เอคิวฯ ดัน 2 ธุรกิจดาวรุ่ง ‘สินเชื่อบุคคล-กัญชงกัญชา’ พาธุรกิจโตปีหน้า

  • ปรับพอร์ตธุรกิจกระจายความเสี่ยงการลงทุน
  • ชี้สถานการณ์โควิด โอกาสเจาะลูกค้าเงินกู้นอกสถาบันการเงินโตแรง
  • ลุยธุรกิจต้นน้ำ Egronix เพิ่มมูลค่าผลผลิตกัญชง-กัญชา รับกำไรต่อปีพุ่ง
Share with trust
ชนน วังตาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ  ‘วรวุฒิ ไหลท่วมทวีกุล’ กรรมการบริหารบริษัท บริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ AQ ร่วมเปิดเผยแนวทางการดำเนินธุรกิจในปี 2566 บริษัทวางแผนบริหารกระจายความเสี่ยงธุรกิจ พร้อมมุ่งให้ความสำคัญในสองธุรกิจใหม่จากการเข้าซื้อกิจการธุรกิจสินเชื่อบุคคล จากบริษัท เอ็ม เอส ซี ดับเบิลยู จำกัด (MSCW) ไปเมื่อช่วงกลางปี และ ธุรกิจไร่พืชกัญชง พืชกัญชากัญชา ภายใต้บริษัท อีโกรนิกซ์ จำกัด หรือ EGRONIX จากการเข้าซื้อกิจการปลูกและจำหน่ายกัญชง-กัญชา และพืชอื่นๆ เพื่อประโยชน์ในเชิงพาณิชย์หรืออุตสาหกรรม มูลค่ากว่า 1,200 ล้านบาท ในช่วงเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา  

ทั้งนี้บริษัทพบว่า ธุรกิจสินเชื่อบุคคลมีอัตราการเติบโตสูงและสร้างผลตอบแทนแบบก้าวกระโดด คิดเป็นสัดส่วนกำไรสุทธิ (Net Margin) เฉลี่ย 20% เป็นผลจากความต้องการของตลาดสินเชื่อส่วนบุคคลขยายตัวสูงขึ้นในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดโควิดในช่วงท่านมา ทำให้สถาบันการเงินหลายแห่งเพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ ถือเป็นโอกาสของผู้ให้บริการธุรกิจนอน-แบงค์ ที่อยู่ในตลาดนี้  

ขณะที่กลุ่มเป้าหมายหลักของธุรกิจบริษัท คือ ผู้ที่ไม่สามารถยื่นขอสินเชื่อในสถาบันการเงินหลักได้ ซึ่งบริษัทฯจะอนุมัติวงเงินกู้อยู่ที่ 1 แสนบาทคิดระยะเวลาผ่อนชำระ 36 เดือน อัตราดอกเบี้ย 25% ต่อปี เป็นต้น ปัจจุบัน AQ มีพอร์ตสินเชื่อส่วนบุคคล 120 ล้านบาท ในป2566 เพิ่มสัดส่วนเป็น 300 ล้านบาท  โดยธุรกิจนอนแบงก์ของ AQ ครอบคลุม 3 ด้าน ได้แก่ สินเชื่อไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน สินเชื่อพีโก้ และบริหารสินทรัพย์ 
Photo: ชนน วังตาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ วรวุฒิ ไหลท่วมทวีกุล กรรมการบริหารบริษัท บริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ AQ

รุกธุรกิจไร่กัญชง-กัญชา รับกำไรพุ่ง

ชนน กล่าวว่า “สำหรับธุรกิจไร่พืชกัญชง พืชกัญชา บริษัทมองว่าจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีอนาคตเติบโตด้วยจะเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ของประเทศ หลังการปลดล็อคนโยบายเสรีกัญชาไปเมื่อเดือนมกราคม 2564 ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาในตลาด เพื่อแข่งขันพัฒนาผลผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ ถึงปลายน้ำ 

ปัจจุบัน Egronix ยังได้ร่วมกับศูนย์วิจัยและพัฒนาเกษตรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ด้านให้คำปรึกษาทั้งด้านการพัฒนาสายพันธุ์ และเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิตผ่านนวัตกรรมการปลูกกัญชง ตลอดกระบวนการ จากพื้นที่การปลูกไร่กัญชงผืนแรกของบริษัทฯ ตั้งอยู่ ณ ตำบลน้ำดิบ อำเภอป่าชาง จังหวัดลำพูน  มีโรงเรือนสำหรับการเพาะปลูก (Green House) จำนวน 50 อาคาร แบ่งเป็นพื้นที่เพาะปลูกประมาณ 8,000 ตารางเมตรและพื้นที่ปลูกกลางแจ้ง (Outdoor) ประมาณ 3,300 ตารางเมตร รวมพื้นที่แปลงเพาะปลูกกว่า 12,000 ตารางเมตร 

วรวุฒ กล่าวว่าจากพื้นที่แปลงเพาะปลูกดังกล่าวจะสามารถสร้างผลผลิตในรอบการปลูก (ครอป) ได้กว่า 7,500 กิโลกรัม ต่อรอบปลูกและสามารถปลูกได้ 3-4 รอบ ต่อปี โดยคาดว่าจะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิต ได้ในไตรมาสแรกของปี 2566 และคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้จากการขายกัญชงได้ภายในปี 2566 เช่นกัน ซึ่งปัจจุบัน มีผู้รับซื้อผลผลิตในช่วงกลางน้ำ ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจด้านยา เป็นหลัก

นอกจากนี้ บริษัทยังวางแผนธุรกิจสู่ปลายน้ำ โดยจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของกัญชงและกัญชา เพื่อจำหน่ายในอนาคต เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ พร้อมมองหาคู่ค้าที่สนใจรับซื้อในส่วนของ ช่อดอก ราก ลำต้นและใบ รวมถึงพันธมิตรเพิ่มเติมเพื่อต่อยอดธุรกิจอื่นๆ ในส่วนของธุรกิจกลางน้ำและปลายน้ำต่อไป ปัจจุบันราคาผลผลิตพืชกัญชง มีราคารับซื้อหลากหลายไม่คงที่ตลอดทั้งปี ตั้งแต่หลัก 10,000-20,000 บาทต่อกิโลกรัม โดยมีอัตรากำไรเริ่มต้นสัดส่วน 70%   

ทั้งนี้หลังจาก AQ ปรับโครงสร้างธุรกิจในช่วงที่ผ่านมา พร้อมดำเนินธุรกิจในลักษณะเป็นโฮลดิง คัมปะนี  (Holding Company) มีธุรกิจหลักดังคือ 1. อสังหาริมทรัพย์เน้นโครงการแนวราบ 2. ธุรกิจโรงแรม 3. ธุรกิจพลังงานทางเลือก ได้แก่พลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ 4. ธุรกิจการเงินได้แก่สินเชื่อ แบบ NonBank  และ 5. ธุรกิจกัญชง-กัญชาแบบครบวงจร ซึ่งบริษัทวางสัดส่วนรายได้แบบสมดุลเฉลี่ยอยู่ที่ 20% ในแต่ละกลุ่มธุรกิจ