โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู หรือ รถไฟฟ้าสายรามอินทรา ช่วงแคราย - มีนบุรี ซึ่งดำเนินการโดยการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) มาตั้งแต่ปี 2559 และทำการก่อสร้างมาจนถึงปัจจุบัน กล่าวได้ว่า ขณะนี้แล้วเสร็จเกือบ 100% แยกความคืบหน้าดังนี้ งานโยธา อยู่ที่ 94.43%, งานระบบรถไฟฟ้า อยู่ที่ 94.49%, ความก้าวหน้ารวมอยู่ที่ 94.48% รัฐบาลจึงออกมาเผยข่าวดี! ปี 2566 นี้ ประชาชนได้ใช้รถไฟฟ้าสายสีชมพู แน่นอน
โดยปัจจุบัน ได้รับมอบขบวนรถไฟฟ้าแล้ว 39 ขบวน จากทั้งหมด 42 ขบวน เปิดให้ทดลองการให้บริการ สำหรับเป็นกลุ่มผู้ใช้บริการที่ขอเข้ารับการทดลอง ตั้งแต่สถานีมีนบุรี-สถานีศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ปลายเดือนกรกฎาคม 2566 พร้อมจะเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ สำหรับประชาชนผู้ใช้บริการ ซึ่งจะเริ่มเก็บค่าโดยสารในเดือนสิงหาคม 2566
ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย ถือเป็นรถไฟฟ้าสายสำคัญ โดยเป็นโครงการหนึ่งในแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนในพื้นที่ด้านเหนือของกรุงเทพมหานคร ระยะทาง 34.5 กิโลเมตร เป็นระบบขนส่งมวลชนสายรองประเภทรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (Straddle Monorail) มีลักษณะเป็นโครงสร้างยกระดับตลอดแนวเส้นทาง มีจุดประสงค์เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างเขตมีนบุรีและจังหวัดนนทบุรี มีทั้งหมด 30 สถานี
โดยปัจจุบัน ได้รับมอบขบวนรถไฟฟ้าแล้ว 39 ขบวน จากทั้งหมด 42 ขบวน เปิดให้ทดลองการให้บริการ สำหรับเป็นกลุ่มผู้ใช้บริการที่ขอเข้ารับการทดลอง ตั้งแต่สถานีมีนบุรี-สถานีศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ปลายเดือนกรกฎาคม 2566 พร้อมจะเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ สำหรับประชาชนผู้ใช้บริการ ซึ่งจะเริ่มเก็บค่าโดยสารในเดือนสิงหาคม 2566
ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย ถือเป็นรถไฟฟ้าสายสำคัญ โดยเป็นโครงการหนึ่งในแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนในพื้นที่ด้านเหนือของกรุงเทพมหานคร ระยะทาง 34.5 กิโลเมตร เป็นระบบขนส่งมวลชนสายรองประเภทรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (Straddle Monorail) มีลักษณะเป็นโครงสร้างยกระดับตลอดแนวเส้นทาง มีจุดประสงค์เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างเขตมีนบุรีและจังหวัดนนทบุรี มีทั้งหมด 30 สถานี

ทั้งนี้ รถไฟฟ้าสายสีชมพูยังมีจุดเชื่อมต่อกับโครงข่ายรถไฟฟ้าสายสีอื่นๆ ถึง 6 สาย คือ
1. รถไฟฟ้าสายฉลองรัชธรรม หรือรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ ที่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี
2. รถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ที่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี
3. รถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต ที่สถานีหลักสี่
4. รถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ที่สถานวัดพระศรีมหาธาตุ
5. รถไฟฟ้าสายสีเทา ที่สถานีวัชรพล
6. รถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี (สุวินทวงศ์)
ทั้งนี้ ที่สถานีปลายทางอย่างสถานีมีนบุรี มีการเชื่อมต่อเส้นทางสายแยก (อิมแพคลิงก์) ที่มีจุดบริการอีก 3 สถานี คือ
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังขยายความถึง ‘ส่วนต่อขยายช่วงสถานีศรีรัช-เมืองทองธานี’ ว่า ปัจจุบันความคืบหน้าของงานโยธา อยู่ที่ 13.45% งานระบบรถไฟฟ้า อยู่ที่ 4.59% ความก้าวหน้ารวม อยู่ที่ 10.48% โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2568
“การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานนับเป็นผลงานที่โดดเด่นของ พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งนี้ต้องใช้ระยะเวลาจึงจะเห็นผล ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ได้เร่งรัดและติดตามความก้าวหน้าของโครงการอย่างต่อเนื่อง และต้องขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมมือกันผลักดันและที่สำคัญคือความร่วมมือและเข้าใจของพี่น้องประชาชน เมื่อโครงการนี้แล้วเสร็จ จะเป็นทางเลือกให้กับประชาชน แบ่งเบาภาระในการเดินทาง ประหยัดเวลา แก้ไขปัญหาการจราจรหนาแน่น และกระจายความเจริญไปในพื้นที่ตลอดแนวเส้นทางของรถไฟฟ้า ลดมลพิษเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
และนอกจากจะเร่งโครงการรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯและปริมณฑลแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ยังเดินหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง ที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ พัฒนาประเทศให้เติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างยั่งยืน” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
1. รถไฟฟ้าสายฉลองรัชธรรม หรือรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ ที่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี
2. รถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ที่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี
3. รถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต ที่สถานีหลักสี่
4. รถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ที่สถานวัดพระศรีมหาธาตุ
5. รถไฟฟ้าสายสีเทา ที่สถานีวัชรพล
6. รถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี (สุวินทวงศ์)
ทั้งนี้ ที่สถานีปลายทางอย่างสถานีมีนบุรี มีการเชื่อมต่อเส้นทางสายแยก (อิมแพคลิงก์) ที่มีจุดบริการอีก 3 สถานี คือ
- สถานีศรีรัช
- สถานีอิมแพค ชาเลนเจอร์
- สถานีทะเลสาบ เมืองทองธานี
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังขยายความถึง ‘ส่วนต่อขยายช่วงสถานีศรีรัช-เมืองทองธานี’ ว่า ปัจจุบันความคืบหน้าของงานโยธา อยู่ที่ 13.45% งานระบบรถไฟฟ้า อยู่ที่ 4.59% ความก้าวหน้ารวม อยู่ที่ 10.48% โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2568
“การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานนับเป็นผลงานที่โดดเด่นของ พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งนี้ต้องใช้ระยะเวลาจึงจะเห็นผล ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ได้เร่งรัดและติดตามความก้าวหน้าของโครงการอย่างต่อเนื่อง และต้องขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมมือกันผลักดันและที่สำคัญคือความร่วมมือและเข้าใจของพี่น้องประชาชน เมื่อโครงการนี้แล้วเสร็จ จะเป็นทางเลือกให้กับประชาชน แบ่งเบาภาระในการเดินทาง ประหยัดเวลา แก้ไขปัญหาการจราจรหนาแน่น และกระจายความเจริญไปในพื้นที่ตลอดแนวเส้นทางของรถไฟฟ้า ลดมลพิษเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
และนอกจากจะเร่งโครงการรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯและปริมณฑลแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ยังเดินหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง ที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ พัฒนาประเทศให้เติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างยั่งยืน” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว