บับเบิล.อิงค์ มองมรสุมเศรษฐกิจโลกลากยาว 4 ปี แนะลงทุนคริปโทฯ ทองคำ

29 พ.ย. 2565 - 09:19

  • หากราคาสกุลเงินดิจิทัลที่หนุนด้วยทองคำ ช่วยลดความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดสกุลเงินดิจิทัลและสร้าง Real Yeild ผลตอบแทนแท้จริงแก่นักลงทุน

Investment-crypto-bubble-inc -SPACEBAR-Hero
ธัญวลัย อนันต์พิชัยเดช ผู้ก่อตั้ง และประธานกรรมการบริหารบริษัท บับเบิล.อิงค์ เปิดเผยว่า ในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจของโลกขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็น ความปั่นป่วนในตลาดการเงินโลก ทั้งตลาดทุนและตลาดคริปโท ภาวะเงินเฟ้อเศรษฐกิจถดถอย หรือปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ ฯลฯ ล้วนทำให้หลายคนมองว่า ตลาดคริปโท นั้นจะไปต่อไหวหรือไม่ ทั้งวิกฤตคริปโทขณะนี้ก็สร้างความสั่นคลอน ในอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี เป็นอย่างมาก 

“มองว่ามรสุมเศรษฐกิจนี้จะยังคงมีต่อไปอีกอย่างน้อย 4 ปี กว่า Fed จะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย และเศรษฐกิจอยู่ในระดับ Bottom Out และเงินเฟ้อคงที่ ฉะนั้นโปรเจกต์คริปโทที่จะอยู่รอดได้จะต้องสร้าง Real Yeild หรือผลตอบแทนที่แท้จริงแก่นักลงทุน และเป็นโปรเจกท์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์การใช้งานของสังคม บับเบิ้ล.อิงค์จึงมุ่งไปที่การพัฒนาเรื่อง Asset Tokenization หรือการแปลงสินทรัพย์เป็นสินทรัพย์ดิจิทัล ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้นักลงทุนเข้าถึงสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ ที่มีความหลากหลายได้ง่ายไม่ว่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ หุ้น ผลงานศิลปะ ผลิตภัณฑ์ในโลกบันเทิงต่าง ๆ  โดยเราจะทำเหรียญคริปโททองคำ เป็นโปรเจกท์แรก”   

สกุลเงินดิจิทัลที่หนุนด้วยทองคำ Gold Backed Digital Token เป็นหนึ่งใน Investment Token ที่ถือเป็นทางเลือกใหม่ในการลงทุนที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น ในการลงทุนในทองคำจริง โดยเฉพาะในช่วงฝ่าเงินเฟ้อและภาวะความขัดแย้งระหว่างประเทศทองคำจะถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์คงคลังที่มีค่า  

“หลายคนมองว่าทองคำเป็น Money Metals ด้วยซ้ำ การเคลื่อนไหวของราคาเหรียญ จะผูกโยงกับราคาทองคำในตลาดโลก หากมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลง ราคาของสกุลเงินดิจิทัลที่หนุนด้วยทองคำ ก็จะปรับตัวตามเช่นกัน ซึ่งจะช่วยลดความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดสกุลเงินดิจิทัลและสร้าง Real Yeild ได้” ธัญวลัย กล่าว 

นอกจากนั้น บับเบิล.อิงค์ ยังสานต่อโปรเจกต์บล็อกเชนด้าน privacy ชื่อ bo.network มีเป้าหมายเพื่อให้ความเป็นส่วนตัวแก่สินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมดและเชื่อมต่อสกุลเงินดิจิทัล (cryptocurrencies)  กับการใช้งานจริงทางธุรกิจ  

สำหรับ bo.network นี้ จะเป็นเครือข่ายที่เชื่อมสินทรัพย์ดิจิทัลทุกประเภทในโลกนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็น คริปโทเคอร์เรนซี ดิจิทัลโทเคน ที่ทำงานแทนธนบัตรหรือเงินสดที่ออกโดยธนาคารในทุก ๆ ประเทศสามารถทำธุรกรรมที่มีความเป็นส่วนตัวได้  

โดยยังใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อรักษาคุณสมบัติในความโปร่งใส ตรวจสอบได้อยู่ ซึ่งข้อมูลธุรกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น จะถูกกำหนดการเข้าถึงเฉพาะร้านค้า และผู้ซื้อสินค้าเท่านั้นก็จะเปรียบเหมือนมือนการใช้ธนบัตร ในรูปแบบดิจิทัลอย่างแท้จริง 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์