“บิตคอยน์ราว 4 ล้านเหรียญ จะถูกแฮกทันที ถ้าคอมพิวเตอร์ ควอนตัมถูกนำมาใช้งานสำเร็จในวันพรุ่งนี้” [1] เป็นคำกล่าวของบริษัท Deloitte Consulting LLP บริษัทให้คำปรึกษาด้านการเงินระดับโลก
“ควอนตัมคอมพิวเตอร์ใช้เวลาประมาณ 3 นาทีกว่าๆ ในการประมวลผลข้อมูลชุดมหึมาที่ต้องใช้ Supercomputer ประมวลนานกว่า 1,000 ปี” คำกล่าวจาก Google ผู้นำด้านเทคโนโลยีควอนตัม [2]
“ข้อมูลทางการเงิน การธนาคาร ข้อมูลความมั่นคงทั้งทางทหารและรัฐบาล ข้อมูลทางสุขภาพของประชาชนและทุกสิ่งที่อยู่ในรูปแบบของ ดิจิทัล จะถูกแฮก อย่างง่ายดาย ถ้าจู่ๆ ประเทศใดประเทศหนึ่งทำ ควอนตัมคอมพิวเตอร์สำเร็จขึ้นมา” ดร.จิรวัฒน์ ตั้งปณิธานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Quantum technology Foundation
อ่านข้อความสั้นๆ ข้างต้นไม่กี่ข้อความน่าจะพอเป็นเหตุผลให้เราเริ่มทำความรู้จัก ควอนตัมคอมพิวเตอร์กันแล้วตั้งแต่วันนี้ ในวงการคาดว่าจะใช้เวลาพัฒนาไม่เกิน 10 ปีที่เทคโนโลยีนี้จะใช้ได้จริง
แต่ล่าสุด ต้นเดือนมกราคมเปิดปี 2023 ทั้งโลกก็เสียวสันหลังวาบ เมื่อประเทศจีนปล่อยข่าวว่านักวิจัยจีนกลุ่มหนึ่ง ถอดรหัสควอนตัมคอมพิวเตอร์สำเร็จ โดยตีพิมพ์เอกสารทางวิทยาศาสตร์ ที่มีรายงานเรื่องการถอดรหัสมาตรฐาน RSA ที่เป็นเทคโนโลยีการลงรหัสเพื่อความปลอดภัย ไม่ให้แฮคเกอร์เข้าถึงข้อมูลสำคัญได้ในหลายอุตสาหกรรม ทั้ง ธนาคาร ระบบสื่อสารโทรศัพท์ไร้สาย แหล่งจัดเก็บข้อมูลและอีกมากมาย
แต่ข่าวนี้ก็มีคนออกมาคัดค้านทันที อย่าง Andre Konig ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของ Global Quantum Intelligence ให้สัมภาษณ์กับ Decrypt ว่า “นี่เป็นการหลอกลวงครั้งใหญ่”
ความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนคิดว่า โลกนี้ยังบุญหนาที่ควอนตัมคอมพิวเตอร์ ไม่ได้จู่ๆ สำเร็จกระทันหัน ตามข่าวที่ปล่อยออกมา เพราะ อย่างแรกคือ คน และองค์กรส่วนใหญ่ในโลกยังไม่พร้อมรับพายุลูกนี้
ควอนตัมคอมพิวเตอร์ หรือ Quantum computing ว่าง่ายๆ ก็คือ เทคโนโลยี ตัวประมวลผล ในระบบที่ซับซ้อนอย่างยิ่ง และมีพลังคำนวณมหาศาล มันคำนวณได้ทุกอย่าง ตอบคำถามได้ทุกอย่าง มันมีศักยภาพเต็มที่ ที่จะเปลี่ยนโลก รวมถึงทำลายล้างโลกได้ด้วย
บริษัท Mckinsey บริษัทให้คำปรึกษาด้านการเงินรายงานว่า อุตสาหกรรมที่จะถูกกระทบหนักที่สุด อันดับ 1 คือ อุตสาหกรรมการเงิน ระบบคริปโทฯ ที่อยู่ในรูปแบบดิจิทัล หรือ Blockchain จะพังลงอย่างรวดเร็ว รองลงมาคือ อุตสาหกรรรมพลังงานและพวกไฮเทคโนโลยี
