เศรษฐกิจไทย อะไรที่ ‘ฟื้น’ กูรูชี้ทิศทางเศรษฐกิจ ปี 2023

รีเซสชันทั่วโลก แล้วเศรษฐกิจไทย ฟื้นแบบไหน? เป็นเรื่องที่นักเศรษฐศาสตร์ต่างวิเคราะห์ หวังให้ผู้เกี่ยวข้องร่วมเฝ้าระวัง โดยเฉพาะภาคเศรษฐกิจ และภาคประชาชน จะต้องปรับตัวแบบไหน ในท่ามกลางการฟื้นตัวเฉพาะ ‘ภาคท่องเที่ยว’ โดย 5 กูรูประเทศไทย เผยในเวที Thailand : New Episode บทใหม่ประเทศ 2023 ที่สื่อเครือมติชน (มติชน ข่าวสด และประชาชาติธุรกิจ) จัดขึ้น ว่า เศรษฐกิจไทย ยังไม่พ้นวิกฤตมากนัก โดดเด่นมากหน่อยก็เฉพาะภาคท่องเที่ยว ดังนั้น การเคลื่อนไปข้างหน้า ในท่ามกลางปัจจัยเฝ้าระวังต้องเป็นอย่างไร มีกูรูในทุกภาค มาแนะนำ 
  

โอกาสในตลาดทุน 

กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย และ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ร่วมฉายภาพทิศทางเศรษฐกิจและตลาดทุนไทย ในหัวข้อ ‘Thailand opportunity’ โดยชี้ ปี 2566 ประเทศไทยกำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ มี 5 เทรนด์สำคัญทางเศรษฐกิจที่จะได้เห็น ได้แก่  
1. เงินเฟ้อเข้าสู่ช่วงขาลงทั่วโลกอาจผันผวนขึ้นลงบ้างช่วง  
2. ดอกเบี้ยของประเทศทั่วโลก กำลังเข้าสู่จุดสูงสุดแค่ปลายปีนี้ พอเข้าปี 2567 ระดับดอกเบี้ยน่าจะเริ่มลดลง  
3. หลายประเทศยังเจอภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาหรือถดถอย  
4. เศรษฐกิจประเทศเกิดใหม่บางส่วนประสบปัญหาวิกฤตภายใต้แรงกดดันจากราคาพันธบัตรมีมูลค่าต่ำ  
5. สินทรัพย์บางส่วนเริ่มฟื้นตัว ถือเป็นโอกาสการลงทุน ปีนี้น่าจะใกล้ถึงจุดของการเข้าสู่การลงทุนรอบใหม่  
 
แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญต้องหาจังหวะเข้าลงทุนหรือซื้อในช่วงที่เหมาะสม หากปี 2565 เป็นปีเข้าสู่หลุมหลบภัย ปี 2566 จะเป็นปีที่ประตูสู่โอกาสเริ่มเปิดออกอีกครั้ง 
 

เทรนด์ New Industry ปี’66 อะไรที่ภาคอุตฯ ไทยต้องปรับตัว 

เกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ร่วมเวทีในหัวข้อ ‘New Episode เศรษฐกิจ-อุตสาหกรรมไทย’ ชี้ถึง New Industry และ New Economy ว่า เทรนด์สำคัญที่ภาคอุตสาหกรรมทั่วโลกให้ความสำคัญ คือด้าน GREEN และ CLEAN ใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยใน 4 อุตสาหกรรมหลัก ได้แก่  
1. อุตสาหกรรม BCG (Bio Circular Green)  
2. ยานยนต์ไฟฟ้า (EV)  
3. Smart Electronic  
4. Digital  
 
ซึ่งประเด็น Digital นี้ สำคัญมาก เนื่องจากปัจจุบันกำลังอยู่ในช่วง Digital Transformation ทำให้ดิจิทัล จะเข้าไปมีส่วนในทุกมิติ จะเป็นกระดูกสันหลังในทุกอุตสาหกรรมต่อไปในอนาคต โดย ส.อ.ท. ผลักดันร่วมกับรัฐที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นคืนมาและสอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยเฉพาะขณะนี้ซึ่งกล่าวได้ว่า โลกได้ก้าวสู่ยุค BANI World หรือการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว  
 

ทำไมถึงเป็นยุค BANI World  

‘เกรียงไกร’ ยังเผยถึงที่มาของยุคที่เรียกว่า BANI World ว่า เกิดจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จากยุค VUCA world (อดีตกองทัพสหรัฐ ใช้เรียกสถานการณ์ทางทหาร ที่มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วและรุนแรง) แต่ตั้งแต่ปี 2020 ถูกดิสรัปฯ ด้วยคำใหม่เป็น BANI world หรือคือ ‘สิ่งต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในปัจจุบัน’ โดยแต่ละตัวย่อ อธิบายได้ว่า 
 
