ไม่น่าเชื่อ! ว่า สี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่เรียกว่า ‘บาร์โค้ด’ ซึ่งถูกติดบนสินค้าในหลาย ๆ อุตสาหกรรม จะสามารถบ่งบอกตัวตนของสินค้าได้ครบทุกมิติ ตั้งแต่การผลิต จัดจำหน่าย ไปจนถึงมือผู้บริโภค และนับวันจะเข้ามามีบทบาทกับกระบวนการค้าขายมากขึ้นทุกที ไม่ว่าจะเป็นการขายระดับเล็กๆ ในร้านค้าปลีก ร้านอาหาร หรือตามห้างสรรพสินค้า คลังสินค้าน้อยใหญ่ ล้วนใช้เทคโนโลยีบาร์โค้ด ในการจัดการสินค้าทั้งสิ้น
หลายคนอาจสงสัยแล้วว่า ทำไมเจ้าบาร์โค้ด ซึ่งแสดงเป็นภาพเล็กๆ ในรูปแท่ง และรูปอื่นที่ผสานกันในช่องสี่เหลี่ยม จึงจัดการความยุ่งยากในทุก ๆ อุตสาหกรรมได้ ตอบสั้นๆ ได้ว่า เพราะบาร์โค้ด มันคือ ‘หมายเลขประจำตัวสินค้า’ ที่ถ้าหากเทียบกับคน ‘บาร์โค้ด’ ก็คือ ‘บัตรประจำตัวประชาชน’ นั่นเอง
หลายคนอาจสงสัยแล้วว่า ทำไมเจ้าบาร์โค้ด ซึ่งแสดงเป็นภาพเล็กๆ ในรูปแท่ง และรูปอื่นที่ผสานกันในช่องสี่เหลี่ยม จึงจัดการความยุ่งยากในทุก ๆ อุตสาหกรรมได้ ตอบสั้นๆ ได้ว่า เพราะบาร์โค้ด มันคือ ‘หมายเลขประจำตัวสินค้า’ ที่ถ้าหากเทียบกับคน ‘บาร์โค้ด’ ก็คือ ‘บัตรประจำตัวประชาชน’ นั่นเอง
ปัจจุบัน ‘บาร์โค้ด’ ถูกนำมาใช้ในการจัดเก็บ ‘ชื่อ รหัส และราคาของสินค้า หรือในการจัดการสต๊อกสินค้า’ อาจกล่าวได้ว่า บาร์โค้ดช่วยในการตรวจสอบจำนวนสินค้าคงเหลือได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ซึ่งการใช้บาร์โค้ดในประเทศไทย ถือว่าเป็นที่นิยมมากแล้ว โดยเริ่มใช้กันมาตั้งแต่บาร์โค้ท 1 มิติ ทว่า คุณสมบัติของบาร์โค้ดแบบ 1 มิติ นั้น ตอบสนองการใช้งานได้น้อยลง หรือไม่ครอบคลุมแล้ว จากข้อจำกัดด้านการบรรจุข้อมูลที่ทำได้ไม่เกิน 20 ตัวอักษร ปัจจุบันจึงมีการพัฒนาบาร์โค้ด 2 มิติขึ้น
ดร.คมสัน เหล่าศิลปเจริญ ประธานคณะกรรมการบริหารสถาบันรหัสสากล (GS1 Thailand) เผยประเทศไทยโชคดี ที่ได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการบริหารของ GS1 Global office ขึ้นในประเทศไทย ภายใต้ชื่อ สถาบันรหัสสากล หรือ GS1 Thailand ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ทำหน้าที่บริหารการใช้งานบาร์โค้ดมาตรฐานสากล GS1 System โดยเป็นนายทะเบียนออกเลขหมายบาร์โค้ดตามมาตรฐานสากล GS1 อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย มีหน้าที่ส่งเสริมให้เกิดการใช้งานระบบมาตรฐานสากลอย่างถูกต้องตลอดทั้งซัพพลายเชนในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม
กล่าวได้ว่า บาร์โค้ด 2 มิติ เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นจากบาร์โค้ด 1 มิติ เนื่องด้วยมีคุณสมบัติที่ออกแบบมาให้บรรจุข้อมูลได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน สามารถบรรจุข้อมูลได้จำนวนมากประมาณ 4,000 ตัวอักษรหรือประมาณ 200 เท่าของบาร์โค้ด 1 มิติ ในพื้นที่เท่ากันหรือเล็กกว่า โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
รู้จักบาร์โค้ด 2 มิติ
