อุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี แม้จะมีความผันผวน แต่ก็ถือว่า มีความท้าทาย และมีแนวโน้มเติบโตดี โดยเวทีเสวนาพิเศษ “Decoding: is FY24 the best year for crypto?” ที่จัดโดย บริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด พากูรูในวงการ ร่วมถอดรหัสภูมิทัศน์คริปโทในไทย landscape ของการลงทุนที่เปลี่ยนไป ฉายภาพปี 2024 ‘ปีแห่งความสำคัญของคริปโท’ เน้นย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบที่ชัดเจนขึ้น สถาบันการเงินเข้าร่วมและยอมรับมากขึ้น เสริมไทยมีศักยภาพเป็นศูนย์กลางสินทรัพย์ดิจิทัลในภูมิภาค
กฎระเบียบที่ชัดเจนขึ้นและการเข้าร่วมของสถาบัน
นเรศ เหล่าพรรณราย นายกสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย เผย ทั่วโลกมีความสนใจและจับตาพัฒนาการสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง โดยตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา สามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม หลังเกิดเหตุการณ์ที่ร้ายแรงคือการล้มละลายของ FTX ทำให้หลายประเทศเข้มงวดมากขึ้น โดยทางฝั่งอเมริกา เข้มงวดมากขึ้นในเรื่องของเว็บเทรด, การออกเหรียญ เช่นเดียวกับฝั่งเอเชีย ประเทศไทย มีการออกกฎควบคุมดูแลที่เข้มขึ้น อีกกลุ่เป็นประเทศที่มุ่งพัฒนาสู่ศูนย์กลางด้านการเงิน (ฮับ) เช่น สิงคโปร์ ดูไบ แต่ยังมีการเปิดช่องให้มีการส่งเสริมตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ความสนใจจากทั่วโลกที่จับตาพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง การเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบ โอกาสทางกลยุทธ์ และอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของผู้เล่นในระดับสถาบัน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมให้ก้าวไปข้างหน้า
ทั้งนี้ ความสำคัญของปี 2024 ในแง่ของการมีส่วนร่วมจากสถาบันและความชัดเจนด้านกฎระเบียบ ตลาดสำคัญต่าง ๆ เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ และดูไบ มีความก้าวหน้าในการกำหนดกฎระเบียบที่ชัดเจน ซึ่งจะช่วยผลักดันการเติบโตของตลาดคริปโท
“ปีนี้เราเห็นการพัฒนากฎระเบียบที่ชัดเจนขึ้นทั่วโลก ยกเว้นสหรัฐฯ ที่ยังคงมีความล่าช้า ขณะที่ประเทศไทยกำลังเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น โดยมีการส่งเสริมการใช้โทเคนดิจิทัลเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัล และสร้างโอกาสใหม่ ๆ เช่น ESG และ Soft Power”
นเรศ กล่าว

ความมั่นคงของ Bitcoin จุดแข็งสำคัญในปี 2024
พิริยะ สัมพันธารักษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้าน Bitcoin กล่าวว่า ปี 2024 ถือเป็นปีที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับ Bitcoin เนื่องจากเป็นปีที่ครบรอบ 15 ปี ของการสร้างสกุลเงินดิจิทัลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลก แม้ว่าปีนี้อาจไม่ใช่ปีที่ราคาสูงที่สุด แต่ความมั่นคงของ Bitcoin ยังคงทำให้มันเป็นสินทรัพย์ที่เชื่อถือได้ และยังคงเป็นจุดแข็งในปี 2024
กล่าวได้ว่า ปี 2024 Bitcoin ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยมีจุดแข็งสำคัญดังนี้
