ประเด็นการประกาศปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ หรือค่า Ft งวดใหม่ ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประจำเดือนมกราคม – เมษายน 2566 ซึ่งผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัย ต้องจ่ายที่อัตรา 93.43 สตางค์/หน่วย หรือเฉลี่ยรวมที่ 4.72 บาทต่อหน่วย ขณะที่ภาคธุรกิจ จ่ายที่อัตรา 190.44 สตางค์/หน่วย หรือเฉลี่ยรวมที่ 5.69 บาทต่อหน่วย นั้น
สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เผย กรณีค่าไฟฟ้าที่กำลังปรับขึ้น แน่นอนว่า ส่งผลกระทบกับภาคธุรกิจ ที่จะสร้างต้นทุนเพิ่ม ขณะนี้ กกร. จึงทำหนังสือ เพื่อขอเข้าพบและหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึงประเด็นค่าพลังงานไฟฟ้า เนื่องจาก กกร. มีความห่วงใยโดยเฉพาะบรรยากาศการลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศ เพื่อจะฟื้นฟูเศรษฐกิจในปี 2566
โดยที่เรื่องของ ‘ค่าไฟ’ ถือเป็นปัจจัยหนึ่ง ที่มีผลต่อการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ เนื่องจาก ค่าไฟคือ ‘ต้นทุน’ ถ้าสินค้าไทยมีต้นทุนที่มากกว่า ก็แข่งขันกับประเทศอื่นยาก โดยเฉพาะคู่แข่งสำคัญ อย่าง ‘เวียดนาม และอินโดนีเซีย’ โดยค่าพลังงานเป็นต้นทุน ที่อยู่ตั้งแต่การผลิต ยันถึง การส่งออกสินค้าเลยทีเดียว
ทั้งนี้ หากสามารถช่วยเหลือภาคธุรกิจได้ ก็จะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้ทางหนึ่ง
สนั่น ยังชี้แจงด้วยว่า การขอเข้าพบนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ เพื่อที่ต้องการจะชี้แจงเกี่ยวกับค่าพลังงาน จากผลการประชุม คณะกรรมการ กกพ. เพราะมีผลทุกภาคส่วนทั้งภาคเอกชน ภาคธุรกิจ ภาคประชาชนทั่วไป โดยทำอย่างไรเพื่อให้ค่าพลังงานนั้นจะกระทบผู้ใช้ไฟฟ้าให้น้อยที่สุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องยอมรับว่า ทุกคนจำเป็นจะต้องปรับตัว ประหยัดการใช้ไฟฟ้า โดยกกร. ก็พร้อมที่จะนำข้อมูลที่ได้รวบรวมและวิเคราะห์จากผู้ใช้ไฟฟ้านำไปหารือกับนายกรัฐมนตรีเพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์สูงสุด
“กกร.ยังไม่ได้คิดว่ากรณีเลวร้าย หรือร้ายแรง และไม่ได้ที่จะยึดติดว่าต้องการให้คงหรือลดค่าไฟฟ้า ตามความเห็นที่ออกมา แต่สิ่งที่ต้องการในตอนนี้ เข้าไปหารือและพูดคุยเพื่อหารือทางและให้ผู้ใช้ไฟฟ้าได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ส่วนจะได้เข้าหารือกับนายกเมื่อไร ยังไม่ทราบ เข้าใจว่าท่านมีภารกิจเยอะ แต่มั่นใจว่าน่าจะได้หารือก่อนปีใหม่นี้แน่นอน”
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะกรุณารับฟังความเห็นจากภาคเอกชน และทบทวนว่าจะมีการพิจารณาช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้าได้อย่างไร และร่วมกันหาทางออกที่ทุกภาคส่วนได้ประโยชน์สูงสุด
สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เผย กรณีค่าไฟฟ้าที่กำลังปรับขึ้น แน่นอนว่า ส่งผลกระทบกับภาคธุรกิจ ที่จะสร้างต้นทุนเพิ่ม ขณะนี้ กกร. จึงทำหนังสือ เพื่อขอเข้าพบและหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึงประเด็นค่าพลังงานไฟฟ้า เนื่องจาก กกร. มีความห่วงใยโดยเฉพาะบรรยากาศการลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศ เพื่อจะฟื้นฟูเศรษฐกิจในปี 2566
โดยที่เรื่องของ ‘ค่าไฟ’ ถือเป็นปัจจัยหนึ่ง ที่มีผลต่อการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ เนื่องจาก ค่าไฟคือ ‘ต้นทุน’ ถ้าสินค้าไทยมีต้นทุนที่มากกว่า ก็แข่งขันกับประเทศอื่นยาก โดยเฉพาะคู่แข่งสำคัญ อย่าง ‘เวียดนาม และอินโดนีเซีย’ โดยค่าพลังงานเป็นต้นทุน ที่อยู่ตั้งแต่การผลิต ยันถึง การส่งออกสินค้าเลยทีเดียว
ทั้งนี้ หากสามารถช่วยเหลือภาคธุรกิจได้ ก็จะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้ทางหนึ่ง
สนั่น ยังชี้แจงด้วยว่า การขอเข้าพบนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ เพื่อที่ต้องการจะชี้แจงเกี่ยวกับค่าพลังงาน จากผลการประชุม คณะกรรมการ กกพ. เพราะมีผลทุกภาคส่วนทั้งภาคเอกชน ภาคธุรกิจ ภาคประชาชนทั่วไป โดยทำอย่างไรเพื่อให้ค่าพลังงานนั้นจะกระทบผู้ใช้ไฟฟ้าให้น้อยที่สุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องยอมรับว่า ทุกคนจำเป็นจะต้องปรับตัว ประหยัดการใช้ไฟฟ้า โดยกกร. ก็พร้อมที่จะนำข้อมูลที่ได้รวบรวมและวิเคราะห์จากผู้ใช้ไฟฟ้านำไปหารือกับนายกรัฐมนตรีเพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์สูงสุด
“กกร.ยังไม่ได้คิดว่ากรณีเลวร้าย หรือร้ายแรง และไม่ได้ที่จะยึดติดว่าต้องการให้คงหรือลดค่าไฟฟ้า ตามความเห็นที่ออกมา แต่สิ่งที่ต้องการในตอนนี้ เข้าไปหารือและพูดคุยเพื่อหารือทางและให้ผู้ใช้ไฟฟ้าได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ส่วนจะได้เข้าหารือกับนายกเมื่อไร ยังไม่ทราบ เข้าใจว่าท่านมีภารกิจเยอะ แต่มั่นใจว่าน่าจะได้หารือก่อนปีใหม่นี้แน่นอน”
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะกรุณารับฟังความเห็นจากภาคเอกชน และทบทวนว่าจะมีการพิจารณาช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้าได้อย่างไร และร่วมกันหาทางออกที่ทุกภาคส่วนได้ประโยชน์สูงสุด