เหล็กจีน เหลี่ยมจัด! เลี่ยงจ่ายอากร AD หนุนไทยจัดการ

18 พ.ค. 2567 - 06:44

  • นักวิชาการ- 10 สมาคมเหล็ก หนุนบังคับใช้มาตรการตอบโต้ การหลบเลี่ยงมาตรการทางการค้าของเหล็กรีดร้อนเจืออัลลอย เคสแรกของไทย

  • ชี้ ไทยต้องสูญเสียรายได้จากอากรทุ่มตลาดและอากรนำเข้ากว่า 4 พันล้านบาท ต่อปี

anti-dumping-circumvention-ad-ac-hot-rolled-steel-alloy-SPACEBAR-Hero.jpg

นักวิชาการและ 10 สมาคมเหล็ก สนับสนุนการบังคับใช้มาตรการตอบโต้การหลบเลี่ยงมาตรการทางการค้า (Anti-Circumvention : AC) เคสแรกของประเทศไทย กับสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเจืออัลลอยจากจีน หลังมีการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-Dumping : AD) สินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนจากจีน แต่ผู้ผลิตจากจีนใช้เล่ห์ซ้ำซากเจือสารอัลลอยเปลี่ยนพิกัด หลบเลี่ยงไม่จ่ายอากร AD สร้างความเสียหายกับอุตสาหกรรมเหล็กไทยอย่างรุนแรง กระทบการจ้างงานในอุตสาหกรรมเหล็กและเศรษฐกิจของประเทศไทย

ปัญหานี้เกิดขึ้นตั้งแต่ กันยายน 2566 ไทย โดยคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ทตอ.) เปิดไต่สวน AC สินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากจีน เพื่อขยายการเรียกเก็บอากร AD (ตอบโต้การทุ่มตลาด) หลังมีข้อมูลชี้ชัด ผู้ผลิตจีนนำเหล็กแผ่นรีดร้อนไปเจืออัลลอย เลี่ยงภาษีเอดี โดยเป็นการดำเนินการกับผู้ผลิต 17 ราย เมื่อปี 2566 ถือเป็นเคสแรก ที่เปิดการไต่สวน หลังจาก พ.ร.บ.การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2562 บังคับใช้มาตั้งแต่ปี 62

ศาสตราจารย์ทัชมัย ฤกษะสุต อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายธุรกิจ กฎหมายเศรษฐกิจ และกฎหมายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ให้ความเห็นต่อร่างผลการไต่สวนการหลบเลี่ยงมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด หรือที่เรียกกันว่ามาตรการ AC กรณีสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเจืออัลลอยจากประเทศจีนว่า จากข้อมูลและข้อเท็จจริงที่กรมการค้าต่างประเทศใช้ในการไต่สวนและได้เผยแพร่ในเว็บไซต์กรมฯ นั้น มีความครบถ้วนตรงตามหลักการของการใช้มาตรการ AC และเป็นไปตาม พ.ร.บ. การตอบโต้การทุ่มตลาดและอุดหนุน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติมใน พ.ศ. 2562

anti-dumping-circumvention-ad-ac-hot-rolled-steel-alloy-SPACEBAR-Photo V01.jpg

เนื่องจากมีข้อมูลเชิงประจักษ์ว่า สินค้าเหล็ก ‘เจืออัลลอย’ มีการส่งออกจากจีนเพิ่มมากขึ้นหลังจากที่มีการใช้มาตรการ AD และมีข้อมูลทางเทคนิคว่า “เหล็กเจืออัลลอยเป็นสินค้าที่มีการแก้ไขดัดแปลงเพียงเล็กน้อย โดยไม่มีผลต่อลักษณะหรือคุณสมบัติของสินค้ารวมถึงมีการทุ่มตลาดด้วย” ซึ่งจากการที่ศาสตราจารย์ทัชมัย ได้ทำวิจัยในปี 2562-2563 เรื่องการใช้มาตรการ AC ของสหภาพยุโรป ที่เป็นประเทศต้นแบบของมาตรการ AD และ AC ของไทยพบว่า มีหลักการและแนวทางการใช้มาตรการที่สอดคล้องกัน ดังนั้น จึงเป็นโอกาสอันดีที่ประเทศไทย จะมีมาตรการทางการค้าที่มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมจากต่างประเทศ 