การกระจายศูนย์กลาง (Decentralization) Bitcoin เป็นระบบที่ไม่มีการควบคุมจากหน่วยงานใดๆ หรือรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่ง ซึ่งเป็นจุดแข็งสำคัญที่ทำให้มันมั่นคงต่อการแทรกแซงจากภายนอก การกระจายตัวของโหนด (Nodes) ทั่วโลกช่วยให้เครือข่าย Bitcoin ยังคงดำเนินงานได้แม้จะมีปัญหากับบางส่วนของเครือข่าย
ความปลอดภัยด้วย Blockchain เทคโนโลยี Blockchain ของ Bitcoin มีระบบรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่งจากการทำธุรกรรมที่ถูกตรวจสอบและบันทึกโดยเครือข่ายทั่วโลก ทำให้การปลอมแปลงข้อมูลในระบบนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้ และการทำธุรกรรมยังโปร่งใสและตรวจสอบได้
การยอมรับในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย Bitcoin ถูกมองว่าเป็น ‘ทองคำดิจิทัล’ ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกมีความผันผวน นักลงทุนหลายรายหันมาใช้ Bitcoin เพื่อป้องกันความเสี่ยง จากการเสื่อมค่าของสกุลเงินท้องถิ่น และปัญหาเงินเฟ้อ จึงทำให้ Bitcoin เป็นที่ยอมรับมากขึ้นในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
Halving และการควบคุมอุปทาน ในปี 2024 Bitcoin จะเกิดเหตุการณ์ Halving ซึ่งจะลดจำนวน Bitcoin ที่ขุดได้ลงครึ่งหนึ่ง ทำให้การเพิ่มของปริมาณ Bitcoin ในตลาดลดลง โดยอุปทานที่จำกัดนี้ช่วยสร้างแรงกดดันให้ราคาสูงขึ้นในระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น
สภาพคล่องและการยอมรับทางสถาบันการเงิน การที่สถาบันการเงินหลัก ๆ ยอมรับ Bitcoin เพิ่มมากขึ้น เช่น ธนาคารกลางและบริษัทจัดการกองทุน ทำให้สภาพคล่องของ Bitcoin เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างเสถียรภาพในตลาด
“ปีนี้เป็นการยืนยันความมั่นคงของ Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์ดิจิทัล แม้ว่าในปี 2024 อาจไม่เห็นราคาที่สูงที่สุด แต่ปีนี้เป็นปีที่ Bitcoin ยังคงยืนยันบทบาทของตนในตลาดดิจิทัล”
พิริยะ กล่าว

Bitcoin และการเติบโตเชิงกลยุทธ์
ผศ.ดร.อุดมศักดิ์ รักวงษ์วาน ผู้ร่วมก่อตั้ง FWX เผยถึงปัจจัยทางตลาด ที่ขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดคริปโทในปี 2024 ว่า การเติบโตในปี 2024 ได้รับแรงผลักดันจากการ Halving ของ Bitcoin หรือคือ กระบวนการที่รางวัลการขุด (block reward) ของ Bitcoin ถูกลดลงครึ่งหนึ่งทุกๆ 210,000 บล็อก หรือประมาณทุกๆ 4 ปี การ Halving เกิดขึ้นตามกลไกที่ถูกเขียนไว้ในโปรโตคอลของ Bitcoin โดยวัตถุประสงค์ของการทำ Halving คือการจำกัดจำนวน Bitcoin ที่จะถูกผลิตขึ้นในแต่ละช่วงเวลา และทำให้จำนวน Bitcoin ทั้งหมดที่สามารถมีอยู่ได้สูงสุดที่ 21 ล้านเหรียญ นอกจากนี้ ยังมีการสะสมสินทรัพย์จากกลุ่ม ‘วาฬ’ และการมีส่วนร่วมของสถาบันการเงิน
“การ Halving ของ Bitcoin จะส่งผลให้ราคาสูงขึ้น และการสะสม Bitcoin จากผู้เล่นรายใหญ่ส่งสัญญาณความมั่นใจในตลาด”
ดร.อุดมศักดิ์ กล่าว

คริปโตเข้าสู่กระแสหลัก
