NAT เปิดแผนธุรกิจปี 2566 ชูจุดเด่นผู้เชี่ยวชาญ Infratech การเป็นที่ปรึกษา และ ให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารครบวงจร ผนึกพันธมิตรทางธุรกิจเทคโนโลยีระดับโลก ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าในวงกว้าง มุ่งเน้นกลยุทธ์พัฒนาโซลูชั่นด้วยเทคโนโลยีชั้นนำ เสริมบริการด้าน Cyber Security สร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
สุธี อภิชนรัตนกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แนท แอบโซลูท เทคโนโลยีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NAT เปิดเผยว่า บริษัทเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Infratech ในส่วนงานโครงสร้างระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร บริการด้านเทคโนโลยีครบวงจรแก่องค์กรชั้นนำของประเทศ โดยเตรียมพร้อมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เพื่อเสริมศักยภาพการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยบริษัทแบ่งการให้บริการเป็น 3 กลุ่ม
บริษัทยังเป็นพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกับบริษัทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารระดับโลกในการขายผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ และการให้บริการในฐานะผู้ให้บริการด้านโซลูชั่น (Solution Provider) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในวงกว้าง อาทิ
สำหรับผลประกอบการในปี 2565 บริษัทมีสัดส่วนรายได้เมื่อแบ่งตามลักษณะการประกอบธุรกิจ ได้แก่ (1) ธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์พร้อมติดตั้ง และรับเหมาวางระบบที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 97.15%, (2) ธุรกิจให้บริการเจ้าหน้าที่ไอที 1.52% และ (3) รายได้จากการให้บริการอื่นๆ 1.33% โดยบริษัทมีกลุ่มลูกค้าภาครัฐในสัดส่วน 85.66% และ ภาคเอกชน 14.34% ของรายได้จากการขายและบริการ
ทั้งนี้ ผลประกอบการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ในปี 2563 – 2565 มีรายได้ 492 ล้านบาท ,451 ล้านบาท และ 1,098 ล้านบาท ตามลำดับ สำหรับในปี 2566 บริษัทตั้งเป้าการเติบโตที่ 30-50% โดยเตรียมความพร้อม นำธุรกิจเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ไตรมาส 3 ปีนี้
ขณะที่แผนการดำเนินงานปี 2566 บริษัทมุ่งเน้นกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำเทคโนโลยีชั้นนำจากพันธมิตรทางธุรกิจระดับโลกมาใช้ในการพัฒนาโซลูชั่น และบริการ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มากขึ้น โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security)
นอกจากนี้ บริษัทยังเน้นการขยายกลุ่มเป้าหมายหลักทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ กลุ่มโรงพยาบาล และ กลุ่มพลังงาน คาดว่าจะส่งผลให้การเติบโตของรายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
“ตลอดระยะเวลาการดำเนินงานมากว่า 19 ปี บริษัทมีการพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่ไม่หยุดนิ่ง โดยการส่งมอบโซลูชั่นที่ดีที่สุดและตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างครบวงจร เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้ามีความพร้อมในการขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่ยุคเทคโนโลยีดิจิทัล หรือ Digital Transformation ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานให้มีคุณภาพ โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีความปลอดภัยทางไซเบอร์ ที่มีแนวโน้มความต้องการมากขึ้นอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มลูกค้า และบริษัทมีความมั่งมุ่นในการก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านธุรกิจไอทีและดิจิทัล ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูง และเตรียมพร้อมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เพื่อเสริมศักยภาพการเติบโตอย่างยั่งยืน” สุธี กล่าว
สุธี อภิชนรัตนกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แนท แอบโซลูท เทคโนโลยีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NAT เปิดเผยว่า บริษัทเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Infratech ในส่วนงานโครงสร้างระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร บริการด้านเทคโนโลยีครบวงจรแก่องค์กรชั้นนำของประเทศ โดยเตรียมพร้อมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เพื่อเสริมศักยภาพการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยบริษัทแบ่งการให้บริการเป็น 3 กลุ่ม
- ธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์พร้อมติดตั้ง และรับเหมาวางระบบที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Information and Communication Technology System Integration) ด้วยมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก
- ธุรกิจให้บริการเจ้าหน้าที่ไอที (IT Outsourcing)
- ธุรกิจให้บริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เช่น การให้บริการเดินสายระบบเน็ตเวิร์ค (Cabling System) การให้บริการเช่าเครื่องพิมพ์เอกสาร เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค เป็นต้น
บริษัทยังเป็นพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกับบริษัทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารระดับโลกในการขายผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ และการให้บริการในฐานะผู้ให้บริการด้านโซลูชั่น (Solution Provider) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในวงกว้าง อาทิ
- เดลล์ เทคโนโลยีส์ (Dell Technologies) เจ้าของผลิตภัณฑ์ด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศชั้นนำของประเทศสหรัฐอเมริกา ในระดับ Titanium Partner ซึ่งเป็นระดับพันธมิตรทางธุรกิจขั้นสูงสุด
- Genesys ผู้นำด้าน Customer Experience แบบ Omnichannel และผู้ให้บริการ Cloud Contact Center ระดับโลก จากประเทศสหรัฐอเมริกา
- Radware ผู้นำด้านเทคโนโลยี DDoS Protection และผู้นําระดับโลกด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์
- บริษัท วีเอ็มแวร์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ Vmware ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์และให้บริการด้านระบบคลาวด์
สำหรับผลประกอบการในปี 2565 บริษัทมีสัดส่วนรายได้เมื่อแบ่งตามลักษณะการประกอบธุรกิจ ได้แก่ (1) ธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์พร้อมติดตั้ง และรับเหมาวางระบบที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 97.15%, (2) ธุรกิจให้บริการเจ้าหน้าที่ไอที 1.52% และ (3) รายได้จากการให้บริการอื่นๆ 1.33% โดยบริษัทมีกลุ่มลูกค้าภาครัฐในสัดส่วน 85.66% และ ภาคเอกชน 14.34% ของรายได้จากการขายและบริการ
ทั้งนี้ ผลประกอบการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ในปี 2563 – 2565 มีรายได้ 492 ล้านบาท ,451 ล้านบาท และ 1,098 ล้านบาท ตามลำดับ สำหรับในปี 2566 บริษัทตั้งเป้าการเติบโตที่ 30-50% โดยเตรียมความพร้อม นำธุรกิจเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ไตรมาส 3 ปีนี้
ขณะที่แผนการดำเนินงานปี 2566 บริษัทมุ่งเน้นกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำเทคโนโลยีชั้นนำจากพันธมิตรทางธุรกิจระดับโลกมาใช้ในการพัฒนาโซลูชั่น และบริการ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มากขึ้น โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security)
นอกจากนี้ บริษัทยังเน้นการขยายกลุ่มเป้าหมายหลักทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ กลุ่มโรงพยาบาล และ กลุ่มพลังงาน คาดว่าจะส่งผลให้การเติบโตของรายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
“ตลอดระยะเวลาการดำเนินงานมากว่า 19 ปี บริษัทมีการพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่ไม่หยุดนิ่ง โดยการส่งมอบโซลูชั่นที่ดีที่สุดและตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างครบวงจร เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้ามีความพร้อมในการขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่ยุคเทคโนโลยีดิจิทัล หรือ Digital Transformation ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานให้มีคุณภาพ โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีความปลอดภัยทางไซเบอร์ ที่มีแนวโน้มความต้องการมากขึ้นอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มลูกค้า และบริษัทมีความมั่งมุ่นในการก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านธุรกิจไอทีและดิจิทัล ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูง และเตรียมพร้อมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เพื่อเสริมศักยภาพการเติบโตอย่างยั่งยืน” สุธี กล่าว