ที่ผ่านมา ถึงแม้จะมีการใช้มาตรการ AD หลายมาตรการ แต่อาจจะมีประสิทธิภาพการบังคับใช้ไม่เต็มที่ เนื่องจากมีการหลบเลี่ยงในหลายรูปแบบ ซึ่งหากประเทศไทยมีกฎหมาย AC ที่ช่วยอุดช่องว่างนี้แล้ว เชื่อว่าประสิทธิภาพการใช้มาตรการทางการค้าของไทยจะมีมากยิ่งขึ้น และช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถอยู่รอดได้ท่ามกลางการแข่งขันทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม

นายนาวา จันทนสุรคน หนึ่งในแกนนำ 10 สมาคมผู้ประกอบอุตสาหกรรมเหล็ก เปิดเผยว่าประเทศจีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่สุดของไทย โดยในปี 2566 มีสินค้าจีนส่งมายังไทยรวมมูลค่ามากถึง 2,472,785 ล้านบาท และไทยขาดดุลการค้ากับจีน 1,295,895 ล้านล้านบาท ทั้งนี้ เหล็กเป็นหนึ่งในกลุ่มสินค้าที่จีนส่งออกมายังไทยปริมาณสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่กลางปี 2564 เป็นต้นมา ซึ่งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนประสบปัญหาชะลอตัวและหนี้เสีย จนความต้องการใช้เหล็กภายในประเทศจีนถดถอย สวนทางกับผู้ผลิตเหล็กในจีนที่ยังคงใช้กำลังการผลิตเหล็กออกมาในจำนวนมาก ทำให้จีนต้องเร่งส่งออกสินค้าเหล็กไปทั่วโลกมากขึ้น 

โดยปี 2566 จีนส่งออกสินค้าเหล็กรวม 90.3 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ถึง 41.7% และในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 มีการส่งออกเพิ่มเป็น 25.8 ล้านตัน มากขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 30.7% ซึ่งหากยังคงการส่งออกในอัตรานี้ตลอดทั้งปี สินค้าเหล็กส่งออกจากจีนอาจมีปริมาณสูงสุดในรอบ 8 ปี เกือบ 105 ล้านตัน

anti-dumping-circumvention-ad-ac-hot-rolled-steel-alloy-SPACEBAR-Photo V02.jpg

ทั้งนี้ ในหลายภูมิภาคของโลกได้มีการใช้มาตรการทางการค้าเพื่อสกัดกั้นสินค้าเหล็กจากจีน โดยองค์การการค้าโลก หรือ WTO รายงานสถิติการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) และมาตรการตอบโต้การอุดหนุน (Countervailing Duty : CVD) กับสินค้าเหล็กทั่วโลก รวม 668 มาตรการ สินค้าเหล็กจากจีนถูกใช้มาตรการสูงสุด 187 มาตรการ โดยประเทศที่ใช้มาตรการทางการค้ามากสุด คือ สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป ซึ่งใช้ครบทั้งมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) มาตรการตอบโต้การหลบเลี่ยง (AC) มาตรการตอบโต้การอุดหนุน (CVD) และมาตรการปกป้องการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น (Safeguard : SG) จนกระทั่งล่าสุด อเมริกายังต้องเพิ่มมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเหล็กจีนจาก 0% - 7.5% เป็น 25%

ขณะที่ประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับการไหลทะลักของสินค้าเหล็กจีนเข้ามาจำนวนมาก ปี 2566 มีมูลค่านำเข้าสูงถึง 1.36 แสนล้านบาท ปริมาณรวม 4.58 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 24% จากปี 2565 และกรณีสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเจืออัลลอยจากจีนที่อยู่ระหว่างการไต่สวนการหลบเลี่ยง (AC) โดยคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน ปรากฎข้อเท็จจริงว่า มีปริมาณนำเข้าปี 2566 รวม 568,184 ตัน เพิ่มขึ้น 23% ซึ่งการหลบเลี่ยงดังกล่าวบั่นทอนการบังคับใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด ประเทศไทยต้องสูญเสียรายได้จากอากรทุ่มตลาดและอากรนำเข้ามากกว่า 4 พันล้านบาทต่อปี โดยหากปล่อยให้สินค้าเหล็กจีนดังกล่าวยังทะลักเข้ามายังประเทศไทย อาจส่งผลให้อุตสาหกรรมเหล็กแผ่นรีดร้อนภายในประเทศไทยอาจต้องปิดตัวลง กระทบการจ้างงานทั้งทางตรงและต่อเนื่องร่วมหมื่นคน อีกทั้งเสียการสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนและการสร้างมูลค่าเพิ่มในประเทศมูลค่ามหาศาล 

