อยากมั่งคั่งร่ำรวย แต่ก็อยากมีเงินไว้ผลาญเล่นด้วยทำยังไง?
คำตอบคือ ‘คุณต้องบริหารเงิน’
ถ้าคุณทุ่มเงินทั้งหมดที่หามาได้เพื่อซื้อของ แน่นอนคุณจะได้ของ ไม่ใช่เงิน แล้วความมั่งคั่งจะห่างไกลคุณออกไปเรื่อยๆ แต่มันต้องมีวิธีที่ทำให้เราใช้เงินที่เราหามาได้อย่างสบายใจ และยังสร้างความมั่งคั่ง สร้างเส้นทางอิสรภาพทางการเงินให้เราได้สิ
ใช่ค่ะ มีวิธีที่ทำได้ แถมมีเงินให้ผลาญเล่นได้ด้วย แล้วเราจะมารู้ไปพร้อมๆ กัน
ก่อนอื่นเราต้องแยกให้ออกก่อนว่าอะไรคือทรัพย์สิน อะไรคือหนี้สิน และตามด้วยวิธีบริหารเงินแบบง่ายๆ
คำตอบคือ ‘คุณต้องบริหารเงิน’
ถ้าคุณทุ่มเงินทั้งหมดที่หามาได้เพื่อซื้อของ แน่นอนคุณจะได้ของ ไม่ใช่เงิน แล้วความมั่งคั่งจะห่างไกลคุณออกไปเรื่อยๆ แต่มันต้องมีวิธีที่ทำให้เราใช้เงินที่เราหามาได้อย่างสบายใจ และยังสร้างความมั่งคั่ง สร้างเส้นทางอิสรภาพทางการเงินให้เราได้สิ
ใช่ค่ะ มีวิธีที่ทำได้ แถมมีเงินให้ผลาญเล่นได้ด้วย แล้วเราจะมารู้ไปพร้อมๆ กัน
ก่อนอื่นเราต้องแยกให้ออกก่อนว่าอะไรคือทรัพย์สิน อะไรคือหนี้สิน และตามด้วยวิธีบริหารเงินแบบง่ายๆ
ความหรูหราคือ ‘ทรัพย์สิน’ หรือ ‘หนี้สิน’
บ้าน รถ กระเป๋าแบรนด์เนม นาฬิกาหรู ข้าวของราคาแพงที่บ่งบอกฐานะของเจ้าของ มันอาจจะไม่ใช่ความมั่งคั่งอย่างที่คุณมองเห็น แม้คนส่วนใหญ่จะตัดสินความมั่งคั่งจากสิ่งที่เห็น แต่เชื่อไหมว่าข้าวของเหล่านี้มันอาจเป็น ‘ทรัพย์สิน’ ของบางคน แต่เป็น ‘หนี้สิน’ ของอีกคน
คำถาม 3 ข้อที่บอกว่าของหรูหราเป็น ‘หนี้สิน’ หรือ ‘ทรัพย์สิน’
1. เจ้าของใช้เงินที่ตัวเองมีหรือเงินที่ไม่มีซื้อมันมา?ยกตัวอย่างเราเห็นคนขับรถสปอร์ตหรูหรา คันละหลายสิบล้าน ถ้าเขาใช้เงินบางส่วนจากเงินทั้งหมดที่เขามีซื้อมา รถคันนี้อาจจะเป็นทรัพย์สิน ‘อาจจะ’ นะคะ เพราะรถส่วนใหญ่เป็นหนี้สิน แต่ถ้าเจ้าของต้องไปกู้ยืมเงินเพื่อผ่อนชำระรถคันนี้ ก็คือการใช้เงินที่ไม่มีซื้อมา มันก็คือหนี้สินทันที ยกเว้นกรณีข้อ 3

2. ของเหล่านี้เป็นภาระให้เจ้าของต้องจ่ายค่าบำรุงซ่อมแซมหรือไม่?
