‘ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์’ ธอส.มองพักร่างกฎกระทรวงให้ต่างชาติซื้อที่ดินเป็นสิ่งดี

17 พ.ย. 2565 - 11:54

  • ตั้งข้อสังเกต 4 เรื่อง การที่คนจำนวนหนึ่งในสังคมยังไม่ให้การสนับสนุนนโยบายนี้

  • ชี้ไฮไลต์ออกนโยบาย ในช่วงจังหวะเวลาใกล้เปลี่ยนแปลงทางการเมือง

Economy-property-foreigners-own-land-thailand-act-SPACEBAR-Main
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคาร และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธอส. ต่อ เรื่อง ‘ครม. อนุมัติให้กระทรวงมหาดไทยถอนร่างกฎกระทรวง’

การที่ ครม.อนุมัติให้กระทรวงมหาดไทยถอนร่างกฎกระทรวงการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าวนั้น รัฐบาลได้รับทราบถึงกระแสต่อต้าน จากประชาชนส่วนหนึ่งที่ยังมีความกังวลต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้น และยังให้น้ำหนักกับมุมของผลกระทบมากกว่าประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย

ดังนั้นการที่กระทรวงมหาดไทยจะนำเรื่องดังกล่าวกลับไปรับฟังความคิดและวิเคราะห์ผลกระทบ และศึกษาเพิ่มเติมให้มีความรอบคอบ ถี่ถ้วน และครอบคลุมผู้เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน รวมไปถึงการฟังความคิดเห็นจากประชาชนนั้นเป็นสิ่งที่ดี
 

สิ่งหนึ่งที่เป็นข้อสังเกตจากกรณีที่เกิดขึ้นนี้ได้สะท้อนให้เห็นว่า การที่คนจำนวนหนึ่งในสังคมยังไม่ให้การสนับสนุนต่อนโยบายนี้ น่าจะเป็นเหตุผลหลักๆ 4 ประการ


ประการแรก คือ คนไทยจำนวนไม่น้อยยังขาดความมั่นงคงและยังไม่เห็นโอกาสที่จะมีบ้านเป็นของตนเอง จึงทำให้คนจำนวนไม่น้อยเกิดความกังวลว่า หากเปิดโอกาสให้คนต่างชาติเข้ามาซื้อที่ดินและบ้านได้ ก็จะยิ่งทำให้พวกเขาซื้อบ้านได้ยากขึ้นเพราะราคาจะแพงขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดความน้อยใจเหมือนรัฐบาลละเลยไม่ใส่ใจพวกเขาไป แต่ไปเอาใจคนต่างชาติที่มีเงิน

ประการที่สอง คือ การออกข้อกำหนดหลักเกณฑ์ในกฎกระทรวงที่เสนอขออนุมัติ อาจยังไม่ละเอียดไม่รัดกุมเพียงพอที่จะตอบคำถามสังคม จึงทำให้เกิดข้อสงสัย ข้อกังวล และข้อโจมตีจากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยและฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล เช่น การเข้ามาซื้อที่ดินแล้วไม่ปลูกสร้างบ้าน การนำเงินมาลงทุนแล้วถอนเงินลงทุนก่อนเวลาจะจัดการบ้านและที่ดินที่ซื้อไว้อย่างไร เป็นซื้อโดยไม่ต้องกำหนดระดับราคาเลยหรือไม่ มีการจัดเก็บค่าภาษีและค่าธรรมเรียมพิเศษหรือไม่ ฯลฯ เหล่านี้เป็นต้น รัฐบาลจะต้องมีแนวทางในการควบคุมหรือจัดการที่ชัดเจนและตอบข้อสงสัยกับสังคมได้ตังแต่วันแรกที่จะเสนอนโยบายนี้ออกมา อย่าใช้แนวทางแบบโยนหินถามทาง เพราะเรื่องนี้ sensitive มากต่อสังคมไทย

ประการที่สาม คือ การนำเสนอนโยบายนี้ ยังไม่ได้มีการประเมินความคุ้มค่า และผลได้ผลเสีย ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมอย่างชัดเจน เช่น ผลกกระทบว่าจะเกิดผลบวกกับทางเศรษฐกิจเป็นเม็ดเงินเท่าไร ช่วยให้เกิดการจ้างงานอย่างไร ราคาที่ดินและที่อยู่อาศัยจะแพงขึ้นเพียงใด และเมื่อเทียบกับการเปลี่ยนแปลงของรายได้ประชาชนแล้วจะเป็นอย่างไร

ประการสุดท้าย คือ นโยบายออกมาในช่วงจังหวะเวลาที่ใกล้จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง จึงทำให้นโยบายนี้กลายเป็นประเด็นทางการเมืองที่จะใช้ช่วงชิงคะแนนเสียงสนับสนุนในการเลือกตั้งที่ใกล้จะมาถึง ประกอบกับมีเหตุการณ์และข่าวเกี่ยวกับชาวต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจสีเทาด้วย จึงทำให้เกิดกระแสต่อต้านมากยิ่งขึ้น

อย่างหนึ่งที่สังคมต้องไม่ลืมคือ แม้ว่าร่างกฎกระทรวงฉบับนี้จะถูกถอนออกไปแล้ว แต่ชาวต่างชาติก็ยังซื้อที่ดินได้ตามกฎกระทรวงฯ พ.ศ. 2545 ที่ประกาศใช้อยู่มาจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ ชาวต่างชาติยังสามารถเข้ามาจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล และถือหุ้นในนามคนต่างชาติไม่เกิน 49% (และในนามคนไทยอีก 51%) ซึ่งถือเป็นนิติบุคคลสัญชาติไทยเพื่อซื้อที่ดินและที่อยู่อาศัยได้ทั่วประเทศโดยไม่ถูกกฎหมาย และใช้เงินลงทุนน้อยกว่า 40 ล้านบาทได้อีกทางหนึ่งด้วย

ดังนั้น หากรัฐบาลเห็นว่าเป็นนโยบายที่มีประโยชน์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และยังเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะช่วยดึงดูดชาวต่างชาติที่ได้รับการคัดสรรให้มาอยู่และร่วมพัฒนาประเทศไทยในอนาคต รัฐบาลจะต้องแสดงให้เห็นเป้าหมายและผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบ และสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนว่าจะเกิดผลดีมากกว่าผลเสียทั้งในทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างไร รวมถึงทำให้ให้ประชาชนมั่นใจว่า พวกเขาสามารถซื้อบ้านและที่ดินในแผ่นดินบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเขาได้เมื่อพวกเขาพร้อม
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/76wHK8zV5FphFfASSyiset/5ec994d15ce592eac1a969ecd7df6e63/Info-4-______________________________

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์