ดังนั้น 10 สมาคมเหล็กจึงสนับสนุนคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ที่จะได้บังคับใช้มาตรการตอบโต้การหลบเลี่ยง (AC) กับสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเจืออัลลอยจากจีนเป็นกรณีนำร่องของประเทศไทย

ทำไม ไทยยังต้องพึ่งพา ‘เหล็กจีน’

การที่ประเทศไทยยังคงต้องพึ่งพาเหล็กนำเข้าจากจีนแม้จะมีปัญหาทุ่มตลาด และการเลี่ยงอากรมีสาเหตุหลายประการ คือ
1. ราคาที่แข่งขันได้ : เหล็กจีนมักมีราคาต่ำกว่าเหล็กที่ผลิตในประเทศ หรือจากประเทศอื่น เนื่องจากความสามารถในการผลิตขนาดใหญ่และต้นทุนการผลิตที่ต่ำ ทำให้เหล็กจีนสามารถเสนอราคาที่แข่งขันได้ในตลาดโลก รวมถึงตลาดไทย
2. กำลังการผลิตภายในประเทศไม่เพียงพอ : อุตสาหกรรมเหล็กในประเทศไทยอาจไม่สามารถผลิตเหล็กได้เพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงที่มีการลงทุนในโครงการก่อสร้างและโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ทำให้จำเป็นต้องนำเข้าเหล็กจากต่างประเทศเพื่อรองรับความต้องการ
3. คุณภาพและความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ : แม้ว่าเหล็กจีนอาจมีปัญหาเรื่องคุณภาพในบางกรณี แต่จีนก็สามารถผลิตเหล็กในรูปแบบและคุณภาพที่หลากหลายตามความต้องการของตลาด ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการสามารถเลือกใช้เหล็กตามความต้องการเฉพาะทางของโครงการต่างๆ
4. ความสะดวกในการจัดหา : การนำเข้าเหล็กจากจีนมักจะมีความสะดวก เนื่องจากจีนมีโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งที่ดี และมีระบบการส่งออกที่มีประสิทธิภาพ ทำให้การนำเข้าเหล็กสามารถทำได้ง่ายและรวดเร็ว
5. การตอบสนองต่อความต้องการเร่งด่วน : ในบางสถานการณ์ที่ต้องการเหล็กในปริมาณมากและในเวลาที่รวดเร็ว เช่น โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ การนำเข้าเหล็กจากจีนสามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากการผลิตในปริมาณมากและการจัดส่งที่รวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม ในปัญหาการจัดการกับปัญหาทุ่มตลาดและการเลี่ยงอากร นี้ ประเทศไทยใช้มาตรการต่างๆ เพื่อลดผลกระทบจากการทุ่มตลาดและการเลี่ยงอากร มาอย่างต่อเนื่อง เช่น 
- การจัดเก็บอากร Anti-Dumping (AD) เพื่อเพิ่มราคาของเหล็กนำเข้าและลดผลกระทบต่อผู้ผลิตในประเทศ
- การกำหนดมาตรฐานคุณภาพของเหล็กนำเข้า เพื่อลดปัญหาเรื่องคุณภาพสินค้า
- การตรวจสอบและกำกับดูแลการนำเข้าสินค้าอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการเลี่ยงอากร

ถึงแม้ว่าจะมีความท้าทายในการพึ่งพาการนำเข้าเหล็กจากจีน แต่การจัดการและการควบคุมที่มีประสิทธิภาพสามารถช่วยลดผลกระทบด้านลบและส่งเสริมความยั่งยืนของอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศไทยได้

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์