เตือนภัย! ยุคคริปโทฯ ขาขึ้น แนะโยกเก็บกระเป๋าฮาร์ดแวร์

14 มีนาคม 2567 - 08:18

-SPACEBAR-Hero.jpg
  • 3 ปัญหาหลักเก็บคริปโทฯ ทำให้เสี่ยงไม่ปลอดภัย

  • ปี 2023 ตลาดคริปโทฯ ถูกโจรกรรมทางไซเบอร์สูงถึง $24,200

ในภาวะตลาดขาขึ้น (Bull Run) ของคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ราคาเหรียญมักพุ่งสูงขึ้น อย่างต่อเนื่อง ดึงดูดนักลงทุนทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ให้เข้ามาลงทุนในตลาดคริปโทฯ มากขึ้น ขณะเดียวกันก็ดึงดูดมิจฉาชีพให้เข้ามาเพิ่มขึ้นเช่นกัน  ดังนั้นการเก็บรักษาสินทรัพย์และความตระหนักในการใช้งานก็เป็นเรื่องที่สำคัญ

3 ปัญหาหลักเก็บคริปโทฯ ทำให้เสี่ยงไม่ปลอดภัย

นายศุภกฤษฎ์ บุญสาตร์ ผู้ก่อตั้ง บริษัท ไทย บิทแคสต์ จํากัด กล่าวว่า การเก็บรักษาคริปโทฯ มักมีปัญหาหลายประการ และเป็นอุปสรรคที่ทำให้การพัฒนาคริปโทฯ เกิดการใช้งานอย่างแพร่หลายได้ ค่อนข้างช้า แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้

1. ปัญหาด้านความตระหนัก ปัญหานี้เป็นปัญหาหลักของพัฒนาการในการใช้งานคริปโทฯ เลยทีเดียว เนื่องจากคนส่วนใหญ่คุ้นชินกับการพึ่งพาบริการ จากผู้ให้บริการในชีวิตจริง หากเกิดความเสีย หายมีคนพร้อมช่วยเหลือ และสามารถกู้คือหรือย้อนธุรกรรมกลับได้ แต่วิธีคิดนี้ใช้กับบริการทางด้านการ เงินออนไลน์ในยุคนี้ไม่ได้เลย ยิ่งถ้าเป็นธุรกรรมบนโลกคริปโทฯ การย้อนธุรกรรมเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ หากถูกโจรกรรมแล้วจะไม่สามารถดึงเงินกลับได้ ความตระหนักจึงเป็นวิธีการป้องกันที่ถูกและมีประสิทธิ ภาพที่ดีที่สุดอันนึง

2. ปัญหาด้านเความรู้คริปโทฯ​ โดยพื้นฐานคริปโทฯ อาจฟังดูยุ่งยากแต่จริง ๆ แล้วสิ่งที่ผู้ใช้ควรรู้ มีแค่เรื่องการแสดงความเป็นเจ้าของ ในโลกของคริปโทฯ คนใช้ทั่ว ๆ ไปรู้ แต่ว่าเราครอบครองเหรียญ เห็นเหรียญแสดงในกระเป๋า แต่ไม่ได้เข้าใจจริง ๆ การครอบครองนั้นพิสูจน์ด้วยอะไร ถ้าเราเข้าใจเรื่องการพิสูจน์ความเป็นเจ้าของเราก็จะรู้ว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่ต้องปกป้องไม่ใช่สินทรัพย์ แต่เป็นการปกป้องสิ่งที่เราบอกระบบว่าเราเป็นเจ้าของ ซึ่งสิ่งนั้นเรียกว่า Private Key นั่นเอง คริปโทฯ นั้นปลอดภัยอยู่แล้วในระบบตามกฏที่เก็บอยู่บน Blockchain เรียกได้ว่าเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะไป Hack ออกมาได้ ดังนั้นจุดที่ Hacker โจมตี หรือพยายามโจรกรรมก็คือ Private Key เพราะถ้าได้ Private Key ไป Hacker จะพิสูจน์ต่อระบบได้เว่าเค้าเป็นเจ้าของสินทรัพย์นั้น ๆ 

3. ปัญหาทางด้านเทคนิค เนื่องจากเทคโนโลยีเติบโตแบบก้าวกระโดด คนทั่ว ๆ ไปตามการเติบโต นี้ไม่ทัน แม้แต่คนที่อยู่ในอุตสาหกรรมหากไม่ได้ตามข่าวเพียงแค่เดือนเดียวหลาย ๆ อย่างก็ปรับเปลี่ยน เทคโนโลยีหรือเทคนิคการเขียนโปรแกรมถูกใส่เข้าไปเพื่อป้องความมั่งคั่งทางดิจิทัลของคุณ อยู่ตลอดเวลา ในทางกลับกัน Hacker ก็เรียนรู้ที่จะเจาะระบบหาช่องโหว่ จุดอ่อนของผู้ใช้ ดังนั้นผู้ใช้ต้องมีการเรียนรู้ ปรับตัว หมั่นอัพเดตอย่างสม่ำเสมอ

