โดมิโนจาก FTX วงการคริปโทฯ มีทั้งเจ็บทั้งเติบโต

2 ธันวาคม 2565 - 09:26

CRYPTONIAN-FTX-Domino-SPACEBAR-Thumbnail
  • นักลงทุนเก็บเงินแน่นหนามากขึ้นเพิ่ม 125% ใน 7 วัน

  • บริษัทที่พังต่อๆ กันไป เพราะเงินทุนอยู่ใน FTX จำนวนมาก

  • รัฐบาลวางแผนเข้าควบคุมวงการคริปโทฯ

เมื่อเงินจำนวนมหาศาลหายสาปสูญ จากเหตุการณ์ FTX ล่มสลาย บาดแผลทางการเงินที่น่ากลัวนี้ เข้าทิ่มแทงใจเจ้าของเงินทุนทั่วโลก ปลุกกระแสให้ดึงเงินออกจากกระดานเทรดแล้วมาเก็บไว้ที่ตัวเอง  

ซึ่งภายใน 7 วันที่ผ่านมา BTC มากกว่า 50,000 เหรียญ หรือ เกือบ 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ [1] ถูกโยกย้ายเข้า Cold Wallet  หรือกระเป๋าเงินเก็บคริปโทฯ ที่ไม่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต  

Changpeng Zhao หรือ CZ CEO ของ Binance ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า “เหตุการณ์นี้จะทำให้เราถอยหลังเพียงเล็กน้อย แต่จะดีต่อวงการในระยะยาว” 

หลังจากเกิดเรื่องลูกค้า Binance โยกเงินไปฝากไว้ใน SafePal (SFP)  (กระเป๋าเงินที่เจ้าของเงินเป็นผู้เก็บกุญแจ Private Key เอง) เพิ่มขึ้น 125.96% 

CZ ยังออกมาทวิตว่า “การควบคุมเงินของตัวเองเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน คุณจะเอาไปเก็บเมื่อไหร่ก็ได้ แต่แนะนำให้เริ่มจากทำทีละน้อยๆ เพราะความผิดพลาด อาจจะราคาแพงได้” #SAFU 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/2EUtRt0aGTnUUpsfnURYwR/e5c35877dd29af2188af0aa048ceb9e0/CRYPTONIAN-FTX-Domino-SPACEBAR-Photo01

ส่วนที่ถอยหลังจากคลื่นลูกนี้ ก็ผุดขึ้นไม่ขาดสาย

Grayscale Investment บริษัทผู้นำด้านการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลขนาดใหญ่ของโลก หุ้นร่วงลงไป 43% หลังเกิดเหตุการณ์ FTX ทำให้นักลงทุนสูญมูลค่าเงินไปราว 84% นับจากจุดสูงสุดของบิตคอยน์ที่ 69,000 ดอลลาร์สหรัฐ  

ล่าสุด Grayscale ยังปฏิเสธการแสดงบิตคอยน์ในครอบครองด้วยเหตุผลว่าจะไม่ปลอดภัย สร้างข้อสงสัยให้กับนักลงทุนว่า Grayscale จะมีบิตคอยน์ไม่ถึงจำนวนที่แจ้งต่อสาธารณะหรือไม่  

ความกดดันของ Grayscale เป็นคลื่นซัดต่อมาจาก Genesis Global Capital บริษัทสาขาของ Digital Currency Group  ซึ่งเป็นเจ้าของ Grayscale Investment ซึ่ง Genesis เพิ่งประกาศว่า “อาจจะระงับการถอนเงินเร็วๆ นี้” 

BlockFi แพลตฟอร์มให้บริการกู้ยืมคริปโทฯ เตรียมยื่นเอกสารล้มละลาย Chapter 11 ตาม FTX ไป เพราะมีสินทรัพย์คงค้างใน FTX จำนวนมาก 

