สนค. แนะธุรกิจเร่งปรับตัว หลังความขัดแย้งสหรัฐฯ-จีน แนวโน้มรุนแรง

16 ม.ค. 2566 - 09:37

  • เตือนอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ รับเต็มๆ กรณีความขัดแย้งสหรัฐฯ-จีน ซึ่งมีแนวโน้มตอบโต้กัน รุนแรงขึ้น

  • พร้อมแนะจับตาการส่งเสริมย้ายฐานผลิตของสหรัฐฯ อาจเป็นโอกาสดูดลงทุนไทยในอนาคต

US-China-conflict-electrical-industry-electronics-automotive-SPACEBAR-Hero
พูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เผย ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯและจีน ที่ดำเนินมาตรการทางภาษีตบโต้ระหว่างกันมาตั้งแต่ปี 2561 นั้น ขณะนี้ มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นและความขัดแย้งได้ขยายวงกว้างไปยังด้านอื่น โดยเฉพาะการแย่งชิงความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยี ซึ่งเกี่ยวข้องกับความมั่นคง การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และการเป็นมหาอำนาจของโลก  

สนค.มองว่า แนวโน้มการแข่งขันและการแบ่งขั้วทางเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ กับจีน มีโอกาสส่งผลต่อไทย เช่น การเป็นแหล่งผลิตทางเลือกให้กับสหรัฐฯ และโอกาสในการดึงดูดการลงทุนของไทย จากการย้ายฐานการผลิตออกจากจีน 

อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นที่ไทยยังต้องจับตาใกล้ชิด เช่น การส่งเสริมการย้ายฐานการผลิตของสหรัฐฯ ซึ่งอาจกระทบต่อการลงทุนจากต่างประเทศในไทยในอนาคต, ความขัดแย้งประเด็นไต้หวันหากรุนแรงขึ้น อาจทำให้เซมิคอนดักเตอร์ขาดแคลนไปทั่วโลก ส่งผลกระทบต่อประเทศผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึงไทย ที่เป็นฐานการผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์ อีกทั้งความขัดแย้งอาจสร้างความเปลี่ยนแปลง และผลกระทบต่อการลงทุน การผลิต การค้า และห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงการกีดกันเทคโนโลยีขั้นสูงระหว่างห่วงโซ่อุปทานของทั้ง 2 ชาติ และพันธมิตรที่ คาดว่าจะส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่ออุตสาหกรรมของไทย ในสาขาเครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์ในอนาคต 

ทั้งนี้ทั้งนั้น ไทยควรเร่งปรับตัวเพื่อรับมือกับผลกระทบและใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ดังนี้  
  1. ส่งเสริมและดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ เพื่อให้ไทยสามารถพัฒนา หรือร่วมพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองและขยายฐานการผลิตและแข่งขันได้ต่อไปในอนาคต  
  2.  เตรียมพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน และลงทุนในนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงที่จำเป็นต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งอนาคต รวมถึงเร่งพัฒนาแรงงานฝีมือในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเป้าหมาย   
  3. ปรับตัวให้สอดรับกับการแบ่งขั้วห่วงโซ่การผลิตของเทคโนโลยีสำคัญระหว่างสหรัฐฯ และจีน ผ่านการส่งออกวัตถุดิบ/สินค้าขั้นกลาง ส่งเสริมการลงทุนในสหรัฐฯ จีน และประเทศที่อยู่ในห่วงโซ่ผลิตของสหรัฐฯ เพื่อเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิต  และวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของไทยที่สอดรับกับเป้าหมายของสหรัฐฯ และจีน   
  4. เร่งส่งเสริมการค้าสินค้าเทคโนโลยี โดยในช่วง 5 ปีล่าสุด หรือปี 60-64 มูลค่าส่งออกเทคโนโลยีระดับกลาง เช่น เครื่องยนต์ ยานยนต์ ของไทยขยายตัวเฉลี่ย 3.6% ต่อปี ขณะที่สินค้าเทคโนโลยีระดับสูง เช่น อิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัวเฉลี่ย 1.5% ต่อปี ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลก ซึ่งอยู่ที่ 6.9% และ 4.2% ตามลำดับ จึงยังมีโอกาสที่ไทยจะส่งเสริมการส่งออกได้อีก   
  5. ลดความผันผวนของห่วงโซ่ผลิตและกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ ไม่ให้พึ่งพาประเทศใดประเทศหนึ่งมากเกินไป โดยสร้างพันธมิตรทางการค้า และมองหาคู่ค้ารายใหม่  
  6. เร่งส่งเสริมความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจที่เกี่ยวเนื่องกับเทคโนโลยีเป้าหมาย  
  7. ผลักดันการใช้สิทธิประโยชน์จากกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ทั้งระดับภูมิภาคและระดับอนุภูมิภาค โดยใช้ประโยชน์จากการยกเว้นภาษี/การเก็บภาษีระดับต่ำ 
ภาครัฐและภาคเอกชนควรกระชับความสัมพันธ์ร่วมกัน เพื่อใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงห่วงโซ่อุปทานและการลงทุนที่มีแนวโน้มย้ายสู่อาเซียนมากขึ้น อีกทั้งผนึกกำลังเพื่อสร้างอำนาจการต่อรองทางเศรษฐกิจร่วมกับชาติพันธมิตรอาเซียน นอกจากนี้ ไทยยังควรบริหารความสัมพันธ์ กับสองประเทศอย่างสมดุล เพื่อสร้างบรรยากาศการค้าการลงทุนที่เสรี และเป็นมิตรกับทุกประเทศต่อไป 

เพราะเมื่อเปรียบเทียบด้านเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ และจีน พบว่า สหรัฐฯ มีจุดแข็งคือการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ (ความสามารถในการวิจัยพื้นฐานและคิดค้นสิ่งที่ยังไม่มีใครทำมาก่อน) และมีความสามารถในการเปลี่ยนผ่านนวัตกรรม (Breakthrough) ให้ใช้งานได้ดีกว่าเดิมหรือมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยสหรัฐฯ ได้เปรียบจีนด้านนวัตกรรมที่โดดเด่น สัดส่วนการใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาต่อ GDP การส่งออกสินค้าเทคโนโลยีระดับกลาง และความคืบหน้าของเทคโนโลยียุคใหม่ อาทิ เทคโนโลยีควอนตัม เซมิคอนดักเตอร์ และเทคโนโลยีชีวภาพ  

ขณะที่ จีน มีจุดแข็งคือการประยุกต์และการต่อยอดเทคโนโลยีเดิม และความสามารถในการผลิต เนื่องจากจีนมีแรงงานทักษะมหาศาล รวมไปถึงสามารถลดต้นทุนในกระบวนการผลิต ทำให้จีนเป็นโรงงานของโลก อีกทั้งจีนยังได้เปรียบสหรัฐฯ ด้านการครอบครองทรัพยากรสำคัญในยุคเทคโนโลยี เช่น ลิเทียม ธาตุหายาก แกรไฟต์ การส่งออกสินค้าเทคโนโลยีระดับสูง และความคืบหน้าของเทคโนโลยียุคใหม่ อาทิ ปัญญาประดิษฐ์ การสื่อสารแบบไร้สาย และพลังงานสีเขียว 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/5sROKFs0P9EeNjpbJneCrA/7d12d1be395bd604a574f66acc2a199e/US-China-conflict-electrical-industry-electronics-automotive-SPACEBAR-Photo01

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์