นิรันดร์ ฟูวัฒนานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กัลฟ์ ไบแนนซ์ กล่าวว่า ปี 2024 จะถูกจดจำว่า เป็นปีที่ ‘คริปโทเริ่มเข้าสู่กระแสหลัก’ โดยมีการมีการพัฒนาที่สำคัญในหลายๆ ประเทศ เช่น การเข้าร่วมจากสถาบันการเงิน โดยบริษัทการเงินและธนาคารใหญ่ๆ เริ่มลงทุนในคริปโทหรือเปิดบริการที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น สร้างผลิตภัณฑ์การลงทุน เช่น Bitcoin ETFs กองทุนคริปโท หรือการอนุญาตให้ลูกค้าใช้ Bitcoin และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ในการทำธุรกรรม สถาบันการเงินเหล่านี้ยิ่งช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในคริปโท
นอกจากนี้ ยังมี การเปิดกว้างจากภาครัฐและกฎหมาย โดยหลายประเทศเริ่มวางนโยบายที่ชัดเจนในการกำกับดูแลคริปโท ทำให้ผู้ลงทุนและธุรกิจมีความมั่นใจมากขึ้น ซึ่งทำให้คริปโทสามารถเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของระบบการเงินได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
“เรามีการเปิดตัว ETF ของ Bitcoin ในสหรัฐฯ และฮ่องกง กฎระเบียบของยุโรปภายใต้ MICA เริ่มมีผล และรัสเซียกำลังรับรองการขุด Bitcoin ประเทศเล็ก ๆ เช่น เอลซัลวาดอร์ และภูฏานก็สะสม Bitcoin อย่างต่อเนื่อง สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในระดับโลกต่อเทคโนโลยีนี้”
นิรันดร์ กล่าว

การผสานระหว่างการเงินดั้งเดิมและคริปโต
ดร.กร พูนศิริวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และผู้อำนวยการโครงการ Binance TH Academy เผย การผสานระหว่างการเงินดั้งเดิมและคริปโทในปี 2024 จะเป็นจุดเริ่มต้นของการยอมรับที่กว้างขวางขึ้นในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล โดยมีปัจจัยสำคัญหลายประการที่สนับสนุนการยอมรับของระบบการเงินคริปโทเข้าสู่กระแสหลัก เช่น
การยอมรับจากสถาบันการเงิน โดยธนาคารดั้งเดิมและสถาบันการเงินเริ่มเปิดรับและใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนและคริปโทในการทำธุรกรรม รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ เช่น การเสนอกองทุน ETF ที่อิงกับคริปโท หรือการใช้บล็อกเชนในการโอนเงินข้ามประเทศ ทำให้คริปโทกลายเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างการเงินที่มั่นคงขึ้น
CBDCs (Central Bank Digital Currencies) ธนาคารกลางในหลายประเทศกำลังพัฒนาและทดลองใช้สกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (CBDCs) เช่น Digital Yuan ของจีน การพัฒนา CBDC อาจเป็นตัวเชื่อมสำคัญระหว่างโลกการเงินดั้งเดิมและโลกคริปโต โดยเป็นทางเลือกใหม่ที่สามารถใช้ในการชำระเงินและโอนเงินได้อย่างรวดเร็ว
เทคโนโลยีที่พัฒนามากขึ้น การพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชน เช่น Ethereum 2.0 ที่เพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกรรม ทำให้คริปโทมีความสามารถในการรองรับการใช้งานในวงกว้างมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเงินสำหรับผู้บริโภคหรือภาคธุรกิจ
“ปี 2024 เป็นปีที่เราจะเห็นการผสานระหว่างการเงินดั้งเดิมและคริปโต โดยมีการเปิดตัว ETF สำหรับ Bitcoin และ Ethereum ซึ่งทำให้คริปโตเข้าสู่กระแสหลัก”
ดร.กร กล่าว