InnovestX กระดานเทรดคริปโทฯ สัญชาติไทย เครือข่ายของธนาคารไทยพาณิชย์ ที่มีการเชื่อสภาพคล่องกับ FTX ลงทุนใน Anchor Protocal ซึ่งพังไปตั้งแต่พฤษภาคมกับ Terra ของ Do Kwan แล้ว และยังมีการลงทุนใน BlockFi ที่กำลังยื่นล้มละลาย ทำให้นักลงทุนสงสัยว่า InnovestX จะไหวหรือไม่  

ซึ่งเบื้องต้น InnovestX ประกาศในเว็ปไซต์แล้วว่า บริษัทฯ ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ต่อการดำเนินธุรกิจ รวมถึงแอปพลิเคชันต่างๆ พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงความปลอดภัยของสินทรัพย์ของลูกค้า 

Voyager Digital กระดานเทรดคริปโทฯ ที่ล้มละลายไปแล้วจากวิกฤต Terra เรื่องก็น่าเศร้าเพราะเพิ่งเจรจาตกลงว่า FTX จะเข้าซื้อ Voyager ในราคา1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แน่นอนว่าดีลนี้ก็ต้องพับไปส่วน Voyage ก็กำลังหาผู้ซื้อรายใหม่ 

Galois Capita บริษัทกองทุนคริปโทฯ กำลังเจอัญหาสภาพคล่องเพราะทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของบริษัทอยู่ใน FTX [2] 

โดยสรุปแล้วมีบริษัทที่ได้รับผลกระทบอย่างเป็นทางการตามแถลงของ FTX ทั่วโลกรวม 130 บริษัท ไม่รวมบริษัทลูก [3] ที่ได้รับผลกระทบการเหตุการณ์นี้
 

กระดานเทรดต่างๆ ออกมาแสดงความเชื่อมั่นให้นักลงทุน

อีกหนึ่งความก้าวหน้าของวงการคริปโทฯ ก็คือครั้งนี้เหล่ากระดานเทรดใหญ่ออกมาแสดงสินทรัพย์ค้ำประกันของตัวเอง Proof-of-reserve เพื่อเรียกความเชื่อใจจากลูกค้านักลงทุน ก็มีทั้งรอดและร่วง โชว์ไส้ ระงับการถอนกระทันหันกันไปเลยก็มี  

crypto.com ต้องประกาศระงับการถอน กระดานGate.IO ก็ระส่ำจากข่าวมีการโยกเงินกันระหว่าง crypto.com  และรายละเอียดกระดานอื่นๆอ่านเพิ่มเติมที่ โชว์รายตัว PROOF-OF-RESERVE กระดานคริปโทฯ อยู่ต่อหรือวิ่งหนีดี?
 

รัฐบาลใช้สิทธิเข้ามาควบคุมคริปโทฯ

The Washington Post รายงานว่ารัฐบาลกลาง และรัฐสภาสหรัฐอเมริกา ประกาศว่าจะมีการเข้าควบคุมบบริษัทคริปโทเคอร์เรนซี ที่มีความเสี่ยงต่อนักลงทุนทั้งใหญ่และเล็ก [4] จะมีกฎออกมาควบคุม Stablecoin [5] และมีแนวโน้มจะผ่านร่าง พรบ.เพื่อควบคุมคริปโทฯ ในอนาคตด้วย [6] ซึ่งเรื่องนี้ขัดกับหลักการการกระจายอำนาจของโลกคริปโทเคอร์เรนซีอย่างยิ่ง ที่จะไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล 

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้มีด้านมืดเพียงด้านเดียว ในฐานะนักลงทุนยังต้องจับตามองสถานการณ์และเก็บรักษาสินทรัพย์ของตัวเองให้ปลอดภัยเข้าไว้ ตลาดคริปโทเคอร์เรนซี เกิดมาแค่13 ปี และยังอยู่ในยุคเริ่มต้นเท่านั้น

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์