การประกอบการไม่รับผิดชอบ ‘ทิ้งน้ำเสีย’ แบบเป็นขบวนการฉ้อฉล ถูกจัดการอีกราย โดยเช้านี้ (20 มิ.ย.67) ‘บิ๊กเต่า’ นำทีมหนุมานกองปราบ พร้อมที่ปรึกษา รมว.เกษตรฯ เปิดปฏิบัติการปราบปราม ลุยค้น 13 จุด ล้างบางเจ้าหน้าที่รัฐออกหนังสือให้นอมินีครอบครองที่ดิน ส.ป.ก.โคราช กว่า 600 ไร่ เอื้อนายทุนโรงงาน ใช้เป็นพื้นที่รองรับน้ำเสีย

เหตุเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วง 06.00 น.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้ชัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) พร้อมด้วยนายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ นายกฤษฎา อินทามระ ‘ทนายปราบโกง’ นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานกองปราบ เจ้าหน้าที่กองบังคับการตำรวจทางหลวง เข้าตรวจค้นเป้าหมาย 13 จุด ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา, อุดรธานี และกรุงเทพฯ เพื่อจับกุมผู้ต้องหาขบวนการทุจริตออกใบอนุญาตที่ดิน สปก. ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา 4 ราย ประกอบด้วย
นายอัครเดช เรียนหิน อายุ 56 ปี เจ้าหน้าที่ปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา
นางวิไลลักษณ์ บุตรดา อายุ 53 ปี เจ้าหน้าที่นิติกรชำนาญการพิเศษ
นายปรีชา ประภานุกูล อายุ 61 ปี เจ้านายช่างสำรวจอาวุโส
และ นายโชคศักดิ์ มณีจันทรา อายุ 54 ปี นายช่างรังวัด
ในความผิด “ฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจโดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ” ภายหลังเชื่อว่า ทั้งหมด มีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ปล่อยปะละเลยให้โรงงานแห่งหนึ่งในพื้นที่ ปล่อยน้ำเสียลงพื้นที่ ส.ป.ก.โดยไม่มีการดำเนินการใดๆ กับโรงงานดังกล่าว
เรื่องนี้ มีการดำเนินการมาก่อนหน้า โดย กฤษฎา อินทามระ (ฉายาทนายปราบโกง) เข้าร้องขอให้ทางตำรวจ บก.ปปป. ช่วยตรวจสอบพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งคือบุคคลที่มีชื่อทั้งหมดดังกล่าว จะละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เอื้อนายทุน จนมีความเสียหายกับที่ดิน ส.ป.ก. และต่อมามีการตรวจสอบ โดยตำรวจ บก.ปปป. พบความผิดปกติหลายอย่างที่ส่อไปในทางฉ้อฉล ไม่ว่าจะเป็น การเร่งรัดดำเนินการออกหนังสือ ส.ป.ก.ให้กับชาวบ้านรวม 13 ราย เพื่อปกปิดความผิดของบริษัทจากการปล่อยน้ำเสียลงที่ดินของ ส.ป.ก. เป็นการปล่อยน้ำเสียลงพื้นที่ของชาวบ้าน ทำให้ที่ดินของรัฐ (ส.ป.ก.) ได้รับความเสียหายเกือบ 600 ไร่ จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 3 ออกหมายจับเจ้าหน้าที่รัฐที่ร่วมกระทำผิดทั้ง 4 ราย ดังกล่าว

สัญญาณผิดปกติ ในขบวนการออกหนังสือ
สำหรับแผนประทุษกรรมของกลุ่มเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. เหล่านี้ ส่วนใหญ่จะอยู่กระบวนการขั้นออกหนังสือ ส.ป.ก.ให้กับชาวบ้านเพื่อใช้เป็นนอมินี หลังพบความผิดปกติหลายอย่าง อาทิ ไม่ได้มีการรังวัดที่ดิน ตามการนำชี้ของผู้ครอบครองทำประโยชน์ แต่เป็นการแบ่งแปลงเองของเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. รวมถึงวันที่มีการรังวัด สอบสวนสิทธิที่ดินกว่า 600 ไร่ นั้น ยังทำภายในวันเดียวกัน อีกทั้งยังพบว่ามีการให้เกษตรกร ที่เป็นผู้ถึอครองแทน หรือ นอมินี ลงนามรับรองผลการรังวัดไว้ ก่อนที่จะมีการรังวัด จากนั้นจึงจัดทำเอกสารเท็จขึ้นมา