ในด้านดี เมื่อควอนตัมคอมพิวเตอร์ใช้งานได้ เราจะได้เห็นอะไรที่ต้องใช้ความพยายามยาวนาน ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว เช่น การผลิตยา ยกตัวอย่างวัคซีนโควิดเราใช้เวลากันเกิน 2 ปี ในการผลิตวัคซีนที่พอใช้ได้ออกมา แต่เทคโนโลยีควอนตัม มี Quantum Simulation จำลองสถานการณ์ โดยใส่ข้อมูลเคมีลงไปให้คอมพิวเตอร์ทำการทดลองเป็นแสนเป็นล้านเคส เพื่อหาผลลัพพ์ที่ดีที่สุดหากเกิดโรคระบาดที่ต้องการยาอย่างรวดเร็ว Quantum Simulation จะจัดยาตัวนั้นออกมาให้ได้
ใครเป็นผู้นำควอนตัวเทคโนโลยีบ้าง ก็ประเทศพัฒนาแล้ว และองค์กรเทคโนโลยีใหญ่หลายแห่งทั่วโลกกำลังตื่นตัวและเร่งพัฒนาความรู้และรับมือกับเทคโนโลยีควอนตัม นำโดยประเทศเจีนที่เป็นเจ้าของสิทธิบัตรเทคโนโลยีควอนตัมมากกว่าครึ่งหนึ่งในโลก สหรัฐอเมริกามี USA Quantum Initiative ปีนี้ 2023 ให้งบประมาณ Start up ไป 12,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และงบสำหรับรัฐบาลสหรัฐฯ 19,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทางด้านเอกชน บริษัท Google และ IBM เป็นเจ้าใหญ่ในการพัฒนาควอนตัมคอมพิวเตอร์ สำหรับประเทศไทยก็มี บริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG)
ที่เจ้าใหญ่ต้องเร่งทุ่มงบพัฒนาความรู้ในการใช้ ควอนตัมคอมพิวเตอร์อย่างหนักเพราะเทคโนโลยีนี้จะสามารถคว่ำคู่แข่งที่ได้เปรียบในตลาดชนิดหน้าหงาย แล้วจมหายไปเลย
ยกตัวอย่าง ถ้ามีบริษัทเทคโนโลยีที่พัฒนามายาวนานกว่า 30 ปี มีทั้งเงินทุนและฐานข้อมูลมหาศาล ซึ่งมีความได้เปรียบด้านการเป็นคู่แข่งในตลาดยุคนี้อย่างยิ่ง แต่ในยุคที่ควอนตัมคอมพิวเตอร์เข้ามาแล้ว บริษัทที่ใช้เทคโนโลยีควอนตัมฯ จะสามารถพัฒนาประสิทธิภาพให้เทียบเท่า หรือเหนือคู่แข่งเจ้าเก่าได้ภายในเวลาไม่ถึงปี
ถ้าถามว่า ควอนตัวคอมพิวเตอร์จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกได้อย่างไร ก็คงยังไม่มีใครตอบได้อย่างแน่ชัด เพราะเป็นเรื่องของอนาคต แต่ถ้าเราตั้งคำถามกลับว่า ในวันที่เรามีคอมพิวเตอร์ที่สามารถคำนวณทุกอย่างได้ แบบไร้ข้อจำกัด อย่างรวดเร็ว เราจะใช้มันมาทำให้เกิดประโยชน์กับเราได้ยังไง ผู้เขียนคิดว่าใครตอบคำถามนี้ได้เคลียร์ ได้เร็ว ได้ชัดเจนที่สุดทั้งในระดับองค์กร และระดับบุคคล คือ คนที่นึกออกว่า ควอนตัมคอมพิวเตอร์จะมาเปลี่ยนโลกเราได้อย่างไร
ติดตามเทคโนโลยีตัวนี้ให้ดีเพราะอีกไม่เกิน 10 ปี มันจะปรากฎตัวออกมาให้เราได้สัมผัส ถ้าคุณเป็นองค์กรเล็กเตรียมการ์ดตั้งรับ ถ้าคุณเป็นบุคคลทั่วไปเราต้องติดตามเพื่อเข้าใจภาพที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ เพราะเราไม่อยากให้การกระทำในอนาคตของเราเกิดจากความกลัวในสิ่งที่ไม่รู้
