ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เผย ดีอีเอส เร่งจัดการขั้นเด็ดขาดกับพฤติกรรมหลอกลงทุนในสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะกับ Facebook (FB) แพลตฟอร์มออนไลน์ของบริษัท Meta ที่ถือได้ว่า เป็นแอปพลิเคชันมีคนไทยใช้มากที่สุด และอีกด้านก็สร้างความเสียหายมากสุดด้วยเช่นกัน จึงจะดำเนินการยื่นฟ้องต่อศาล เพื่อขอคำสั่งปิดกั้นแพลตฟอร์มเฟซบุ๊ก ไม่ให้บริการในไทย
ทั้งนี้ มองว่า เฟซบุ๊ก เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจในไทย แต่ไม่รับผิดชอบสังคม โดยรับเงินโฆษณาจากเพจปลอม เผยแพร่ข้อความหลอกลงทุน แอบอ้างชื่อหน่วยงานสำคัญด้านการลงทุน จนเป็นเหตุให้คนไทยหลงเชื่อ สร้างความเสียหายนับแสนล้าน นี่จึงเป็นสิ่งที่ทำให้ต้องจัดการขั้นเด็ดขาด
ทั้งนี้ มองว่า เฟซบุ๊ก เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจในไทย แต่ไม่รับผิดชอบสังคม โดยรับเงินโฆษณาจากเพจปลอม เผยแพร่ข้อความหลอกลงทุน แอบอ้างชื่อหน่วยงานสำคัญด้านการลงทุน จนเป็นเหตุให้คนไทยหลงเชื่อ สร้างความเสียหายนับแสนล้าน นี่จึงเป็นสิ่งที่ทำให้ต้องจัดการขั้นเด็ดขาด
สำหรับจากสถิติการหลอกลวงผ่านโซเชียลมีเดียนั้น ด้านปริมาณพบว่า การหลอกลงทุน มีกว่า 70% หลอกขายของออนไลน์ มี 90% แต่ในด้านมูลค่า พบว่า ในตัวเลขรวมการหลอกลวงที่แสนล้านบาทนั้น มีสัดส่วนการหลอกลงทุนอยู่ที่หลัก ‘หมื่นล้านบาท’ แล้ว
ชัยวุฒิ เผยด้วยว่า ที่ผ่านมา เคยแจ้งพฤติกรรมเพจเฟซบุ๊กปลอม มาแล้วหลายครั้ง แต่เฟซบุ๊ก ก็ไม่เคยมีมาตรการที่สามารถจัดการได้อย่างราบคาบ แถมในการเรียกประชุม เพื่อหารือ-แก้ปัญหาครั้งนี้ ซึ่งได้เชิญ Meta ร่วมด้วย พร้อมคณะผู้เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.), สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) แต่เมต้า ก็ไม่ส่งตัวแทนมาเข้าร่วมแต่อย่างใด
ชัยวุฒิ เผยด้วยว่า ที่ผ่านมา เคยแจ้งพฤติกรรมเพจเฟซบุ๊กปลอม มาแล้วหลายครั้ง แต่เฟซบุ๊ก ก็ไม่เคยมีมาตรการที่สามารถจัดการได้อย่างราบคาบ แถมในการเรียกประชุม เพื่อหารือ-แก้ปัญหาครั้งนี้ ซึ่งได้เชิญ Meta ร่วมด้วย พร้อมคณะผู้เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.), สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) แต่เมต้า ก็ไม่ส่งตัวแทนมาเข้าร่วมแต่อย่างใด
“การรับเงินสนับสนุนจากเพจ ถือเป็นรายได้เข้าบริษัท บริษัทต้องตรวจสอบก่อนเผยแพร่ แต่เฟซบุ๊กก็ไม่ทำ-ไม่ตรวจสอบ-ไม่สกรีนว่าเป็นเพจปลอม-หลอกลวงหรือไม่ แถมยังเผยแพร่ข้อความ จนสร้างความเสียหาย ที่ผ่านมาแม้ดีอีเอส จะรวบรวมยูอาร์แอล เสนอขอปิด แต่เพจเหล่านี้ก็เปิดได้ใหม่ หากเสนอไปอีกก็เหมือนเป็นแมวไล่จับหนู ไม่อยากเป็น ดังนั้น ถ้าเขาปรับปรุงไม่ได้ ก็ไม่ควรทำธุรกิจในเมืองไทยอีกต่อไป” ชัยวุฒิ กล่าว
อย่างไรก็ตาม รมว.ชัยวุฒิ ยังแนะนำให้ผู้เสียหาย เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับแพลตฟอร์ม เอาผิดทั้งแพ่งและอาญา โดยดีอีเอส จะประสานตำรวจรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อฟ้องต่อศาล และขอปิดกั้นแพลตฟอร์มไม่ให้บริการในไทย เพราะไม่รับผิดชอบสังคม ทั้งยังผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ในการสมคบผู้กระทบผิด ซึ่งต้องเร่งทำภายในเดือนนี้ เพื่อฝากไว้เป็นผลงานชิ้นสุดท้าย ก่อนที่รัฐบาลใหม่จะเข้ามา
อย่างไรก็ตาม รมว.ชัยวุฒิ ยังแนะนำให้ผู้เสียหาย เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับแพลตฟอร์ม เอาผิดทั้งแพ่งและอาญา โดยดีอีเอส จะประสานตำรวจรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อฟ้องต่อศาล และขอปิดกั้นแพลตฟอร์มไม่ให้บริการในไทย เพราะไม่รับผิดชอบสังคม ทั้งยังผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ในการสมคบผู้กระทบผิด ซึ่งต้องเร่งทำภายในเดือนนี้ เพื่อฝากไว้เป็นผลงานชิ้นสุดท้าย ก่อนที่รัฐบาลใหม่จะเข้ามา
