ในช่วงไตรมาส3 ปีนี้ที่ผ่านมา หลังจาก บริษัท เบิร์กไชร์ แฮธะเวย์ อิงค์ ของวอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) ซึ่งถือหุ้นใหญ่ราว 38.37% ใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เข้าซื้อหุ้นบริษัทไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง โค (TSMC) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปชั้นนำของโลกจากไต้หวัน
ขณะที่ การลงทุนของ บัฟเฟตต์ ในครั้งนี้ค่อนข้างสร้างความประหลาดใจให้กับเหล่านักลงทุนทั่วโลกไม่ใช่น้อย ด้วยเป็นที่รู้ๆ กันว่า นักลงทุนวัย 92 ปีรายนี้ เลือกจะเลี่ยงการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ด้วยเหตุจะไม่ลงทุนในธุรกิจที่ไม่เข้าใจถ่องแท้
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับการผลิตชิป และมีแนวโน้มเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต ด้วยจะเป็นส่วนหนึ่งของการขยายตัวของอุตสาหกรรมใหม่ ด้านเทคโนโลยีทั้งทางตรงและทางอ้อม อย่างอุตฯ รถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ตลอดจนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และแอปพลิเคชันเชื่อมต่อบ้านอัจฉริยะ (Smart Home) ซึ่งยังรวมไปถึงในกลุ่มองค์กรธุรกิจไฮเทคระดับโลก ที่จำเป็นต้องใช้ชิปเป็นส่วนประกอบหลักของการขยายตัวบริการคลาวด์ เพื่อนำไปใช้ในศูนย์ข้อมูล (Data Center) ด้วยเช่นกัน
สอดคล้องกับ หลักทรัพย์กสิกรไทย ระบุถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลบวกต่อ Sentiment ของการลงทุนกลุ่ม เซมิคอนดักเตอร์ หลังจากในช่วงเดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นปรับตัวลดลงต่ำสุดในรอบ 2 ปี โดยเกิดจากปัจจัยลบด้านอุปสงค์ของตลาด เซมิคอนดักเตอร์ ที่ชะลอตัวทั่วโลก
และต่อไปนี้ คือ 10 อันดับหุ้นกลุ่มบริษัท เซมิคอนดักเตอร์ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
หุ้นกลุ่ม เซมิคอนดักเตอร์ จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยนักลงทุนต้องแลกเงินเป็นสกุล USD เพื่อทำการซื้อขาย ซึ่งมีขั้นต่ำในการซื้อขายเป็นจำนวน 1 หุ้น (Trade Lot = 1)
สำหรับหุ้น Taiwan Semiconductor (TSM) – จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ NYSE ประเทศสหรัฐฯ (ในรูปแบบของ ADR – American Depository Receipt) ซึ่งใช้ Ticker Code ในการซื้อขายว่า TSM US
โดยนักลงทุนต้องแลกเงินเป็นสกุล USD เพื่อทำการซื้อขาย ซึ่งมีขั้นต่ำในการซื้อขายเป็นจำนวน 1 หุ้น (Trade Lot = 1)
1 TSM (ADR) = 5 หุ้นของ Taiwan Semiconductor (Ticker Code คือ 2330 TT) ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Taiwan Stock Exchange, ไต้หวัน (สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนใน US ADR จะมีค่าธรรมเนียมอื่นๆ ในการถือครองหุ้นเป็นรายปี นอกเหนือจากค่าคอมมิชชัน)
ขณะที่ การลงทุนของ บัฟเฟตต์ ในครั้งนี้ค่อนข้างสร้างความประหลาดใจให้กับเหล่านักลงทุนทั่วโลกไม่ใช่น้อย ด้วยเป็นที่รู้ๆ กันว่า นักลงทุนวัย 92 ปีรายนี้ เลือกจะเลี่ยงการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ด้วยเหตุจะไม่ลงทุนในธุรกิจที่ไม่เข้าใจถ่องแท้
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับการผลิตชิป และมีแนวโน้มเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต ด้วยจะเป็นส่วนหนึ่งของการขยายตัวของอุตสาหกรรมใหม่ ด้านเทคโนโลยีทั้งทางตรงและทางอ้อม อย่างอุตฯ รถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ตลอดจนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และแอปพลิเคชันเชื่อมต่อบ้านอัจฉริยะ (Smart Home) ซึ่งยังรวมไปถึงในกลุ่มองค์กรธุรกิจไฮเทคระดับโลก ที่จำเป็นต้องใช้ชิปเป็นส่วนประกอบหลักของการขยายตัวบริการคลาวด์ เพื่อนำไปใช้ในศูนย์ข้อมูล (Data Center) ด้วยเช่นกัน
สอดคล้องกับ หลักทรัพย์กสิกรไทย ระบุถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลบวกต่อ Sentiment ของการลงทุนกลุ่ม เซมิคอนดักเตอร์ หลังจากในช่วงเดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นปรับตัวลดลงต่ำสุดในรอบ 2 ปี โดยเกิดจากปัจจัยลบด้านอุปสงค์ของตลาด เซมิคอนดักเตอร์ ที่ชะลอตัวทั่วโลก
และต่อไปนี้ คือ 10 อันดับหุ้นกลุ่มบริษัท เซมิคอนดักเตอร์ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
- TAIWAN SEMICONDUCTOR-SP ADR
- NVIDIA CORP
- BROADCOM INC
- TEXAS INSTRUMENTS INC
- QUALCOMM INC
- ADVANCED MICRO DEVICES
- INTEL CORP
- ANALOG DEVICES INC
- MICRON TECHNOLOGY INC
- NXP SEMICONDUCTORS NV
หุ้นกลุ่ม เซมิคอนดักเตอร์ จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยนักลงทุนต้องแลกเงินเป็นสกุล USD เพื่อทำการซื้อขาย ซึ่งมีขั้นต่ำในการซื้อขายเป็นจำนวน 1 หุ้น (Trade Lot = 1)
สำหรับหุ้น Taiwan Semiconductor (TSM) – จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ NYSE ประเทศสหรัฐฯ (ในรูปแบบของ ADR – American Depository Receipt) ซึ่งใช้ Ticker Code ในการซื้อขายว่า TSM US
โดยนักลงทุนต้องแลกเงินเป็นสกุล USD เพื่อทำการซื้อขาย ซึ่งมีขั้นต่ำในการซื้อขายเป็นจำนวน 1 หุ้น (Trade Lot = 1)
1 TSM (ADR) = 5 หุ้นของ Taiwan Semiconductor (Ticker Code คือ 2330 TT) ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Taiwan Stock Exchange, ไต้หวัน (สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนใน US ADR จะมีค่าธรรมเนียมอื่นๆ ในการถือครองหุ้นเป็นรายปี นอกเหนือจากค่าคอมมิชชัน)