B : Britten คือ ความเปราะบางจากเศรษฐกิจโลกที่อาจถดถอย (Recession) เทียบเคียงกับคำว่า ‘resession’ 
A : Anxious คือ ความกังวล จากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ซึ่งกำลังเป็นเรื่องใหญ่ในอนาคต สัญญาณปี 65 ทุกปรากฏการณ์ตั้งแต่ต้นปี บ่งบอก เป็นเรื่องล้อเล่นไม่ได้ 
N : Nonlinear คือ ความคาดเดายาก ความเข้าใจยากจากภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนไปทั้งสงครามการค้า สงครามเทคโนโลยี ปัญหาความขัดแย้ง (ทางการเมือง, สงครามการค้า, สงครามเทคโนโลยี, สงครามค่าเงิน)  
I : Incomprehensible ความไม่เข้าใจจากปัญหา Disruption ประกอบด้วย Digital Transformation, การดิสรัปชัน, supply chain ซึ่งถูกดิสรับ และเรื่องดิจิทัล เป็นต้น 

ทั้งนี้ ประเทศไทยพึ่งพาส่งออก 70% ของ GDP แต่การส่งออกยังไม่ฟื้น ที่ดูจะมีความหวังมีเพียงภาคท่องเที่ยว กล่าวได้ว่า เศรษฐกิจไทยล้วนพึ่งพาต่างชาติรวมทั้งการส่งออก เพราะฉะนั้น คงต้องมาดูว่า เมื่อโลกส่งสัญญาณเตือนว่า เศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ภาวะการชะลอตัว โดยเฉพาะเศรษฐกิจยุโรป ที่กล่าวได้ว่า อียูจะเป็นทวีปที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวมาก จากปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน ปัญหาราคาพลังงาน, เศรษฐกิจสหรัฐก็ถดถอย ด้วยความจงใจต้องการสู้กับเงินเฟ้อ (ไม่กลัวยูเครน ไม่กลัวรัสเซีย แต่กลัวเงินเฟ้อที่แตะ 9.1% แล้ว ท่ามกลางเป้าหมายดำเนินนโยบายดอกเบี้ย เพื่อให้เงินเฟ้อลดลงมาที่ 2%) 
 
มาที่ประเทศไทย เศรษฐกิจไทยนั้น กกร.ประเมินว่า GDP ไทย จะอยู่ที่ 3.0-3.5% สิ่งสำคัญคือ ภาคท่องเที่ยวที่กลับมา เป็นตัวเคลื่อนอย่างมาก ดังนั้น New Episode ของอุตสาหกรรมไทย ก็คือ การต้องรับมือกับหลากหลายความท้าทาย โดยเฉพาะเรื่อง ‘ต้นทุนการผลิต’ ของภาคอุตสาหกรรมอยู่ระดับสูง อันมาจากปัญหา ‘ค่าไฟ’ ที่เป็นต้นเหตุสำคัญ และทำไทยเสียความสามารถทางการแข่งขัน ท่ามกลางการจับตาการเคลื่อนย้ายฐานการลงทุนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน จึงอยากฝากผู้รับผิดชอบทุกฝ่าย เร่งแก้ไข ก่อนที่ไทยจะเสียขีดความสามารถทางการแข่งขัน ‘แบบถาวร’ 
 

การเคลื่อนประเทศไทย ด้วย New S Curve 

สมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ในฐานะบริษัทที่เป็น 1 ในอุตสาหกรรม New S-Curve เป้าหมายการขับเคลื่อนประเทศ เผยถึงการเดินหน้าอุตสาหกรรม New S-curve ของ EA ว่า มีการขยายงานด้านต่าง ๆ ออกไปได้อย่างต่อเนื่อง โดยเปลี่ยนตัวเองจากวันแรกมาจนถึงขณะนี้ มีการบุกเบิกและขยายอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด ตั้งแต่ ไบโอดีเซล โซลาร์วินฟาร์ม (ลม) อีวี (แบตเตอรี่ และยานยนต์ไฟฟ้า) 

โดยปัจจุบันมีรถเมล์ไฟฟ้า ที่วิ่งอยู่บนท้องถนนแล้วในลอตแรก 120 คัน และจะขยายครบ 500 คัน มาจากศักยภาพการผลิตที่ EA มีโรงงานประกอบรถบัสไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดของอาเซียน AAB หรือแอ๊บโซลูท แอสเซมบลี ที่มีกำลังการผลิตที่ 3,000-5,000 คันต่อปี ทำให้ไม่ต้องสงสัยถึงการเป็นธุรกิจและอุตสาหกรรม New S-curve ของ EA ที่จะสร้างการเติบโตให้กับประเทศไทยอย่างก้าวกระโดด 
 
นอกจากนี้ ในอุตสาหกรรม แบตเตอรี่ ก็มองว่า เป็นหัวใจสำคัญของยานยนต์ไฟฟ้า ดังนั้น EA จึงลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้า ด้วยการนำเข้าเทคโนโลยี โนว์ฮาว สู่ประเทศไทย 
 

‘ท่องเที่ยว’ ธุรกิจที่เป็นพระเอก เคลื่อนเศรษฐกิจ 

ในภาคท่องเที่ยว ที่ขณะนี้ มีการพูดถึงโควิดคลี่คลาย มีปริมาณการเดินทางมาก ดังนั้น การบินไทย จำกัด (มหาชน) จึงมาสะท้อนภาพ ‘Speed up การบินไทย-ท่องเที่ยวไทย’ โดย ชาญศิลป์ ตรีนุชกร ในฐานะคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI เผยให้เห็นถึง แรงขับเคลื่อนหลังฟื้นฟูการบินไทย ว่า อุตสาหกรรมการบินปัจจุบัน เป็นส่วนสำคัญหนุนเศรษฐกิจไทย มองการเติบโตปี 2566 ไปได้สวย พร้อมคาด นำ THAI กลับเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ ช่วงปลายปี 2567 หรือ ต้นปี 2568 

แจงการฟื้นฟูกิจการ  

ชาญศิลป์ ยังชี้ ช่วงดำเนินการตามแผนฟื้นฟู ‘ลำบากมาก’ มีเงินสดหมุนเวียนเพียง 2-3 พันล้าน ใช้ไม่เกิน 3 เดือนก็หมด นี่จึงเกิดแรงเคลื่อนของพนักงานและผู้บริหารในการปรับโครงสร้าง นำที่ปรึกษาระดับโลกของสายการบินมาช่วย ลดขนาดองค์กร เจรจาทุกทางที่จะเป็นการลดค่าใช้จ่าย เช่น ค่าเช่าเครื่องบิน พร้อมนำเครื่องบินออกจากระบบ อย่างน้อย 5-600 ลำ เพื่อสัดส่วนที่เหมาะสม นอกจากนี้ ยังขายบางลำที่จอด ไม่ได้ใช้งาน เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ทำให้ THAI แข็งแกร่งขึ้น มีรายได้กลับมาเป็นบวก โดยช่วงเดือนมิถุนายน 2565 มีรายได้ 283 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังฟื้นได้จากการบริหารจัดการคาร์โก้ช่วงวิกฤตโควิด พลิกรายได้จากที่มี 100 กว่าล้านบาทต่อเดือน เพิ่มขึ้นไปเป็น 2,000 ล้านบาทต่อเดือน เนื่องจากสถานการณ์โควิด ที่ทำให้การขนส่งทางเรือ ทำไม่ได้ เนื่องจากลูกเรือติดโควิด  

กล่าวได้ว่า วันนี้การบินไทย แข็งแกร่งขึ้น และแผนฟื้นฟูที่มีการปรับแก้ ใช้มาจนปัจจุบัน ก็นับเป็นแผนที่ดีพาการบินไทยจะกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง แผนดังกล่าวประกอบด้วย 1. เจรจาแฮร์คัทหนี้ 2. แปลงหนี้เป็นทุน รัฐบาลจะแปลงหนี้เป็นทุน 100% โดยเอกชนจะแปลงหนี้เป็นทุน 20% ต่อไปปี 2566-2568 การบินไทยจะมีสัดส่วนทางการเงินที่ดี และมีทุนเป็นบวก นี่จึงเป็นความหวังให้ THAI คาดหวังกลับมาขายหุ้นในตลาดฯ ได้ปลายปี 2567 หรือต้นปี 2568 เป็น Speed up การบินไทย-ท่องเที่ยวไทยด้วย  
 
สำหรับเวที Thailand : New Episode บทใหม่ประเทศ 2023 ครั้งนี้ ยังปิดท้ายที่เรื่องของ ‘พลัง New Gen ขับเคลื่อนประเทศ’ ซึ่งมี ‘อั๋น - ภูวนาท คุนผลิน’ พิธีกร-นักจัดรายการวิทยุ ร่วมพูดคุยกับ ปรินดา คุ้มธรรมพินิจ พิธีกรและผู้ประกาศข่าวชื่อดัง สะท้อนมุมคิด ว่าคนรุ่นใหม่ ซึ่งมีหลากหลายเจน กล้าแสดงออก กล้าตั้งคำถาม และไม่ลดละที่จะหาคำตอบ นั่นเป็นสิ่งที่ดีส่วนหนึ่งที่จะหล่อหลอมให้กลายเป็นคนเข้มแข็ง จะนำสู่การเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในสังคมได้