เทียบฟอร์ม ยาริส เอทีฟ 2023 เปิดเกมตลาดอีโคคาร์ แข่งดุข้ามปี

16 พ.ย. 2565 - 09:35

  • Toyota ส่ง All New TOYOTA Yaris ATIV หรือรุ่นปี 2023 ลงแข่งตลาด Eco Car

  • โชว์ล้ำเทคโนโลยีตัวถังใหม่ ให้สมรรถนะดียิ่งขึ้น พร้อมดีไซน์โดดเด่นทั้งภายนอก-ภายใน

TOYOTA-Yaris-ATIV-2023- launched-Main
ในท่ามกลางน้ำมันราคาสูง รถยนต์ Eco Car ก็เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของคนยุคนี้ เนื่องจากเป็นรถช่วยประหยัดน้ำมัน รักษาสิ่งแวดล้อม มีขนาดเล็กกะทัดรัด ขับในเมืองยิ่งเหมาะ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ Eco Car มาเปิดตัวในยุคเทคโนโลยีและนวัตกรรม ก็ยิ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจ น่าใช้ยิ่งนัก

Yaris Ativ 2023 ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน (9 สิงหาคม 2565) ถือได้ว่าพลิกโฉมไม่น้อย จากตัวรถถูกออกแบบใหม่หมดทั้งคัน ทรงยาวโฉบเฉี่ยว รูปลักษณ์ด้านหน้าเทียบรุ่นพี่ ALTIS ได้เลยทีเดียว

Yaris Ativ 2023 อะไรที่เปลี่ยนไป

กล่าวได้ว่า Yaris Ativ 2023 รุ่นล่าสุดนั้น ได้ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มตัวถังใหม่ DNGA หรือ Daihatsu New Global Platform ซึ่งเป็นผลทำให้มันมีความแตกต่างในทุกๆจุดจากรุ่นพี่ของมันเกิน 90% โดยเครื่องยนต์ลูกเดิม ถูกปรับใหม่ให้ทำงานดียิ่งขึ้น

สมรรถนะ : เครื่องยนต์เดิม ปรับแต่งให้ทำงานดียิ่งขึ้น
 
  • เครื่องยนต์ Dual VVT-iE ขนาด 1.2 ลิตร 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว
  • กำลังสูงสุด 94 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที (เดิม 92 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที)
  • แรงบิดสูงสุด 110 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที (เดิม 109 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที)
  • ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 23.3 กิโลเมตร/ ลิตร
  • ระบบส่งกำลัง เกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i พร้อม Sequential Shift
  • อัตราทดเกียร์เดินหน้า : 2.800 – 0.425 (เดิม 2.562 – 0.392)
  • อัตราทดเกียร์ถอยหลัง : 4.784 – 2.145 (เดิม 3.115 – 1.945
  • อัตราทดเฟืองท้าย : 5.105 (เดิม 5.649)
  • มีสวิตซ์ปรับโหมดการขับขี่บนพวงมาลัยได้ถึง 3 แบบ ECO / NORMAL / SPORT

รูปทรงตัวรถ
 
  • ยาว : 4,425 มิลลิเมตร (เดิม : 4,425 มิลลิเมตร)
  • กว้าง : 1,740 มิลลิเมตร (เดิม : 1,730 มิลลิเมตร)
  • สูง : 1,480 มิลลิเมตร (เดิม : 1,475 มิลลิเมตร)
  • ความยาวช่วงล้อ : 2,620 มิลลิเมตร (เดิม : 2,550 มิลลิเมตร)
  • ความกว้างช่วงล้อ (หน้า/หลัง) : 1,520/1,510 มิลลิเมตร (เดิม : 1,470/1,460 มิลลิเมตร)
  • ความสูงใต้ท้องรถ : 160 มิลลิเมตร (เดิม : 133 มิลลิเมตร)
  • รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด : 4.8 เมตร (เดิม : 5.1 เมตร)
  • ความจุถังน้ำมัน : 40 ลิตร (เดิมเดิม : 42 ลิตร)

ดีไซน์ใหม่ทั้งคัน
 
  • ตัวถังแบบ Fastback Design
  • ระบบไฟส่องสว่างรอบคัน Full LED
  • ไฟหน้าพร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED และไฟส่องสว่างแบบ LED Light Guiding
  • ไฟท้ายแบบ LED Light Guiding พร้อมไฟเลี้ยว LED แบบ Sequential
  • Vortex Generator ดีไซน์ช่องลมพิเศษ
  • ล้ออัลลอยปัดเงาสีทูโทนขนาด 16 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 195/60-16 (เดิมใช้ล้ออัลลอยด์ขนาด 15 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 185/60-15)
  • ดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ

งานออกแบบภายใน เพิ่มความสะดวกสบายและลูกเล่นน่าสนใจ
 
  • เบาะหนังสังเคราะห์สีแดงทรงสปอร์ต พร้อมตกแต่งด้วยด้ายสีแดง
  • คอนโซลหน้าหุ้มหนังสังเคราะห์สีแดงแบบ Premium Soft Touch พร้อมตกแต่งด้วยแถบสีเงินเมทัลลิก
  • ไฟ Ambient Light ภายในห้องโดยสาร บริเวณคอนโซลกลาง / ด้านบน / แผงประตูด้านหน้า ปรับได้ 64 เฉด
  • หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto (เดิมขนาด 6.7 นิ้ว และไม่รองรับระบบ Apple CarPlay และ Android Auto)
  • ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ ดีไซน์ปุ่มสะท้อนความพรีเมียม
  • ระบบกรองฝุ่น PM2.5 พร้อมสถานะแจ้งเตือนระดับฝุ่นภายในห้องโดยสาร
  • ระบบเบรกมือไฟฟ้า พร้อมระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ
  • ช่องปรับอากาศ สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
  • มาตรวัดแบบ Digital พร้อมจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสี TFT ขนาด 7 นิ้ว (เดิมเป็นจอมาตรวัดธรรมดา ทำงานร่วมกับจอ MID ขนาด 4.2 นิ้ว)

ระบบความปลอดภัยใส่เต็มกว่าที่เคย

Toyota Safety Sense
 
  • Automatic High Beams ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ
  • Lane Departure Alert ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมพวงมาลัยดึงกลับอัตโนมัติ
  • Pre-Collision System ระบบความปลอดภัยก่อนการชน
  • Pedal Misoperation Control ระบบป้องกันการเหยียบคันเร่งแบบผิดวิธี
  • Front Departure Alert ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัว
  • All-Speed Adaptive Cruise Control ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบ All-Speed
 
Active Safety
 
  • ระบบป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Brake System)   
  • ระบบควบคุมการทรงตัว VSC (Vehicle-Stability Control)      
  • ระบบกระจายแรงเบรค EBD (Electronic Brake-force Distribution)  
  • ระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist)     
  • กล้องมองรอบคัน (Panoramic View Monitor)  
  • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Monitor)     
  • ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert)   
  • สัญญาณเตือนกะระยะ ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง และด้านหลัง 4 ตำแหน่ง     
  • ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill-start Assist Control) 
  • ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง     
  • ระบบไฟส่องสว่างหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow-Me-Home) 
  • กุญแจรีโมท พร้อมระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer และระบบเตือนการโจรกรรม TDS 
  • ระบบล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อถึงความเร็วที่กำหนด (Speed Auto Lock)

Passive Safety
 
  • ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS 6 ตำแหน่ง (คู่หน้า / ด้านข้าง / ม่านด้านข้าง)
  • โครงสร้างตัวถังนิรภัย GOA
  • ชุดซ่อมยางฉุกเฉิน

โดย Toyota Yaris Ativ 2023 มาพร้อมกับ 7 เฉดสีให้ลูกค้าได้เลือก
 
  • สีส้ม SPICY SCARLET (สีใหม่ และเป็นพิเศษเพิ่ม 7,000 บาท)
  • สีขาว Super White
  • สีเงิน Metal Stream
  • สีเทา Urban Metal
  • สีแดง Red Mica Metallic
  • สีดำ Attitude Black Mica
  • สีขาวมุก Platinum White Pearl (สีพิเศษเพิ่ม 7,000 บาท)

สมรรถนะ ดีไซน์ภายนอกภายใน เสริมทัพด้วยระบบความปลอดภัยครบ และ Eco Car ยังขับประหยัดน้ำมันด้วย จัดเต็มแบบนี้ ไปดูราคา โดย Toyota Yaris Ativ 2023 จัดมาแล้ว 4 รุ่นย่อย

– PREMIUM LUXURY : ราคา 689,000 บาท
– PREMIUM : ราคา 659,000 บาท
– SMART : ราคา 584,000 บาท
– SPORT : ราคา 539,000 บาท

ขณะที่ในช่วงท้ายของปี 2022 ต่อเนื่องถึง 2023 นี้ ยังคาดว่า เกมการแข่งขันในตลาดอีโก้คาร์ น่าจะยังคงมีสีสันออกมาอย่างต่อเนื่อง จากที่ผ่านมาหลายค่ายก็ได้เปิดตัวน้องเล็ก Eco Car ออกมาทำตลาดต่อเนื่อง ดังที่เราเห็นรูปโฉมของน้องๆ ในหลายค่าย ซึ่งต้องบอกว่า หลายค่ายล้วนสร้างจุดเด่นได้ดี คราวนี้ก็ขึ้นอยู่กับลูกค้าแล้วว่า สเปคไหนของแบรนด์ไหนจะโดนใจมากกว่ากัน ทบทวนอีกครั้ง สำหรับรถยนต์น้องเล็กในตลาด Eco Car 2022
 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/NKJSB7v8KNBDP8ZSNr7Jg/d329882b19e4163028602cf148e8127f/info-TOYOTA-Yaris-ATIV-2023-_launched_

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์