ดร.คมสัน เหล่าศิลปเจริญ ประธานคณะกรรมการบริหารสถาบันรหัสสากล (GS1 Thailand) เผยประเทศไทยโชคดี ที่ได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการบริหารของ GS1 Global office ขึ้นในประเทศไทย ภายใต้ชื่อ สถาบันรหัสสากล หรือ GS1 Thailand ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ทำหน้าที่บริหารการใช้งานบาร์โค้ดมาตรฐานสากล GS1 System โดยเป็นนายทะเบียนออกเลขหมายบาร์โค้ดตามมาตรฐานสากล GS1 อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย มีหน้าที่ส่งเสริมให้เกิดการใช้งานระบบมาตรฐานสากลอย่างถูกต้องตลอดทั้งซัพพลายเชนในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม กล่าวได้ว่า บาร์โค้ด 2 มิติ เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นจากบาร์โค้ด 1 มิติ เนื่องด้วยมีคุณสมบัติที่ออกแบบมาให้บรรจุข้อมูลได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน สามารถบรรจุข้อมูลได้จำนวนมากประมาณ 4,000 ตัวอักษรหรือประมาณ 200 เท่าของบาร์โค้ด 1 มิติ ในพื้นที่เท่ากันหรือเล็กกว่า โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
- บาร์โค้ด 2 มิติ แบบสแต๊ก (Stacked Barcode)
- บาร์โค้ด 2 มิติ แบบเมตริกซ์ (Matrix Codes)
บาร์โค้ด ช่วยประโยชน์ใครบ้าง
แน่นอนว่า ในทางการค้าและอุตสาหกรรม ย่อมมีปริมาณสินค้ามหาศาล เทคโนโลยีบาร์โค้ด จึงเข้ามาช่วยจัดการอย่างมีประสิทธิภาพให้กับสินค้าตลอดซัพพลายเชน- ผู้ผลิต เลขหมายประจำตัวสินค้าก่อให้เกิดวิวัฒนาการด้านบรรจุภัณฑ์ โดยเลขหมายประจำตัวของผู้ผลิตแต่ละรายจะมีส่วนช่วยบ่งบอกถึงคุณภาพของสินค้า และแหล่งติดต่อของผู้ผลิต โอกาสทางการตลาดของผู้ผลิตจึงเปิดกว้างไปอีกมาก
- ผู้ค้าส่งหรือผู้นำเข้าในต่างประเทศ มีข้อมูลเกี่ยวกับผู้ผลิต หรือแหล่งผลิตที่จะสามารถจัดหาสินค้าได้สะดวกและกว้างมากขึ้น ตลอดจนมีโอกาสซื้อสินค้าที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน รวมทั้งสามารถใช้ประโยชน์ด้านระบบข้อมูลเพื่อการบริหารงาน โดยเฉพาะข้อมูลด้านการขายและสินค้าคงคลัง
- ระบบการค้าปลีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้าปลีกขนาดใหญ่ แบบ Supermarket หรือ Mass market ระบบเลขหมายประจำตัวสินค้าและสัญลักษณ์รหัสแท่ง จะช่วยให้การคิดเงินและการเก็บเงินของพนักงานถูกต้อง และรวดเร็วมาก จึงสามารถบริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังไม่ต้องติดป้ายบอกราคาสินค้า ซึ่งมีเป็นจำนวนมากบนสินค้าแต่ละชิ้น ทำให้ลดปริมาณงานลง และสะดวกต่อการปรับราคาขาย
ค้าปลีก นำร่องใช้บาร์โค้ด 2 มิติ กับอาหารสด
ด้วยจุดเด่นของบาร์โค้ด 2 มิติ ที่สามารถใส่ข้อมูลได้หลากหลาย จึงเริ่มเข้ามามีบทบาท โดยเป็นสัญลักษณ์บนบรรจุภัณฑ์ที่กำลังจะเข้ามาปฏิรูปอาหารสดในการค้าปลีก และเป็นสัญลักษณ์เดียวที่ทำให้ข้อมูลต่างๆ ของสินค้าสามารถสแกนพร้อมกันได้ ณ จุดขาย ได้แก่ หมายเลข Batch / Lot หมายเลขซีเรียล วันที่ควรบริโภคก่อน วันหมดอายุ วันที่บรรจุ น้ำหนัก และราคาของสินค้า
ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เองที่ช่วยส่งเสริมความปลอดภัยทางด้านอาหารสำหรับผู้บริโภค โดยสามารถป้องกันการขายสินค้าที่หมดอายุ ได้ทันทีที่เครื่องชำระเงิน โดยมีหลักการ คือเมื่อสินค้าที่หมดอายุถูกสแกน ณ จุดขาย ข้อมูลที่อยู่ในบาร์โค้ด 2 มิติ จะแจ้งเตือนลูกค้าและห้ามไม่ให้มีการซื้อสินค้าเหล่านั้น บาร์โค้ด 2 มิติ ตามมาตรฐานสากล GS1 จึงเป็นเทรนด์ใหม่ที่กลุ่มค้าปลีกทั่วโลกให้ความสนใจและเริ่มนำร่องการใช้งานบาร์โค้ด 2 มิติเหล่านี้
ทั้งนี้ เทคโนโลยีบาร์โค้ด 2 มิติ ชนิด GS1 DataMatrix ถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อพัฒนาความปลอดภัยและตอบสนองความต้องการในทุก ๆ ภาคอุตสาหกรรมแล้ว อาทิ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมอวกาศ อุตสาหกรรมเคมี อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมเสื้อผ้า และเหมาะอย่างยิ่งกับอุตสาหกรรม healthcare เนื่องจากมีขนาดเล็ก เราจึงสามารถเห็นบาร์โค้ด GS1 DataMatrix บนบรรจุภัณฑ์ยา อุปกรณ์ทางการแพทย์ เป็นต้น
ทั้งนี้ เทคโนโลยีบาร์โค้ด 2 มิติ ชนิด GS1 DataMatrix ถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อพัฒนาความปลอดภัยและตอบสนองความต้องการในทุก ๆ ภาคอุตสาหกรรมแล้ว อาทิ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมอวกาศ อุตสาหกรรมเคมี อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมเสื้อผ้า และเหมาะอย่างยิ่งกับอุตสาหกรรม healthcare เนื่องจากมีขนาดเล็ก เราจึงสามารถเห็นบาร์โค้ด GS1 DataMatrix บนบรรจุภัณฑ์ยา อุปกรณ์ทางการแพทย์ เป็นต้น
ปัจจุบันองค์กร GS1 มีสำนักงานกระจายอยู่กว่า 120 ประเทศทั่วโลก และระบบมาตรฐานสากล GS1 มีการใช้งานครอบคลุมกว่า 150 ประเทศทั่วโลก การที่ประเทศไทยได้รับแต่งตั้ง เป็น GS1 Thailand นั่นย่อมหมายความว่า ผู้ประกอบการจะสามารถทำการค้ากับทุกๆ ประเทศได้โดยสะดวก จากมาตรฐานเดียวกัน นั่นเอง
และด้วยวิวัฒนาการที่ไม่หยุดยั้ง เทคโนโลยีบาร์โค้ดจึงเข้าสู่บาร์โค้ด 3 มิติ (Barcode 3D) ด้วยแล้ว โดยคุณสมบัติที่เพิ่มเติมของบาร์โค้ด 3 มิติ คือจะติดบนวัตถุได้นาน ทนต่อสภาพแวดล้อม โดยการยิงเลเซอร์ หรือทำการสลักตัวบาร์โค้ด ลงไปบนเนื้อวัตถุโดยตรง ทำให้บาร์โค้ดมีลักษณะนูนสูงขึ้นมา โดยเราจะพบเห็นลักษณะบาร์โค้ด 3D ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องมือแพทย์ แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์
และด้วยวิวัฒนาการที่ไม่หยุดยั้ง เทคโนโลยีบาร์โค้ดจึงเข้าสู่บาร์โค้ด 3 มิติ (Barcode 3D) ด้วยแล้ว โดยคุณสมบัติที่เพิ่มเติมของบาร์โค้ด 3 มิติ คือจะติดบนวัตถุได้นาน ทนต่อสภาพแวดล้อม โดยการยิงเลเซอร์ หรือทำการสลักตัวบาร์โค้ด ลงไปบนเนื้อวัตถุโดยตรง ทำให้บาร์โค้ดมีลักษณะนูนสูงขึ้นมา โดยเราจะพบเห็นลักษณะบาร์โค้ด 3D ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องมือแพทย์ แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์