ติดตาม SPACEBAR เราจะพาคุณข้ามพรมแดนเทคโนโลยีไปด้วยกันแบบสมูท และทันเหตุการณ์
“ควอนตัมคอมพิวเตอร์ใช้เวลาประมาณ 3 นาทีกว่าๆ ในการประมวลผลข้อมูลชุดมหึมาที่ต้องใช้ Supercomputer ประมวลนานกว่า 1,000 ปี” คำกล่าวจาก Google ผู้นำด้านเทคโนโลยีควอนตัม [2]
“ข้อมูลทางการเงิน การธนาคาร ข้อมูลความมั่นคงทั้งทางทหารและรัฐบาล ข้อมูลทางสุขภาพของประชาชนและทุกสิ่งที่อยู่ในรูปแบบของ ดิจิทัล จะถูกแฮก อย่างง่ายดาย ถ้าจู่ๆ ประเทศใดประเทศหนึ่งทำ ควอนตัมคอมพิวเตอร์สำเร็จขึ้นมา” ดร.จิรวัฒน์ ตั้งปณิธานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Quantum technology Foundation
อ่านข้อความสั้นๆ ข้างต้นไม่กี่ข้อความน่าจะพอเป็นเหตุผลให้เราเริ่มทำความรู้จัก ควอนตัมคอมพิวเตอร์กันแล้วตั้งแต่วันนี้ ในวงการคาดว่าจะใช้เวลาพัฒนาไม่เกิน 10 ปีที่เทคโนโลยีนี้จะใช้ได้จริง
แต่ล่าสุด ต้นเดือนมกราคมเปิดปี 2023 ทั้งโลกก็เสียวสันหลังวาบ เมื่อประเทศจีนปล่อยข่าวว่านักวิจัยจีนกลุ่มหนึ่ง ถอดรหัสควอนตัมคอมพิวเตอร์สำเร็จ โดยตีพิมพ์เอกสารทางวิทยาศาสตร์ ที่มีรายงานเรื่องการถอดรหัสมาตรฐาน RSA ที่เป็นเทคโนโลยีการลงรหัสเพื่อความปลอดภัย ไม่ให้แฮคเกอร์เข้าถึงข้อมูลสำคัญได้ในหลายอุตสาหกรรม ทั้ง ธนาคาร ระบบสื่อสารโทรศัพท์ไร้สาย แหล่งจัดเก็บข้อมูลและอีกมากมาย
แต่ข่าวนี้ก็มีคนออกมาคัดค้านทันที อย่าง Andre Konig ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของ Global Quantum Intelligence ให้สัมภาษณ์กับ Decrypt ว่า “นี่เป็นการหลอกลวงครั้งใหญ่”
ความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนคิดว่า โลกนี้ยังบุญหนาที่ควอนตัมคอมพิวเตอร์ ไม่ได้จู่ๆ สำเร็จกระทันหัน ตามข่าวที่ปล่อยออกมา เพราะ อย่างแรกคือ คน และองค์กรส่วนใหญ่ในโลกยังไม่พร้อมรับพายุลูกนี้
ควอนตัมคอมพิวเตอร์ หรือ Quantum computing ว่าง่ายๆ ก็คือ เทคโนโลยี ตัวประมวลผล ในระบบที่ซับซ้อนอย่างยิ่ง และมีพลังคำนวณมหาศาล มันคำนวณได้ทุกอย่าง ตอบคำถามได้ทุกอย่าง มันมีศักยภาพเต็มที่ ที่จะเปลี่ยนโลก รวมถึงทำลายล้างโลกได้ด้วย
บริษัท Mckinsey บริษัทให้คำปรึกษาด้านการเงินรายงานว่า อุตสาหกรรมที่จะถูกกระทบหนักที่สุด อันดับ 1 คือ อุตสาหกรรมการเงิน ระบบคริปโทฯ ที่อยู่ในรูปแบบดิจิทัล หรือ Blockchain จะพังลงอย่างรวดเร็ว รองลงมาคือ อุตสาหกรรรมพลังงานและพวกไฮเทคโนโลยี
