YLG ชี้ปี 2565 คนไทยหันสะสมทองคำมากขึ้น ดันพอร์ตรายย่อยโต 67 %

28 พ.ย. 2565 - 10:43

  • จาก 3 ปัจจัยหลัก หนุนนักลงทุนเข้าถึงผลิตภัณฑ์ง่ายขึ้น

  • รับราคาสินทรัพย์เสี่ยงในตลาดโลกปรับตัวลดลง แต่ทองคำยังทรงตัวดี

  • พร้อมแนะจังหวะเก็งกำไรทองคำระยะสั้นซื้อ-ขายในกรอบ

Investment-gold-ylg-platform-saving-SPACEBAR-Thumbnail
พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ผู้นำเข้าและส่งออกทองคำแท่งรายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่าในปีนี้คนไทยหันมาสนใจการสะสมทองคำมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้ารายย่อย ที่เติบโตขึ้น 67% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการเติบโตทั้งจากลูกค้าบริการออมทอง ผ่าน บริการออมทอง ‘YLG GOLD SAVING’ และบริการเทรดทองคำ 99.99% กับ YLG ผ่านฟีเจอร์ Gold Wallet บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง 2 บริการนี้ถือเป็นบริการที่เข้าถึงคนไทยทั่วทั้งประเทศ  

โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหมที่ต้องการเข้ามาลงทุนในทองคำ แต่ก่อนนี้ไม่มีโอกาสเนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง ดังนั้นวายแอลจีจึงได้เน้นไปที่บริการในรูปแบบออนไลน์ และปรับรูปแบบการซื้อขั้นต่ำด้วยเงินลงทุนไม่มากเพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงทองคำให้กับนักลงทุนทุก Generation สามารถรองรับการซื้อขายทองคำได้ในทุกที่ ทุกเวลา ผ่านสมาร์ตโฟน 

สำหรับบริการออมทอง YLG GOLD SAVING เป็นบริการที่กำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 100 บาท ในรูปแบบการออมสะสม เป็นบริการได้รับการตอบรับดีเกินคาด เนื่องจากเปิดบริการทุกวัน ไม่เว้นวันเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งปกติวันเสาร์-อาทิตย์จะไม่มีการอัปเดตความเคลื่อนไหวของราคาทอง แต่ YLG เล็งเห็นความสำคัญตรงจุดนี้  จึงเปิดตลาดราคาทอง เพื่อตอบโจทย์ให้นักลงทุนสามารถออมทองในวันหยุดได้ จุดเด่นที่ผู้ออมสนใจเข้ามาลงทุนแบบออมทองคือผู้ออมสามารถกำหนดราคาการเข้าซื้อทองได้เองจากการดูราคาเคลื่อนไหวแบบเรียลไทม์ สามารถเข้าซื้อทองคำในรูปแบบการออมทองได้ในราคาที่ต้องการตลอด 24 ชั่วโมง  

โดยมีขั้นตอนง่ายๆ ผ่านสมาร์ตโฟนหรือดีไวซ์ต่างๆ ซึ่งผู้ออมที่สะสมทองคำไปจนครบจำนวน 1 กรัมขึ้นไป สามารถเลือกได้ว่าจะไถ่ถอนนำทองคำกลับไป หรือถอนเป็นเงินสด หรือ จะออมต่อเนื่อง ซึ่งขั้นตอนการสมัครง่ายๆ เพียงเปิดบัญชีออมทองที่ www.ylggoldsaving.com ใช้เอกสารเปิดบัญชีเพียง 3 อย่าง ประกอบด้วย บัตรประจำตัวประชาชน รูปถ่ายคู่กับบัตรประชาชน และหน้าสมุดบัญชีเงินฝาก 