อย่างที่บอกว่ารถส่วนใหญ่เป็นหนี้สินค่ะ ซื้อรถมาก็มีค่าดูแลรักษา ค่าล้างรถ ค่าน้ำมัน ค่าซ่อมบำรุง ค่าประกัน ยังไม่รวมว่าราคาตกอีกเท่าไหร่ในตอนขายด้วยนะคะ ดังนั้น บ้านก็เช่นเดียวกันมีค่าดูแลรักษามากมาย ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ทำให้บ้านและรถ เป็นหนี้สิน
3. ของเหล่านี้ทำเงินให้เจ้าของได้หรือไม่?
ข้อนี้จะทำให้ข้าวของเป็นทรัพย์สินได้ไม่ว่าคุณจะซื้อด้วยเงินสดหรือกู้มาซื้อ เช่น รถที่คุณซื้อมา โชคดีโรงงานเลิกผลิต ราคาขึ้น คุณขายได้กำไร นี่คือทรัพย์สิน กระเป๋าแบรนด์เนม นาฬิกาหรูที่ขายได้กำไร คือทรัพย์สิน หรือรถคันนี้คุณซื้อมาปล่อยเช่า สร้างรายได้ มันคือทรัพย์สิน บ้านที่ซื้อมาอยู่อาศัยเป็นหนี้สิน แต่บ้านที่ซื้อมาปล่อยเช่าเป็นทรัพย์สิน
อย่างที่บอกว่ารถส่วนใหญ่เป็นหนี้สินค่ะ ซื้อรถมาก็มีค่าดูแลรักษา ค่าล้างรถ ค่าน้ำมัน ค่าซ่อมบำรุง ค่าประกัน ยังไม่รวมว่าราคาตกอีกเท่าไหร่ในตอนขายด้วยนะคะ ดังนั้น บ้านก็เช่นเดียวกันมีค่าดูแลรักษามากมาย ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ทำให้บ้านและรถ เป็นหนี้สิน
3. ของเหล่านี้ทำเงินให้เจ้าของได้หรือไม่?
ข้อนี้จะทำให้ข้าวของเป็นทรัพย์สินได้ไม่ว่าคุณจะซื้อด้วยเงินสดหรือกู้มาซื้อ เช่น รถที่คุณซื้อมา โชคดีโรงงานเลิกผลิต ราคาขึ้น คุณขายได้กำไร นี่คือทรัพย์สิน กระเป๋าแบรนด์เนม นาฬิกาหรูที่ขายได้กำไร คือทรัพย์สิน หรือรถคันนี้คุณซื้อมาปล่อยเช่า สร้างรายได้ มันคือทรัพย์สิน บ้านที่ซื้อมาอยู่อาศัยเป็นหนี้สิน แต่บ้านที่ซื้อมาปล่อยเช่าเป็นทรัพย์สิน
คนรวยล้มละลายได้ แต่คนมั่งคั่งมีแต่จะเพิ่มพูน
ความร่ำรวยคือ ‘สถานะรายได้ปัจจุบัน’ ถ้าใครขับรถคันละหลายๆ ล้าน ก็เรียกว่ารวยได้แล้ว เพราะเขาจะต้องมีรายได้พอจ่ายค่างวดรถรายเดือนได้ ทุกคนเห็นรถของเขา แต่ไม่มีใครเห็นเงินในบัญชี หรือพอร์ตการลงทุนของเขา และถ้าคนรวยไม่มีการบริหารเงิน ดึงเงินที่ตัวเองไม่มีออกมาใช้เพื่อซื้อของมากจนเกินไป ความล้มละลายก็จะมาเยือน
แต่ความมั่งคั่ง คือสิ่งที่มองไม่เห็น มันคือรายรับที่ไม่ถูกจ่ายออกไป ความมั่งคั่งคือทางเลือกที่ยังไม่ถูกนำไปซื้ออะไร คุณค่าของมันคือมันมีทางเลือก และงอกเงยได้เพียงพอจะทำให้คุณซื้อของได้มากกว่านี้ (อ้างอิงหนังสือจิตวิทยาว่าด้วยเงิน โดย Morgan Housel)
