกพวกนึ่งที่ชอบเงินสด คือ ‘พวกเลี่ยงภาษี’ แต่กลุ่มนี้มักเป็นพวกหนีภาษีกลุ่มเล็กๆ เช่น ผู้ค้ารายย่อย ธุรกิจระดับกลาง ส่วนบริษัทขนาดใหญ่ที่ต้องการจะเลี่ยงภาษีจะมีวิธีการที่หลักแหลมกว่าน้นและเผาผิดได้ยากกว่า ที่สำคัญจะไม่เก็บไว้ในรูปเงินสด
2. ธุรกิจผิดกฎหมายจึงใช้เงินสดหนักมือมาก เช่น ตลาดยาเสพติดเป็นตลาดที่ใช้เงินสด บทความเรื่อง Cash, Crime and Anti-Money Laundering อ้างข้อมูลของหน่วยงานต่อต้านการฟอกเงินในยุโรปรายงานว่า ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเกือบทั้งหมดเกี่ยวข้องกับการใช้เงินสดเพื่อฟอกเงิน
3. ผู้ค้ายาเสพติด (รวมถึงธุรกิจผิดกฎหมายอื่นๆ มักทำธุรกรรมด้วยการชำระเงินด้วยเงินสดหลายๆ ครั้ง และมักจะใช้ธนบัตรมูลค่าน้อยๆ จากนั้นจะแลกเป็นธนบัตรที่มีมูลค่าสูงกว่า เนื่องจากเก็บเงินสดมูลค่ามากๆ ได้ โดยใช้พื้นที่ (หรือปริมาณธนบัตร) น้อย
4. ดังนั้น สหภาพยุโรปจึงยกเลิกธนบัตรใหญ่ๆ เช่น ธนบัตรใบละ 500 ยูโร เพื่อป้องกันไม่ให้มีการฟอกเงิน หรือป้องกันการใช้เงินสดเพื่อก่ออาชญากรรมโดยตามจับได้ยาก และมีเสียงเรียกร้องในอังกฤษให้เลิกธนบัตรใบละ 50 ปอนด์ และยังเสนอให้สหรัฐยกเลิกธนบัตรใบละ 100 ดอลลาร์ฯ ด้วยเหตุผลเดียวกัน
5. เมื่อธุรกิจผิดกฎหมายทำเงินได้แล้วจะเก็บเงินสดเอาไว้ แต่พวกเขาจำเป็นต้องใช้มันเหมือนกันในปริมาณมากๆ การเปลี่ยนเงินก้อนใหญ่ให้สะอาด พวกเขาจำเป็นต้องผ่านกระบวนการฟอกที่ซับซ้อนกว่าการตุนธนบัตรใบใหญ่ๆ ดังนั้นขึ้นตอนต่อมา คือการใช้คำกลางการขนถ่ายเงินสดที่สกปรกให้กลายเป็นเงินสะอาด
6. ตัวการที่จะฟอกเงินเหล่านี้จะเปิดบัญชีรอไว้ โดยแสดงละครตบตาว่าเป็นการโอนตัวกลางที่ทำธุรกิจถูกกฎหมายหรือเป็นการจ้างงานกันจริงๆ ตัวกลางเหล่านี้เรียกว่า Money mule (ลาขนเงิน) หรือที่ในไทยเรียกกันว่า ‘บัญชีม้า’
7. แต่การเป็น ‘ลาขนเงิน’ ไม่ได้มีแค่การเปิดบัญชีช่วยฟอกเงิน ยังมีประเภทที่ขนเงินสดติดตัว โดยธุรกิจผิดกฎหมายจะจ้างคนจำนวนหนึ่งช่วยถือเงินในรูปของธนบัตรใหญ่ (เช่น 500 ยูโร) โดยแบ่งกันถือคนละจำนวนมากๆ เช่น 300,000 ยูโร ซึ่งแม้จะมูลค่ามากแต่เมื่ออยู่ในรูปของธนบัตรใหญ่มันจะขนส่งไม่ลำบากนัก
8. ลาขนเงินอีกประเภททำงานรับใช้สแกมเมอร์ออนไลน์ กลุ่มนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับเงินสดตั้งแต่แรก แต่จะเจาะเข้าบัญชีของเหยื่อ เมื่อได้เงินมาแล้วจะโอนเข้า ‘บัญชีม้า’ ของ ‘ลาขนเงิน’ จากนั้นบัญชีม้าจะถอนออกมาเป็นเงินสด เมื่อเป็นเงินสดแล้วจะโอนผ่านบริการโอนเงินข้ามประเทศไปยังอาชญากร
9. นอกจากธุรกิจใต้ดินและอาชญากรทางการเงินเหล่านี้แล้ว อีกพวกนึ่งที่ชอบเงินสด คือ ‘พวกเลี่ยงภาษี’ แต่กลุ่มนี้มักเป็นพวกหนีภาษีกลุ่มเล็กๆ เช่น ผู้ค้ารายย่อย ธุรกิจระดับกลาง ส่วนบริษัทขนาดใหญ่ที่ต้องการจะเลี่ยงภาษีจะมีวิธีการที่หลักแหลมกว่าน้นและเผาผิดได้ยากกว่า ที่สำคัญจะไม่เก็บไว้ในรูปเงินสด