หากผู้ใช้เข้าใจองค์ประกอบหลักทั้ง 3 ข้อนี้ เชื่อว่าการเก็บรักษาสินทรัพย์จะเป็นเรื่องที่ง่าย และห่างไกลจาก Hacker

เผย ปี 2023 ตลาดคริปโทฯ ถูกโจรกรรมทางไซเบอร์สูงถึง $24,200

ในปีที่ผ่านมามูลค่าความเสียหายที่เกิดจากการโจรกรรมทางไซเบอร์โดย เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับคริปโทฯ นั้นมีมูลค่าสูงถึง 24,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ปีนี้มองว่ามีความเป็นไปได้ที่จะอยู่ในช่วงตลาดกระทิง ปัจจัยหลัก ๆ มาจากความต้องการของตลาดที่ครอบครอง Bitcoin ผ่าน Spot Bitcoin ETF ประจวบกับปีนี้เป็นปีที่  Bitcoin จะมีการลดปริมาณการผลิตลงครึ่งหนึ่งที่เรียกว่า Halving ซึ่งจะเกิดขึ้นราว ๆ ทุก 4 ปี

ถ้าไปดูปริมาณ Bitcoin ที่สำรองใน Exchange รวมกันอยู่ในระดับที่ต่ำ มีการซื้อแล้วโอนออกไปเก็บทั้งนักลงทุนสถาบันและรายย่อยจนอยู่ในระดับที่ต่ำมาก ถ้าลองจินตนาการ ถึงความต้องการตลาดที่ยังไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ มาเจอกับปริมาณของที่มีอยู่อย่างจำกัดบน Exchange ซึ่งปัจจุบันมีการผลิตเติม Bitcoin เข้ามาประมาณ 900 Bitcoin ต่อวัน จะเหลือ 450 Bitcoin ต่อวัน ยังไม่นับรวมเรื่องที่ Spot Ethereum ETF คาดว่าจะได้รับการอนุมัติในช่วงกลางปีนี้ จะเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาคริปโทฯ สูงขึ้น โดยในปีนี้มองกรอบราคากว้าง ๆ ถ้าดูตาม Linear regression fit มีความเป็นไปได้ที่จะถึง 100,000 ดอลลาร์ ขณะที่ Resistance อยู่ที่ราว ๆ 380,000 ดอลลาร์ ส่วน Support อยู่ที่ 35,000 ดอลลาร์

อย่างไรก็ตามการขึ้นราคาของเหรียญในตลาดคริปโทนั้นย่อมทำให้ล่อตาล่อใจเหล่า Hacker เพราะต้นทุนในการโจรกรรมเท่าเดิมแต่ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น ผนวกกับนักเทรดหน้าใหม่ที่สนใจจะเข้ามาในตลาดมากขึ้นด้วยทำให้ตัวเลขความเสียหายจากการโจมตีทางไซเบอร์เพิ่มขึ้นตามราคาของ Bitcoin และคริปโทอื่น ๆ

ทั้งนี้ Bitcast เข้าใจความต้องการของตลาด และเล็งเห็นว่าการเติบโตของตลาดจะยั่งยืนได้ผู้ใช้งานต้องมีความรู้ ความตระหนัก และมีเทคโนโลยีที่เหมาะสม จึงได้คัดสรร Hardware Wallet Brand OneKey เข้ามาจัดจำหน่าย และ Bitcast ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย 

นอกจากนี้ยังมีผู้ใช้ยังไม่เข้าใจความต่างของการเก็บรักษาสินทรัพย์เองว่าเราสามารถทำได้ โดยไม่จำเป็นจะต้องพึ่งพา Exchange ซึ่งวัตถุประสงค์ของการที่ Exchange เกิดขึ้นมาเพื่อเป็นตลาดสำหรับแลก เปลี่ยน Bitcoin และ Digital Asset อื่น ๆ แต่คนส่วนใหญ่ มองเป็นที่สำหรับเก็บ Bitcoin และ  Digital Asset นิติบุคคลต้องการโซลูชั่นในการเก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างปลอดภัย อย่างเช่น Multi-Sig Wallet เป็นต้นเพื่อการก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านการให้คำปรึกษาและโซลูชั่นสำหรับเก็บรักษา Bitcoin และ Digital Asset ด้วยตนเอง

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์