ในด้านดี เมื่อควอนตัมคอมพิวเตอร์ใช้งานได้ เราจะได้เห็นอะไรที่ต้องใช้ความพยายามยาวนาน ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว เช่น การผลิตยา ยกตัวอย่างวัคซีนโควิดเราใช้เวลากันเกิน 2 ปี ในการผลิตวัคซีนที่พอใช้ได้ออกมา แต่เทคโนโลยีควอนตัม มี Quantum Simulation จำลองสถานการณ์ โดยใส่ข้อมูลเคมีลงไปให้คอมพิวเตอร์ทำการทดลองเป็นแสนเป็นล้านเคส เพื่อหาผลลัพพ์ที่ดีที่สุดหากเกิดโรคระบาดที่ต้องการยาอย่างรวดเร็ว Quantum Simulation จะจัดยาตัวนั้นออกมาให้ได้
ใครเป็นผู้นำควอนตัวเทคโนโลยีบ้าง ก็ประเทศพัฒนาแล้ว และองค์กรเทคโนโลยีใหญ่หลายแห่งทั่วโลกกำลังตื่นตัวและเร่งพัฒนาความรู้และรับมือกับเทคโนโลยีควอนตัม นำโดยประเทศเจีนที่เป็นเจ้าของสิทธิบัตรเทคโนโลยีควอนตัมมากกว่าครึ่งหนึ่งในโลก สหรัฐอเมริกามี USA Quantum Initiative ปีนี้ 2023 ให้งบประมาณ Start up ไป 12,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และงบสำหรับรัฐบาลสหรัฐฯ 19,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทางด้านเอกชน บริษัท Google และ IBM เป็นเจ้าใหญ่ในการพัฒนาควอนตัมคอมพิวเตอร์ สำหรับประเทศไทยก็มี บริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG)
ที่เจ้าใหญ่ต้องเร่งทุ่มงบพัฒนาความรู้ในการใช้ ควอนตัมคอมพิวเตอร์อย่างหนักเพราะเทคโนโลยีนี้จะสามารถคว่ำคู่แข่งที่ได้เปรียบในตลาดชนิดหน้าหงาย แล้วจมหายไปเลย
ยกตัวอย่าง ถ้ามีบริษัทเทคโนโลยีที่พัฒนามายาวนานกว่า 30 ปี มีทั้งเงินทุนและฐานข้อมูลมหาศาล ซึ่งมีความได้เปรียบด้านการเป็นคู่แข่งในตลาดยุคนี้อย่างยิ่ง แต่ในยุคที่ควอนตัมคอมพิวเตอร์เข้ามาแล้ว บริษัทที่ใช้เทคโนโลยีควอนตัมฯ จะสามารถพัฒนาประสิทธิภาพให้เทียบเท่า หรือเหนือคู่แข่งเจ้าเก่าได้ภายในเวลาไม่ถึงปี
ถ้าถามว่า ควอนตัวคอมพิวเตอร์จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกได้อย่างไร ก็คงยังไม่มีใครตอบได้อย่างแน่ชัด เพราะเป็นเรื่องของอนาคต แต่ถ้าเราตั้งคำถามกลับว่า ในวันที่เรามีคอมพิวเตอร์ที่สามารถคำนวณทุกอย่างได้ แบบไร้ข้อจำกัด อย่างรวดเร็ว เราจะใช้มันมาทำให้เกิดประโยชน์กับเราได้ยังไง ผู้เขียนคิดว่าใครตอบคำถามนี้ได้เคลียร์ ได้เร็ว ได้ชัดเจนที่สุดทั้งในระดับองค์กร และระดับบุคคล คือ คนที่นึกออกว่า ควอนตัมคอมพิวเตอร์จะมาเปลี่ยนโลกเราได้อย่างไร
ติดตามเทคโนโลยีตัวนี้ให้ดีเพราะอีกไม่เกิน 10 ปี มันจะปรากฎตัวออกมาให้เราได้สัมผัส ถ้าคุณเป็นองค์กรเล็กเตรียมการ์ดตั้งรับ ถ้าคุณเป็นบุคคลทั่วไปเราต้องติดตามเพื่อเข้าใจภาพที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ เพราะเราไม่อยากให้การกระทำในอนาคตของเราเกิดจากความกลัวในสิ่งที่ไม่รู้
ติดตาม SPACEBAR เราจะพาคุณข้ามพรมแดนเทคโนโลยีไปด้วยกันแบบสมูท และทันเหตุการณ์