นอกจากนี้ ยังพบว่า ไม่มีการตรวจสอบความเป็นเกษตรกรของผู้ที่จะเข้ามาถือครอง ซึ่งบางรายพบว่าเป็นพนักงานโรงงาน บางรายไม่มีคุณสมบัติชัดเจน เช่นไม่ใช่ญาติของผู้กระจายสิทธิ และไม่ได้เป็นเกษตรตามข้อกำหนด อีกทั้งจากการลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพที่ดินที่ ออกเป็น ส.ป.ก.4-01 นั้น ส่วนใหญ่พบเป็นบ่อน้ำเสียเต็มพื้นที่ ไม่เหมาะสมในการนำมาจัดให้เกษตรกร รวมถึงยังพบร่องรอยการลงนามเอกสารที่ไม่สมบูรณ์ มีการเร่งรัดข้ามขั้นตอน และบันทึกข้อมูลอันเป็นเท็จ
โดยเป้าหมายสำคัญจุดแรกอยู่ที่บ้านเลขที่ 789 หมู่12 ต.โคกกรวด อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นบ้านพักของนายปรีชา ประภานุกูล อายุ 61 ปี หนึ่งในกลุ่มผู้ต้องหา มีตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่นายช่างสำรวจอาวุโส แต่ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นบ้านพักปรากฎเจ้าตัวไม่อยู่บ้าน สอบถามคนในบ้านทราบว่าออกจากบ้านพักไปตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยไปวิ่งออกกำลังกายอยู่ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี อยู่ห่างจากบ้านพักราวๆ 6 กิโลเมตร จึงนำกำลังตามไปจับกุมตัวได้ดังกล่าว ส่วนรายละเอียดการเข้าตรวจค้นจับกุมในจุดอื่นๆจะมีการสรุปผลแถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

นอกจากนี้ ยังพบว่า ไม่มีการตรวจสอบความเป็นเกษตรกรของผู้ที่จะเข้ามาถือครอง ซึ่งบางรายพบว่าเป็นพนักงานโรงงาน บางรายไม่มีคุณสมบัติชัดเจน เช่นไม่ใช่ญาติของผู้กระจายสิทธิ และไม่ได้เป็นเกษตรตามข้อกำหนด อีกทั้งจากการลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพที่ดินที่ ออกเป็น ส.ป.ก.4-01 นั้น ส่วนใหญ่พบเป็นบ่อน้ำเสียเต็มพื้นที่ ไม่เหมาะสมในการนำมาจัดให้เกษตรกร รวมถึงยังพบร่องรอยการลงนามเอกสารที่ไม่สมบูรณ์ มีการเร่งรัดข้ามขั้นตอน และบันทึกข้อมูลอันเป็นเท็จ
โดยเป้าหมายสำคัญจุดแรกอยู่ที่บ้านเลขที่ 789 หมู่12 ต.โคกกรวด อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นบ้านพักของนายปรีชา ประภานุกูล อายุ 61 ปี หนึ่งในกลุ่มผู้ต้องหา มีตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่นายช่างสำรวจอาวุโส แต่ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นบ้านพักปรากฎเจ้าตัวไม่อยู่บ้าน สอบถามคนในบ้านทราบว่าออกจากบ้านพักไปตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยไปวิ่งออกกำลังกายอยู่ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี อยู่ห่างจากบ้านพักราวๆ 6 กิโลเมตร จึงนำกำลังตามไปจับกุมตัวได้ดังกล่าว ส่วนรายละเอียดการเข้าตรวจค้นจับกุมในจุดอื่นๆจะมีการสรุปผลแถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

“จากการทำงานพบปัญหาอุปสรคที่ผ่านมาคือไม่ได้รับความเป็นร่วมมือจากข้าราชการในท้องที่ ทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาให้ชาวบ้านได้ทันที ก่อนคณะทำงานขับเคลื่อนการตรวจสอบและพิจารณาความผิดเกี่ยวกับผู้ได้รับการจัดที่ดินและผู้ถือครองที่ดินโดยมิชอบในเขตปฏิรูปที่ดินมาตรวจสอบจึงสำเร็จ”