ส่วนบริการซื้อ - ขายทองคำผ่านกับ ‘YLG ผ่าน Gold Wallet’ บนแอปพลิเคชัน ‘เป๋าตัง’ วายแอลจี จึงได้ร่วมกับ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB  เพื่อเพิ่มช่องทางบริการให้เข้าถึงคนไทยได้มากขึ้น เป็นบริการการซื้อขายทองคำประเภท 99.99% ซึ่งเป็นทองคำมาตรฐานโลก ด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่ช่วยให้ผู้ซื้อปิดความเสี่ยงในเรื่องความผันผวนของค่าเงินบาท  

โดยเฉพาะในปี 2565 ที่ค่าเงินบาทมีช่วงที่อ่อนค่าลงไปอย่างมาก จึงส่งผลให้ทองคำซึ่งเป็นสินค้านำเข้ามีราคาสูงขึ้น นอกจากนี้บริการกับ YLG ผ่าน Gold Wallet ยังมีความน่าสนใจอีกหลายด้านเพราะไม่มีค่าธรรมเนียม เปิดบัญชีซื้อ- ขายทองฟรี ไม่ต้องวางเงินประกัน เปิดบัญชีง่าย ซื้อขายได้รวดเร็ว ลงทุนทองได้อย่างปลอดภัยไร้ข้อกังวล ซื้อ - ขายได้ในวันจันทร์ – ศุกร์ เวลาทำการ 07.00-02.00 น. (ตี 2 ของวันถัดไป)  

สำหรับการซื้อขายสามารถแลกเปลี่ยนสกุลเงินบาท เป็นดอลลาร์สหรัฐ ได้ในระบบบนแอปพลิเคชันได้แบบครบวงจร รวมถึง YLG บนแอปฯ เป๋าตัง ยังมีจุดเด่นอีก 4 ด้าน คือ
  1. ซื้อขายได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ด้วยราคาเรียลไทม์
  2. ซื้อ - ขาย ทองต่อครั้งด้วย ขั้นต่ำ 0.1 ออนซ์ สูงสุดแบบเต็มเพดาน ได้สูงสุดถึง 700 ออนซ์ หรือ 20 กิโลกรัม
  3. เพิ่มทางเลือกในการซื้อ - ขายทองคำความบริสุทธ์ 99.99 มาตรฐานระดับโลก
  4. เลือกดีไซน์ทองได้มากกว่า สามารถเลือกรับทองคำจริงได้ทั้งเหรียญทองคำเเละทองเเท่ง ซึ่งจุดนี้ถือว่าแตกต่างจากผู้ให้บริการทั่วไปที่มีเฉพาะทองคำแท่งเท่านั้น
ทั้งนี้มองว่าปัจจัยที่ทำให้ 2 บริการได้รับการตอบรับที่ดีจากคนไทย มาจาก 3 ด้าน คือ
  1. เป็นบริการที่ใช้เงินลงทุนขั้นต่ำน้อย
  2. เข้าถึงง่ายจากทุกพื้นที่ของไทยด้วยเทคโนโลยี และยังสามารถซื้อ - ขาย แบบเรียลไทม์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
  3. วายแอลจีเปิดให้บริการในจังหวะที่นักลงทุนกำลังต้องการทางเลือกในการลงทุน  

“เพราะปีนี้สินทรัพย์เสี่ยงหลายประเภทปรับตัวลดลง แต่ราคาทองคำยังทรงตัวได้ดีถึงแม้ว่าปีนี้จะเป็นปีที่อยู่ในสถานการณ์ดอกเบี้ยขอขึ้นก็ตาม ส่วนผู้ที่ต้องการเข้ามาลงทุนทองคำในช่วงนี้ ระยะสั้นมองแนวโน้มการเคลื่อนไหวในลักษณะปรับฐาน  หลังจากที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นแรงในกช่วงต้นเดือนพ.ย.  โดยมีแนวรับที่ 1,729-1,711  ดอลลาร์ต่อออนซ์  แนวต้านที่ 1,772-1,790 ดอลลาร์ต่อออนซ์. ส่วนทองคำในประเทศคาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30,000-29,000 บาทต่อบาททองคำ” 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์