กระทรวงการคลัง ชี้แจงข่าวลือซึ่งมีการส่งต่อและวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อสังคมออนไลน์ กรณีจะมีการเสนอตัดสิทธิเบี้ยยังชีพของประชาชนที่เคยได้รับ เดือนละ 600-800 บาท โดยยืนยันว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง กระทรวงการคลังไม่ได้มีแนวคิดที่จะตัดสิทธิดังกล่าว เนื่องจากทราบดีว่าจะส่งผลกระทบและเป็นการซ้ำเติมประชาชน
ทั้งนี้ ข่าวที่เกิดขึ้นอาจจะเกิดจากการตีความที่คลาดเคลื่อน โดยแนวคิดที่มีการเสนอให้ทบทวนผู้ได้รับสิทธิเบี้ยคนชรานั้น เป็นเฉพาะในกลุ่มผู้มีฐานะร่ำรวย ไม่ได้มีความจำเป็นต้องพึ่งพาเบี้ยคนชราที่รัฐจัดให้ในการดำรงชีพ ซึ่งแนวคิดนี้ก็เป็นไปเพื่อนำเงินส่วนต่างที่จะได้ มาช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อย
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เรื่องนี้เป็นเพียงข้อเสนอในเชิงวิชาการที่มีการเสนอเป็นการภายในเท่านั้น หากจะมีการดำเนินการในอนาคต จะต้องมีการพิจารณาหลักเกณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้กระทบต่อความเป็นอยู่ของกลุ่มผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย หรือมีความจำเป็นต้องพึ่งพาการช่วยเหลือจากรัฐบาล
นอกจากนี้ ในส่วนของการดูแลกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ล่าสุด กระทรวงการคลังยังได้มีการขยายสิทธิการใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มขึ้น จากเดิมที่สามารถใช้ได้เพียง ขสมก. บขส. BTS/MRT และรถไฟ ก็เพิ่มให้สามารถใช้สิทธิโดยสารรถเอกชนร่วม ขสมก. รถเอกชน และส่วนราชการกรุงเทพมหานคร รถเอกชนร่วม บขส. และรถเอกชน รถสองแถวรับจ้าง และเรือโดยสารสาธารณะ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเปิดให้ผู้ประกอบการระบบขนส่งสาธารณะแต่ละประเภทมาสมัครเข้าร่วมเป็นผู้ให้บริการแก่ผู้มีสิทธิตามโครงการฯ
และหากผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะดำเนินการแล้วเสร็จตามขั้นตอน จะสามารถเปิดให้บริการรับชำระเงินจากผู้มีสิทธิตามโครงการฯ ได้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป (ทั้งนี้ เป็นไปตามเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังกำหนด)
ทั้งนี้ ข่าวที่เกิดขึ้นอาจจะเกิดจากการตีความที่คลาดเคลื่อน โดยแนวคิดที่มีการเสนอให้ทบทวนผู้ได้รับสิทธิเบี้ยคนชรานั้น เป็นเฉพาะในกลุ่มผู้มีฐานะร่ำรวย ไม่ได้มีความจำเป็นต้องพึ่งพาเบี้ยคนชราที่รัฐจัดให้ในการดำรงชีพ ซึ่งแนวคิดนี้ก็เป็นไปเพื่อนำเงินส่วนต่างที่จะได้ มาช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อย
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เรื่องนี้เป็นเพียงข้อเสนอในเชิงวิชาการที่มีการเสนอเป็นการภายในเท่านั้น หากจะมีการดำเนินการในอนาคต จะต้องมีการพิจารณาหลักเกณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้กระทบต่อความเป็นอยู่ของกลุ่มผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย หรือมีความจำเป็นต้องพึ่งพาการช่วยเหลือจากรัฐบาล
นอกจากนี้ ในส่วนของการดูแลกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ล่าสุด กระทรวงการคลังยังได้มีการขยายสิทธิการใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มขึ้น จากเดิมที่สามารถใช้ได้เพียง ขสมก. บขส. BTS/MRT และรถไฟ ก็เพิ่มให้สามารถใช้สิทธิโดยสารรถเอกชนร่วม ขสมก. รถเอกชน และส่วนราชการกรุงเทพมหานคร รถเอกชนร่วม บขส. และรถเอกชน รถสองแถวรับจ้าง และเรือโดยสารสาธารณะ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเปิดให้ผู้ประกอบการระบบขนส่งสาธารณะแต่ละประเภทมาสมัครเข้าร่วมเป็นผู้ให้บริการแก่ผู้มีสิทธิตามโครงการฯ
และหากผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะดำเนินการแล้วเสร็จตามขั้นตอน จะสามารถเปิดให้บริการรับชำระเงินจากผู้มีสิทธิตามโครงการฯ ได้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป (ทั้งนี้ เป็นไปตามเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังกำหนด)