ปัจจุบันปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI กำลังเข้ามาพลิกโฉม และพาเราทุกคนก้าวสู่โลกใบใหม่ ที่อาจไม่สามารถทำนายได้ว่า โลกใหม่ใบนี้ พวกเราจะต้องใช้ชีวิตอย่างไร, องค์กรธุรกิจ จะต้องปรับ Business Model อย่างไร หรือสภาพแวดล้อมจะน่ากังวลไปกว่านี้หรือไม่? ประเด็นนี้ จึงทำให้ทุกองค์กรต่างต้องเร่งพัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับ AI ให้มากที่สุด และสร้างสรรค์รูปแบบการใช้ AI ให้ตอบโจทย์อย่างเต็มที่เพื่อเอาชนะในการแข่งขัน จนอาจจะลืมนึกถึงการวางรากฐาน หรือ Framework การนำ AI มาใช้อย่างสมดุล เพื่อให้สามารถสร้างประโยชน์ได้ สูงสุดอย่างยั่งยืน ไม่สร้างผลกระทบที่เสียหายต่อ สังคม เศรษฐกิจ หรือสิ่งแวดล้อม นี่จึงเป็นโจทย์ใหญ่ ที่เราทุกคนต้องย้อนมอง ก่อนจะให้ AI พาทะลุมิติ เจริญรุ่งเรืองในระยะยาว
จึงเป็นที่มาของความร่วมมือระหว่าง AIS และ Looloo Technology (ลูลู่ เทคโนโลยี) บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ที่พร้อมเข้ามาขับเคลื่อนการวางรากฐานการใช้ AI อย่างยั่งยืน เพื่อช่วยสร้างศักยภาพการแข่งขันให้กับทั้งองค์กร และประเทศไทยให้ทัดเทียมกับนานาชาติ โดยการผนึกกำลังครั้งนี้ เป็นความร่วมมือของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง มีนายอราคิน รักษ์จิตตาโภค หัวหน้าหน่วยธุรกิจงานขับเคลื่อนนวัตกรรมบริษัท AIS, นายปริชญ์ รังสิมานนท์, นายสุปิติ บูรณวัฒนาโชค, ดร.ธรรมนิติ์ พิพัฒน์ศรีสวัสดิ์ ผู้ร่วมก่อตั้ง และนายเมธินท์ ภาสพานทอง หัวหน้าแผนก กลยุทธ์ทางด้าน AI บริษัท ลูลู่ เทคโนโลยี จำกัด
ทั้งหมดจะร่วมกันออกแบบ AI Governance Framework - พิมพ์เขียว AI เพื่อความยั่งยืน ที่จะเป็นกรอบในการประยุกต์ใช้ AI ที่คำนึงถึงปัจจัยด้านจริยธรรม, ธรรมาภิบาล, ความโปร่งใส การตรวจสอบได้ , ความเท่าเทียม ตลอดจนประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม โดยความร่วมมือนี้มีจุดมุ่งหมายอยากให้เป็นการจุดประกายให้ทุกคนที่นำ AI มาใช้นั้น ต้องมีกรอบของการใช้อย่างยั่งยืน เพื่อให้ AI ที่เราทุกคนสร้างสรรค์ขึ้นมา สามารถเป็น IA-Intelligence Assistant ได้ มากกว่าที่จะย้อนกลับมาทำลาย หรือ Disrupt โลกนี้
น่ายินดีอีกว่า ความร่วมมือครั้งนี้ มีกำหนดการแล้วเสร็จคร่าวๆ คาดการณ์ไว้ว่าอยู่ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2567 ซึ่งจะสามารถนำมาประยุกต์ใช้ใน AIS และหรือ เผยแพร่ให้แก่องค์กรต่างๆเพื่อวางแผนในการนำ AI เข้ามาใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ภายในปี 2567 นี้เช่นกัน
