กฟผ.- 5 บริษัทยักษ์ใหญ่ญี่ปุ่น หนุนลดปล่อยคาร์บอนภาคผลิตไฟฟ้า

7 มีนาคม 2566 - 03:53

EGAT-joins-5-top-Japanese-develop-carbon-reduction-technology-SPACEBAR-Thumbnail
  • กฟผ. มุ่งเชื้อเพลิงสะอาดเต็มสตรีม MOU 3 ฉบับกับญี่ปุ่น ร่วมพัฒนาเทคโนโลยีลดคาร์บอน

  • ชี้เป็นไปเพื่อศึกษาและพัฒนาโครงการไฮโดรเจนและแอมโมเนียสะอาดครบวงจร

กฟผ. ผสานพลัง 5 บริษัทชั้นนำของญี่ปุ่น ร่วมมือศึกษาและพัฒนา ‘ไฮโดรเจนและแอมโมเนียสะอาดครบวงจร-ผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ-พัฒนา BESS’ แลกเปลี่ยนเรียนรู้เทคโนโลยีพลังงานสะอาด หนุนลดปล่อยคาร์บอนภาคผลิตไฟฟ้า สร้างความมั่นคงทางพลังงานควบคู่สิ่งแวดล้อมที่ดี ร่วมผลักดันประเทศสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน และสร้างความยั่งยืนด้านสภาพภูมิอากาศโลก 

สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เผย ‘ไทย’ โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ลงนามความร่วมมือ (MOU) กับบริษัทชั้นนำของญี่ปุ่น 3 ฉบับ ประกอบด้วย  
  1. MOU กับบริษัท มิตซุย โอ.เอส.เค ไลน์ จำกัด, บริษัท ชิโยดะ คอร์ปอเรชั่น และบริษัท มิตซูบิชิ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อศึกษาและพัฒนาโครงการไฮโดรเจนและแอมโมเนียสะอาดครบวงจร  
  2. MOU กับบริษัท ทีทีซีแอล จำกัด (มหาชน) เพื่อศึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ  
  3. MOU กับบริษัท IHI Corporation เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีระบบแบตเตอรี่กักเก็บพลังงาน (Battery Energy Storage System : BESS)  
โดยความร่วมมือครั้งนี้ เกิดขึ้นในการประชุม 1st Asia Zero Emission Community Ministerial Meeting ซึ่งจัดขึ้นโดยรัฐบาลญี่ปุ่นและรัฐบาลไทย เมื่อ 4 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยมี นายประจวบ ดอนคำมูล ผู้ช่วยผู้ว่าการเหมืองแม่เมาะ กฟผ. และ นายนรินทร์ เผ่าวณิช ผู้ช่วยผู้ว่าการบริหารเชื้อเพลิง กฟผ. ร่วมด้วย 

นิทัศน์ วรพนพิพัฒน์ รองผู้ว่าการเชื้อเพลิง กฟผ. เผยว่า กฟผ. ให้ความสำคัญกับเทรนด์พลังงานโลกที่เปลี่ยนไปสู่พลังงานสะอาด จึงได้แสวงหาเชื้อเพลิงทางเลือกใหม่สำหรับใช้ในการผลิตไฟฟ้าที่ลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยไฮโดรเจน และแอมโมเนีย เป็นเชื้อเพลิงแห่งอนาคตที่ไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ระหว่างเผาไหม้ ขณะที่เชื้อเพลิงชีวภาพเป็นพลังงานหมุนเวียนที่สะอาดเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และ BESS เป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยบริหารจัดการกักเก็บพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้มีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น  

ความร่วมมือใน MOU ทั้ง 3 ฉบับจะช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางเทคโนโลยีจากบริษัทชั้นนำในระดับสากลนำไปสู่การขับเคลื่อนเทคโนโลยีพลังงานสะอาด เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ การนำมาใช้ในการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย ยังช่วยสร้างความมั่นคงด้านพลังงานควบคู่กับสิ่งแวดล้อมที่ดี และความยั่งยืนด้านสภาพภูมิอากาศโลกในอนาคต นับเป็นก้าวสำคัญของการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของประเทศไทย 

ทั้งนี้ กฟผ. ตั้งเป้าหมายสนองตอบนโยบายภาครัฐในการร่วมนำประเทศมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2608 โดยขับเคลื่อนภายใต้กลยุทธ์ ‘Triple S’ ได้แก่
  1. Sources Transformation เพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ปรับปรุงโรงไฟฟ้า และระบบไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยีใหม่รองรับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และนำ BESS มาใช้งาน
  2. Sink Co-creation เพิ่มแหล่งดูดซับกักเก็บคาร์บอน เดินหน้าโครงการปลูกป่าล้านไร่ รวมถึงศึกษาการนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ในการกักเก็บคาร์บอน
  3. Support Measures Mechanism ส่งเสริมการมีส่วนร่วมลดก๊าซเรือนกระจกในภาคประชาชน ผ่านโครงการฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร เป็นต้น
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/2vpTYHO2xkvarWhbk0SBqs/f1992fdaf6b7662babf53462869a01a1/EGAT-joins-5-top-Japanese-develop-carbon-reduction-technology-SPACEBAR-Photo01

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์