กระแสไฮป์ ChatGPT ของ OpenAI ยังแรงดีไม่มีตก ล่าสุด OpenAI ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่อย่าง GPT-4 ที่มีความสามารถเหนือกว่า ChatGPT หลายเท่าในรูปแบบ Multimodal
จากข้อมูลที่ปรากฏในเว็บไซต์ของ OpenAI เตรียมตัวได้เลยว่าเราจะได้เห็น GPT-4 ที่สามารถสร้างสรรค์ (generate) คอนเทนต์หลากหลายรูปแบบและซับซ้อนมากขึ้น ไม่ใช่แค่ตอบคำถาม เขียนบทความ เสนอไอเดีย ร่างอีเมลทั่วไป แต่มันยังสามารถตอบคำถามในภาษาหนึ่งเป็นอีกภาษาหนึ่ง ผลิตเนื้อหาที่ยาวกว่าเดิม รวมไปถึงสร้างคอนเทนต์หลายประเภทตั้งแต่ข้อความเนื้อหา (Text) รูปภาพ (Image) เสียง (Speech) และวิดีโอ (Video)
จากข้อมูลที่ปรากฏในเว็บไซต์ของ OpenAI เตรียมตัวได้เลยว่าเราจะได้เห็น GPT-4 ที่สามารถสร้างสรรค์ (generate) คอนเทนต์หลากหลายรูปแบบและซับซ้อนมากขึ้น ไม่ใช่แค่ตอบคำถาม เขียนบทความ เสนอไอเดีย ร่างอีเมลทั่วไป แต่มันยังสามารถตอบคำถามในภาษาหนึ่งเป็นอีกภาษาหนึ่ง ผลิตเนื้อหาที่ยาวกว่าเดิม รวมไปถึงสร้างคอนเทนต์หลายประเภทตั้งแต่ข้อความเนื้อหา (Text) รูปภาพ (Image) เสียง (Speech) และวิดีโอ (Video)
ความก้าวหน้าครั้งนี้อาจทำให้หลายๆ คนกังวลว่าอาชีพของตัวเองอาจถูกแทนที่ด้วย AI ในสักวัน แต่ Automation Anxiety หรือความกังวลว่าเทคโนโลยีและจักรกลอัจฉริยะอาจแย่งงานของเราไม่ใช่เรื่องใหม่ ประเด็นนี้เป็นที่ถกเถียงกันตัั้งแต่ยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรม เมื่อเครื่องจักรสามารถผลิตและแปรรูปสินค้าจำนวนมากได้มากกว่าแรงงานคน
อย่างไรก็ตามการมาถึงของ GPT-4 และ Generative AI ด้านอื่นๆ เช่น Midjourney ที่มีความสามารถโดดเด่นด้านศิลปะและความคิดสร้างสรรค์ยิ่งกระตุ้นให้คนทำงานในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (Creative Industry) เริ่มวิตกกังวลว่าอาชีพของตนเองกำลังถูกสั่นคลอนด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ในอดีตความกังวลเหล่านี้เคยเกิดขึ้นกับชนชั้นแรงงาน (Blue Collar) เท่านั้น และผู้เชี่ยวชาญมักจะมองว่าเป็นเรื่องยากที่ AI จะทดแทนแรงงานทักษะสูง (White Collar) ได้
มองในแง่ดี มันอาจไม่ใช่การแทนที่ (replace) ตำแหน่งงานอย่างเต็มรูปแบบ แต่ผู้คนจะต้องปรับตัวพัฒนาทักษะเดิมให้แหลมคมยิ่งขึ้น เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ (reskill & upskill) หรือเปลี่ยนบทบาทไปทำงานที่ต้องอาศัยทักษะ ประสบการณ์ และความเข้าใจที่ซับซ้อนกว่าที่เคย โดยใช้แอปพลิเคชัน AI เหล่านี้เป็นเครื่องมือหรือตัวช่วยในการทำงาน ดังที่สภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) ได้คาดการณ์อนาคตของการทำงานในยุคหลังโควิดว่า ในปี 2568 เมื่อระบบอัตโนมัติถูกใช้แพร่หลายมากขึ้น จะส่งผลกระทบต่องาน 85 ล้านตำแหน่ง และก่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนบทบาทหน้าที่ของแต่ละอาชีพครั้งใหญ่ ไปสู่รูปแบบการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์กับเทคโนโลยีและอัลกอริทึม
นี่อาจเป็นแค่จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคที่มนุษย์จะทำงานร่วมกับจักรกลและปัญญาประดิษฐ์กันจนเป็นเรื่องปกติใหม่ก็ว่าได้
มองในแง่ดี มันอาจไม่ใช่การแทนที่ (replace) ตำแหน่งงานอย่างเต็มรูปแบบ แต่ผู้คนจะต้องปรับตัวพัฒนาทักษะเดิมให้แหลมคมยิ่งขึ้น เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ (reskill & upskill) หรือเปลี่ยนบทบาทไปทำงานที่ต้องอาศัยทักษะ ประสบการณ์ และความเข้าใจที่ซับซ้อนกว่าที่เคย โดยใช้แอปพลิเคชัน AI เหล่านี้เป็นเครื่องมือหรือตัวช่วยในการทำงาน ดังที่สภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) ได้คาดการณ์อนาคตของการทำงานในยุคหลังโควิดว่า ในปี 2568 เมื่อระบบอัตโนมัติถูกใช้แพร่หลายมากขึ้น จะส่งผลกระทบต่องาน 85 ล้านตำแหน่ง และก่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนบทบาทหน้าที่ของแต่ละอาชีพครั้งใหญ่ ไปสู่รูปแบบการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์กับเทคโนโลยีและอัลกอริทึม
นี่อาจเป็นแค่จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคที่มนุษย์จะทำงานร่วมกับจักรกลและปัญญาประดิษฐ์กันจนเป็นเรื่องปกติใหม่ก็ว่าได้