รัฐ ตามติด ‘ค่าไฟ’ ใกล้ชิด ย้ำ 4 กลยุทธ์ MEA ‘ปิด-ปรับ-ปลด-เปลี่ยน’

21 เม.ย. 2566 - 07:05

  • รัฐ ให้คำมั่น กำลังตามติดค่าไฟใกล้ชิด เบื้องต้นแนะปฏิบัติตาม 4 กลยุทธ์การไฟฟ้า ที่แนะ ‘ปิด ปรับ ปลด เปลี่ยน’

  • ชี้ ช่วยชะลอการพุ่งขึ้นของค่าไฟ ได้

MEA-electric-bill-summer-Close-Adjust-Disengage-Change-SPACEBAR-Hero
ยังคงใช้การได้เสมอ สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดไหนที่ไม่ได้ใช้ใช้ ก็ ‘ปลดปลั๊กออกจากเต้า’ เป็นวิธีการง่ายๆ วิธีหนึ่งสำหรับการ ‘ลดค่าใช้จ่าย’ ค่าไฟ ที่เชื่อว่า หลายท่านก็รู้ๆ กันอยู่ แต่ที่มาย้ำเตือน ก็เพราะเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการค่าไฟ ที่ขณะนี้ต้องบอกว่า ค่าไฟทุกบ้าน ‘พุ่งสูง’ อันมาจากความร้อนจัดของสภาพอากาศที่ทำให้คนอยู่ในบ้าน ต้องเฮโลพาเครื่องใช้ไฟฟ้าแทบทุกชนิด ที่ช่วยสร้างความเย็น มาเปิดพร้อมๆ กัน นั่นจึงเป็นเหตุให้มิเตอร์ค่าไฟ หมุน หมุน หมุน ... ไม่ได้หยุดหย่อน 

การไฟฟ้านครหลวง หรือ MEA มีข้อแนะนำการประหยัดไฟฟ้าโดยให้ยึดหลักง่ายๆ ‘ปิด-ปรับ-ปลด-เปลี่ยน’ มีอะไรบ้าง? มาดูกัน 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/1hce1a69G7EkROKXkQflRj/7cf8591c4875a006ab73c1c6afed644f/MEA-electric-bill-summer-Close-Adjust-Disengage-Change-SPACEBAR-Photo02
กลยุทธ์ 4 หลัก ‘ประหยัดไฟฟ้า’  
สำหรับหลักการ ‘ปิด-ปรับ-ปลด-เปลี่ยน’ ที่ MEA แนะนำ ประกอบด้วย  
  • ‘ปิด’ : ไฟส่องสว่าง ‘ดวงที่ไม่ใช้’  
  • ‘ปรับ’ : ปรับลดอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศ มาอยู่ที่ระดับ 26-27 องศาเซลเซียส พร้อมเปิดพัดลมควบคู่ จะเป็นการช่วยให้ประหยัดพลังงานได้ 
  • ‘ปลด’ : ปลดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช้งาน ดังที่กล่าวข้างต้น และเปลี่ยนไปใช้เครื่องปรับอากาศที่มีค่าประสิทธิภาพสูง ที่สำคัญ ต้องหมั่นล้างเครื่องปรับอากาศ อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน 
  • ‘เปลี่ยน’ : เปลี่ยนพฤติกรรม ไม่เปิด-ปิดตู้เย็นบ่อย ไม่ตุนอาหารในตู้เย็นเกินจำเป็น ตรวจขอบยางประตูตู้เย็นให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน และเปลี่ยนที่ 2 คือ ‘เปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED’ เลือกใช้อุปกรณ์ประหยัดไฟฟ้า (เบอร์ 5)  
อย่างไรก็ตาม แม้วิธีที่กล่าวในข้างต้น จะเป็นการช่วยได้ทีละเล็กละน้อย แต่เมื่อเทียบการใช้ไฟฟ้าในเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายประเภท ก็จะสามารถช่วยลดค่าไฟได้มาก โดยเฉพาะการต้องทำงาน WFH ซึ่งต้องพึ่งพาไฟฟ้า หลายชนิด ในการดำรงชีวิตให้รอดจากความร้อน และทำงานได้อย่างปกติสุข 

ด้านรัฐ ย้ำ ติดตามดูแลสถานการณ์ไฟฟ้าใกล้ชิด 
สำหรับประเด็น ‘ค่าไฟพุ่ง 30-50%’ ซึ่งพบตามโซเชียล ที่ประชาชนนำข้อความโพสต์ไว้นั้น โฆษกรัฐบาล ‘อนุชา บูรพชัยศรี’ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี) ออกมาย้ำ นายกรัฐมนตรี ‘พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา’ สั่งการผู้เกี่ยวข้องติดตามเรื่องค่าไฟฟ้าใกล้ชิด โดยพยายามช่วยเหลือ เพื่อให้ประชาชนกระทบน้อยที่สุด เบื้องต้น ให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้า ตามที่การไฟฟ้านครหลวง หรือ MEA แนะนำ คือ ‘ปิด-ปรับ-ปลด-เปลี่ยน’  

เพราะอุณหภูมิสูงถึง 40 องศาเซลเซียส ทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ทำความเย็นต้องทำงานมากขึ้นและใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น โดยจะเห็นได้จากค่าพลังความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (Maximum Demand) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ ล่าสุด มีค่าเท่ากับ 8,904.66 เมกะวัตต์ เกิดขึ้นในวันที่ 18 เมษายน 2566 ซึ่งค่าความต้องการพลังงานไฟฟ้าสูงสุด มักจะพบว่าอยู่ในช่วงฤดูร้อนทั้งสิ้น  

โดยเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานมากขึ้นในช่วงฤดูร้อน คือ เครื่องปรับอากาศหรือแอร์ ยกตัวอย่างในสภาวะอากาศปกติ เช่น อุณหภูมิภายนอกอยู่ที่ 30 องศาเซลเซียส หากปรับอุณหภูมิแอร์ในห้องที่ 26 องศา แอร์จะต้องทำงานเพื่อลดอุณหภูมิให้ได้ 4 องศาเซลเซียส แต่ในช่วงที่มีอากาศร้อนจัด เช่น อุณหภูมิภายนอก 40 องศาเซลเซียส หากตั้งอุณหภูมิแอร์ในห้องเท่าเดิมไว้ที่ 26 องศาเซลเซียส แอร์จะต้องทำงานเพื่อลดอุณหภูมิให้ได้ถึง 14 องศาเซลเซียล แอร์จึงทำงานหนักมากขึ้น และกินไฟมากกว่าเดิม อีกทั้งยังต้องรักษาอุณหภูมิในสภาวะที่มีความร้อนจัดจากภายนอกรบกวน จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้หน่วยการใช้ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น  

ทั้งนี้ จากการทดสอบพบว่า อุณหภูมิภายนอกที่เพิ่มขึ้นทุก 1 องศาเซลเซียส แอร์จะกินไฟเพิ่มขึ้นมากกว่า 3% ถึงแม้จะใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าในระยะเวลาเท่ากัน หรือปรับตั้งค่าอุณหภูมิเท่าเดิมก็ตาม ประกอบกับในช่วงอากาศร้อนพฤติกรรมการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดอื่นๆ เช่น การเปิดปิดตู้เย็นบ่อยครั้ง การประกอบอาหารด้วยเครื่องใช้ไฟฟ้า ไปจนถึงการใช้น้ำอุปโภคบริโภคมากขึ้นทำให้ปั๊มน้ำทำงานมากขึ้น ทั้งหมดนี้ ล้วนทำให้การใช้ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์