สิงห์ เอสเตท โชว์ ‘พลิกกำไร’
ฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ซีอีโอ บมจ. สิงห์ เอสเตท หรือ ‘S’ เผยผลประกอบการในไตรมาส 3/65 รายงานกำไรสุทธิ 44 ล้านบาท นับเป็นการบันทึกกำไรติดต่อกันสองไตรมาส ภายหลังธุรกิจโรงแรม (บริษัทฯย่อย บมจ. เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท หรือ ‘SHR’) พลิกฟื้นกลับมามีกำไรสุทธิเป็นครั้งแรก ภายหลังได้รับผลกระทบมาตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 และการพลิกกลับมากำไรนี้เอง ก็ทำให้บริษัทเชื่อว่า ไตรมาส 4/65 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี 65 เพราะจะถูกผลักดันโดยผลการดำเนินงานที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของโรงแรมในประเทศไทยฐิติมา กล่าวว่า บริษัทฯ เห็นภาพการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวชัดเจนภายหลังเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ผนวกกับศักยภาพของโรงแรมที่ตั้งอยู่ในจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูงสุด และประสิทธิภาพในการบริหารจัดการโรงแรมของบริษัท ส่งผลให้ occupancy rate (OCC) ในเดือนตุลาคม 2565 ของโรงแรม ทราย พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ และโรงแรม ทราย ลากูน่า ภูเก็ต พุ่งขึ้นที่ 81% และ 77% ตามลำดับ เสริมทัพด้วยการเติบโตอย่างต่อเนื่องของ CROSSROADS ซึ่งปกติมีช่วง Peak season ของการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี
“เราคาดการณ์ว่า CROSSROADS จะมีผลการดำเนินงานที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เปิดตัวโครงการในปี 62 ได้ในไตรมาส 4/65 ที่จะถึงนี้” ฐิติมา กล่าว

จ่อปิดการขายบ้านหรู ‘ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส พัฒนาการ’ ตั้งแต่ยังไม่เปิดตัว
สำหรับการเปิดตัวโครงการศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส พัฒนาการ โครงการแนวราบใหม่ล่าสุดในคอนเซป Horizontal Luxury House ประกอบด้วยบ้านเดี่ยว 2 ชั้น จำนวน 28 แปลง ด้วยราคาประมาณ 65-180 ล้านบาท ที่วางแผนจะเปิดการขายภายในช่วงปลายปี 2565 ณ ปัจจุบัน โครงการได้ถูกขายไปแล้วกว่า 95% ของมูลค่าโครงการ 2,900 ล้านบาท ก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นจากลูกค้าต่อศักยภาพในการพัฒนาโครงการแนวราบของสิงห์ เอสเตท และตอกย้ำคุณภาพของแบรนด์ที่สร้างความเเตกต่างจากคู่เเข่ง

“จากกระแสตอบรับที่ดีเกินคาดของโครงการศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส พัฒนาการ เป็นเครื่องยืนยันได้ว่าลูกค้าให้ความมั่นใจในชื่อ และผลิตภัณฑ์ของ ‘สิงห์ เอสเตท’ แม้ว่าเราจะเป็นแบรด์น้องใหม่ในตลาด และพึ่งเริ่มลุยโครงการแนวราบเพียงแค่โครงการที่สองเท่านั้น แต่ลูกค้ายังคงเชื่อมั่นและซื้อบ้านในระดับราคา 100 ล้าน ทั้งก่อนการเปิดตัวโครงการและก่อนการเห็นบ้านตัวอย่าง”
ถือเป็นปรากฏการณ์ที่ทำให้เราเชื่อมั่นในเส้นทางแห่งความสำเร็จในอนาคตวางเป้าเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่ในช่วง 5 ปีหลังจากนี้อย่างต่อเนื่องปีละ 3-4 โครงการ มีมูลค่ารวม 7,000 ล้านบาทต่อปี โดยการประกาศเดินหน้ารุกตลาดบ้านแนวราบอย่างเต็มตัวด้วยแผนกลยุทธ์ ‘Rise above’ นั้น สะท้อนความมุ่งมั่นในการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เหนือระดับที่จะพัฒนาโครงการเพื่อยกระดับ ‘บ้านแบบสิงห์ เอสเตท’ ที่โดดเด่นในทุกรายละเอียดการออกแบบการเลือกใช้วัสดุและฟังก์ชั่นต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าโครงการของเราจะสามารถส่งมอบประสบการณ์แบบ Best-in-class ของการอยู่อาศัย และตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มตลาด Super Luxury ขึ้นไปได้เป็นอย่างแท้จริง