ตัวอย่างมหาเศรษฐีหน้าใหม่แสนสมถะ
วิทาลิก บูเทอริน (Vetalik Buterin) เจ้าของ แพลต์ฟอร์ม Ethereum และ ฉางเผิง จ้าว (Changpeng Zao หรือ CZ) เจ้าของกระดานเทรด Binance คนกลุ่มนี้มีเงินมากมายมหาศาลติดอันดับคนที่รวยที่สุดในโลก แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ พวกเขาไม่ขับรถแฟนซี แต่งตัวสบายๆ เหมือนก่อนจะมีเงินเป็นพันล้าน และบริจาคความมั่งคั่งคืนสู่สังคมด้วย


บริหารเงินด้วยการสร้างบัญชีสำหรับ ‘ผลาญเล่น’
ไม่ใช่ค่ะ แต่เราต้องบริหารเงิน คุณคงเคยได้ยินมาว่าเราควรเก็บเงิน 10% จากรายได้ทั้งหมดเพื่อการลงทุนระยะยาว แต่เพื่อเติมเต็มความชุ่มชื่นในจิตใจ เราต้องมีอีกบัญชีเก็บเงินจำนวนเท่ากัน เอาไว้ “ผลาญเล่น” ด้วยค่ะเคล็ดลับสำคัญของการบริหารเงินคือ ความสมดุล ถ้าใช้เงินเกินตัวคือการสร้างความเสียหาย การออมเกินตัวก็ทำให้คุณระเบิดในสักวันได้เช่นกัน
กฏเหล็กของบัญชีผลาญเล่นคือ มีเท่ากับบัญชีออมเงิน และคุณต้องใช้มันให้หมด ทุกเดือน! เป็นรางวัลให้การเก็บออม

50 + 10 x 5 สูตรบริหารเงินเพื่อความมั่งคั่ง
แล้วเงินที่เหลือที่หามาได้ควรบริหารอย่างไร50% บัญชีเพื่อค่าใช้จ่ายที่จำเป็น ค่าน้ำไฟ ค่าอาหาร ค่าเล่าเรียนลูก
10% แรกเป็น กฎทองแห่งความมั่งคั่ง คือ คุณต้องเก็บออมไว้เพื่อลงทุนระยะยาว
10% คือ บัญชีผลาญเล่น ของคุณ จงใช้มันซื้อข้าวของฟุ่มเฟือย ทิปพนักงานสปา หรืออะไรก็ได้ให้สะใจทุกเดือน
10% ใส่ บัญชีเพื่อการศึกษา ลงทุนซื้อความรู้ให้ตัวเองตลอดชีวิต คือสิ่งที่ทำให้คุณมั่งคั่งอย่างแท้จริง ลงคอร์สเรียนวิชาที่ชอบ ซื้อหนังสือมาอ่าน ไปสัมมนาดีๆ
10% บัญชีเงินออมเพื่อค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน อาจจะเลือกจ่ายเป็นซื้อประกันต่างๆ ก็ได้
10% บัญชีเพื่อการให้ ชีวิตจะอิ่มเอมไม่ได้ถ้าเราไม่ได้ให้อะไรกับใครเลย
อย่าคิดว่าคุณมีเงินน้อยเกินกว่าจะบริหารได้ อย่าคิดว่ารอมีเงินเยอะก่อนค่อยบริหาร เพราะการบริหารคือประตูเปิดทางสู่ความมั่งคั่งที่ยั่งยืน
ถ้าคุณไม่ทำมันวันนี้ คุณอาจจะไม่ได้สัมผัสกับชีวิตทางการเงินที่มีความสุขเลยก็ได้