SGC เข้าตลาดฯ ระดมทุนปั้นพอร์ตสินเชื่อลูกค้าฐานรากโตพุ่ง

18 พ.ย. 2565 - 05:14

  • เคาะราคา IPO 3.90 บาท/หุ้น ขาย ปชช. ทั่วไป 29 – 30 พฤศจิกายน และ 1 – 2 ธันวาคมนี้

  • ชูสินเชื่อรถทำเงินโตก้าวกระโดด พร้อมมุ่งสู่ผู้นำธุรกิจสินเชื่อและสินเชื่อเช่าซื้อ

Investment-sgc-leasing-car-ipo-stock-market-SPACEBAR-Thumbnail
บุษบา กุลศิริธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC เปิดเผยว่า เอสจี แคปปิตอล  หรือ SGCบริษัทในกลุ่มซิงเกอร์ประเทศไทย วางแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เพื่อตอกย้ำความแข็งแกร่ง ของ SGC ในฐานะผู้ให้บริการด้านสินเชื่อและผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ที่ต่อยอดมาจาก บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) ด้วยผลดำเนินงานเติบโตโดดเด่นในกลุ่มสินเชื่อประเภทให้เช่าซื้อรถยนต์แบบโอนกรรมสิทธิ์เล่มทะเบียน และสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน ภายใต้แบรนด์ ‘รถทำเงิน’ โดยเฉพาะประเภทรถบรรทุก และการขยายไปยังธุรกิจการให้สินเชื่อต่างๆ อย่างครอบคลุม   

“การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นหนึ่งในแผนงานสำคัญของ SGC ที่จะช่วยเสริมศักยภาพการเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ พร้อมวางเป้าหมายการเติบโตของมูลค่าลูกหนี้พอร์ตสินเชื่อทะยานสู่ 50,000 ล้านบาท ภายในปี 2569 จาก ณ สิ้นไตรมาส 3/2565 มีมูลค่าลูกหนี้ 15,102 ล้านบาท สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนเล็งเห็นโอกาสจากการระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจในครั้งนี้ ให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ” บุษบา กล่าว  

ทั้งนี้ SGC จะเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน820 ล้านหุ้น คิดเป็น 25.08% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนในครั้งนี้ โดยมี SINGER ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในสัดส่วนก่อน IPO 100% จะยังคงถือหุ้น SGC หลัง IPO ในสัดส่วนที่ประมาณ 74.92%  

โดยล่าสุด SGC ลงนามในสัญญาการเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชน (IPO) โดยแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม พร้อมด้วย บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ในฐานะผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย โดยมี บริษัทที่ปรึกษา เอเซีย พลัสจำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะปรึกษาทางการเงินร่วม  

ยอดฤดี สันตติกุล กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม เปิดเผยว่า SGC ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกที่ราคา 3.90 บาทต่อหุ้น มูลค่าการเสนอขายรวม 3,198 ล้านบาท กำหนดเปิดจองซื้อให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของ บมจ. ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) ที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรตามสัดส่วนการถือหุ้น (Pre-Emptive Rights) ในอัตราส่วน 1.4326 หุ้นสามัญของบริษัทต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุนของ SGC ระหว่างวันที่ 21 - 25 พฤศจิกายนนี้  

ส่วนประชาชนทั่วไป และบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ สามารถจองซื้อหุ้น IPO ได้ในวันที่ 29 – 30 พฤศจิกายน และวันที่ 1 – 2 ธันวาคมนี้ โดยคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ช่วงกลางเดือนธันวาคมนี้ ในหมวดธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ ในชื่อย่อหลักทรัพย์ว่า ‘SGC’

วันทนา เพชรฤกษ์วงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัท หลักทรัพย์เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)  ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วม และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม กล่าวเสริมว่า SGC จะนำเงินจากการระดมทุนไปใช้ขยายธุรกิจการให้บริการสินเชื่อเพื่อรองรับลูกค้ารายใหม่ และนำเงินทุนบางส่วนไปเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของบริษัทฯ จำนวนเงินประมาณ 1,500 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนกลยุทธ์การเติบโต  และข้อจำกัดด้านต้นทุนทางการเงินที่คาดว่าจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ  

รวมทั้ง ใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมบางส่วนจากผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯ (บมจ. ซิงเกอร์ประเทศไทย(SINGER) จำนวนเงินประมาณ 1,600 ล้านบาท คาดว่าจะชำระคืนภายในไตรมาส 3 ปี 2566 จึงมั่นใจว่า การระดมทุนครั้งนี้ จะสนับสนุนความน่าสนใจให้ SGC มีแนวโน้มผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งต่อเนื่องในอนาคต และมีสถานภาพทางการเงินที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น 

ปัจจุบัน SGC มีเครือข่ายดีลเลอร์ (Dealer) และตัวแทน (Agent) ในกลุ่มสินเชื่อรถทำเงินที่หลากหลายจำนวน 1,859 ราย และการเข้าถึงลูกค้าผ่านเครือข่ายสาขาและสาขาแฟรนไชส์ของบริษัทในเครือที่มีอยู่กว่า 4,154 สาขา ครอบคลุมทุกภูมิภาคในประเทศไทย  

โดยผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2565 มี รายได้รวมอยู่ที่ 1,665 ล้านบาท เติบโต 27% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีสัดส่วนรายได้หลักมาจากรายได้ดอกเบี้ย ประกอบด้วย รายได้ดอกเบี้ยจากสินเชื่อรถทำเงิน 46% และรายได้ดอกเบี้ยจากสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องจักร สัดส่วน 51% ที่เหลือเป็นรายได้ดอกเบี้ยสินเชื่อสวัสดิการพนักงาน และดอกเบี้ยสินเชื่อผ่อนทองและสินเชื่ออื่นๆ และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 467 ล้านบาท พร้อมด้วยการควบคุมลูกหนี้ที่มีการด้อยค่าด้านเครดิต (NPL) ต่อสินเชื่อรวมอยู่ในระดับต่ำที่ 3.7 %
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/63dWtK4VlWqDkoWa0NEsoN/0367674797043df0b8a6e2fb6833dca5/Investment-sgc-leasing-car-ipo-stock-market-SPACEBAR-Photo01
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/8Oy9o0og7mMN7UmqX7ywz/464ad8fd06e0ab2ed2b4f36ad98947e9/Investment-sgc-leasing-car-ipo-stock-market-SPACEBAR-Photo02

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์